xs
xsm
sm
md
lg

ปั่นราคาปาล์มรายวัน มาร์คบี้เจ๊วาดูแลให้ดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-น้ำมันปาล์มวิกฤต! ไม่เลิก ผู้ผลิตเลิกทำออกขาย เหตุไม่คุ้มทุน เหลือแต่ขวดฝาสีฟ้าของพาณิชย์ ชาวบ้านโวยหาซื้อไม่ได้ ของไม่ถึงมือ แฉห้างค้าปลีก ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ลักไก่เอาโควตาที่ได้ขายตลาดมืดฟันกำไรอื้อ แฉปั่นกันจนทะลุ 65 บาท บางแห่งปาเข้าไป 80 บาทแล้ว "พาณิชย์"ยังคุยกระจาย 22 ล้านขวดครบทั้งประเทศ 16 ก.พ.นี้ ส่วนนำเข้าล็อตใหม่ชงนายกฯ จะให้ขึ้นราคาหรือไม่ เหตุต้นทุนสูง ด้าน "มาร์ค" บี้ "เจ๊วา" ดูแลให้เต็มที่หน่อย

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การสำรวจสถานการณ์จำหน่ายน้ำมันปาล์ม และน้ำมันพืชชนิดอื่นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่า ยังมีปัญหาขาดแคลน และราคาแพงอย่างหนัก โดยประชาชนไม่สามารถหาซื้อได้ตามปกติ โดยการซื้อในห้างสรรพสินค้า จะต้องแยกกันซื้อ ยิ่งกว่าของลดราคา และจำกัดการซื้อ โดยจะมีวางขายเฉพาะช่วงเช้าเท่านั้น ซึ่งจากการสอบถามพนักงานประจำห้าง ได้รับการชี้แจงว่าได้รับโควตามาน้อย เมื่อจำหน่ายหมดแล้วก็หมดเลย ส่วนในตลาดสด พบว่า มีน้ำมันปาล์มขายเฉพาะขวดฝาสีฟ้า แต่ราคาปรับขึ้นเกินราคาควบคุมโดยขายอยู่ที่ขวดละ 65-70 บาท บางแห่งสูงถึง 75-80 บาท

สาเหตุที่ยังทำให้น้ำมันปาล์มขาดแคลน เป็นเพราะผู้ผลิตไม่ยอมผลิตสินค้าออกสู่ตลาด เพราะต้นทุนการผลิตสูงเกินกว่าราคาบรรจุขวดที่กำหนดไว้ 47 บาท โดยขณะนี้ราคาผลปาล์มเฉลี่ยกก.ละ 7-10 บาท ราคาน้ำมันปาล์มขั้นต่ำควรจะอยู่ที่ขวดละ 54 บาท แต่เมื่อถูกบังคับให้ขายในราคาควบคุม ก็ไม่มีผู้ผลิตรายใดผลิตน้ำมันปาล์มออกมาจำหน่าย ทำให้น้ำมันปาล์มที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาด มีเพียงน้ำมันฝาสีฟ้าที่เป็นส่วนที่กระทรวงพาณิชย์นำเข้ามาล็อตแรก 3 หมื่นตันเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังพบว่า ขั้นตอนการจำหน่ายผ่านห้างค้าปลีก ได้มีการลักลอบขายหลังห้าง ซึ่งวิธีการพนักงานห้างจะทำการสแกนบาโค้ดน้ำมันปาล์ม เพื่อหักยอดออกจากระบบ แล้วนำน้ำมันที่ได้กันเอาไว้แอบไปขายต่อให้กับผู้ที่สนใจในราคาที่สูงกว่าราคาควบคุม และยังพบยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ได้ปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมา ผู้ค้ารายย่อยที่ถูกกระทรวงพาณิชย์จับกุมได้ซัดทอดว่ายี่ปั๊ว ซาปั๊ว ได้ปรับขึ้นราคาขายส่ง ทำให้ต้องขายปลีกในราคาที่แพงขึ้น

ส่วนสถานการณ์น้ำมันพืชชนิดอื่นๆ พบว่า มีราคาแพงขึ้นทั้งหมด ทั้งน้ำมันรำข้าว และน้ำมันเมล็ดทานตะวัน ส่วนน้ำมันถั่วเหลือง ปัจจุบันหาซื้อได้ยากและมีราคาขายเกินไปกว่าราคาควบคุมที่ 46 บาท โดยขายเพิ่มขึ้นเป็นขวดละ 65-75 บาท

นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า หลังจากกระทรวงพาณิชย์ได้มีการปรับช่องทางการจำหน่ายน้ำมันปาล์ม โดยร้อยละ 50 กระจายผ่านห้างโมเดิร์นเทรด และอีกร้อยละ 50 กระจายสู่ผู้บริโภคโดยตรงผ่านทางชุมชนใหญ่ รถโมบายเคลื่อนที่ 5-6 คันต่อวัน รวมถึงศาลากลางทุกจังหวัด ซึ่งในวันที่ 16 ก.พ.นี้ จะกระจายได้ครบทั่วประเทศ เฉลี่ยจังหวัดละ 1.2 หมื่นขวด

ส่วนของการนำเข้าปาล์มล็อตใหม่ 1.2 แสนตัน ยอมรับว่าราคาสูงขึ้นถึงลิตรละ 41 บาท ก็จะหารือนายกรัฐมนตรีว่าจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาหรือไม่ หรือจะใช้วิธีการช่วยเหลืออย่างไร เพราะผู้ประกอบการไม่อาจแบกรับภาระได้ หากยังให้จำหน่ายในราคาลิตรละ 47 บาท อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จะมีการตรวจเข้มการจำหน่ายน้ำมันปาล์มจุกฟ้าเกินราคา โดยหากพบจะดำเนินการตามกฎหมายทันที โดยมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งขณะนี้ได้จับกุมผู้ค้าในตลาดจังหวัดปทุมธานีแล้ว 1 รายหลังจากขายเกินราคาขวดละ 70 บาท

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีปัญหาน้ำมันพืช มีราคาสูงขึ้น จนเกิดการกักตุน และทำให้ขาดตลาดว่า ได้สอบถามทางนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์แล้ว บอกว่าการนำเข้าและการเร่งผลิตมีการดำเนินการอย่างเต็มที่ แต่ยังมีปัญหาว่าประชาชนยังมีความไม่มั่นใจ พอไปซื้อกันมากๆ ก็เลยทำให้เกิดการขาดตลาด ซึ่งนางพรทิวา ได้ยืนยันกับตนว่า กำลังเร่งดูแลอย่างเต็มที่ ส่วนที่จะมีผลกระทบต่อน้ำมันถั่วเหลืองด้วยนั้น เนื่องจากช่องว่างราคาแคบลง จากราคาเดิมที่มันต่างกันมาก พอขยับเข้ามาใกล้กัน ก็เลยหันไปใช้น้ำมันถั่วเหลืองมากขึ้น จึงทำให้เกิดผลกระทบ แต่ภาพรวมทั้งหมด รมว.พาณิชย์ ยืนยันว่าจะเร่งคลี่คลายปัญหาให้ได้โดยเร็ว

ส่วนที่มีการนำเข้าแต่ยังขาดตลาดอยู่นั้น นายกฯ กล่าวว่า นางพรทิวาบอกกับตนว่า อยู่ที่การไปเร่งเรื่องการเพิ่มการผลิต ส่วนจะมีปัญหาเรื่องการกักตุนด้วยหรือไม่นั้น ตรงนี้ตรวจสอบอยู่ตลอด จริงๆ แล้ว ไม่ต้องการให้มีการกักตุนทั้งนั้น

เมื่อถามว่า คิดว่าปัญหาการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์ม มาถูกทางแล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องของการคลายปัญหาความขาดแคลนมันมีความชัดเจนในเรื่องของการอนุมัติให้มีการนำเข้ามาแล้ว ที่จะต้องมาเร่ง คือ กระบวนการในช่วงของการผลิตและการกระจาย ส่วนกรณีนักการเมืองพรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่า มีคนในรัฐบาล มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้ ยังไม่ทราบเลย แต่ก็ยินดีให้ตรวจสอบ
กำลังโหลดความคิดเห็น