ASTVผู้จัดการรายวัน - “อนันต์ อัศวโภคิน” คาดอสังหาฯปี 54 โตลดลงเหลือแค่ 8-10% หวั่นดอกเบี้ยขึ้น น้ำมันแพง กระทบตลาด คาดราคาบ้านปรับขึ้นกว่า 5% เตือนคนซื้อคอนโดฯหรูปล่อยเช่า ระวังสรรพากรเคาะห้องเก็บภาษีย้อนหลัง เผยแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์หลังปรับตัวขยายลงทุนคอนโดฯ ทาวน์เฮาส์ หนุนปี 54 โตไม่น้อยกว่า 20-25%
นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2554 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 8-10% หรือเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 10,000 ยูนิต จากภาพรวมของปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 80,000 ยูนิต พิจารณาภาพรวมเศรษฐกิจดี อัตราการว่างงานที่ลดลง ทั้งนี้สมติฐานดังกล่าวไม่รวมผลกระทบจากการเมืองและปัญหาจากภายนอกประเทศ โดยตลาดคอนโดมิเนียม ยังคงเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงที่สุด เมื่อเทียบกับบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ที่คาดว่าจะทรงตัว
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่น่ากังวลและอาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจได้ คือ การปรับขึ้นของราคาน้ำมันที่จะส่งผลให้ต้นทุนก่อสร้างและราคาบ้านปรับขึ้นโดยเฉลี่ยคาดว่าจะปรับขึ้นกว่า 5% ในขณะที่ทุกปีปรับขึ้นไม่เกิน 5% แต่อย่างไรก็ดีจากปัจจัยการแข่งขันที่รุนแรง อาจทำให้การปรับราคาขึ้นทำได้ยาก โดยเฉพาะในตลาดที่อยู่อาศัยราคา 2-5 ล้านบาท ในขณะที่มองว่ามาตรการกำหนดอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักทรัพย์ หรือ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย จะไม่มีผลกระทบต่อการเติบโตของตลาด เนื่องจากภาคธุรกิจสามารถปรับตัวเพื่อให้รับกับเกณฑ์ของราชการได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีเรื่องแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ที่คาดว่าจะปรับขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ เพราะการปรับขึ้นของดอกเบี้ยเพียง 1% ในปัจจุบันเท่ากับว่าปรับขึ้นถึง 20% ซึ่งจะทำให้ตลาดอสังหาฯชะลอตัวลง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับบนจะชะลอตัวมากที่สุด รองลงมาเป็นระดับกลาง ทั้งนี้คาดว่าตลาดคอนโดมิเนียมจะค่อยปรับลดลงจาดตลาดรวม 80,000 ยูนิต ต่อปีในปัจจุบัน
“ ไม่รู้รัฐบาลเอาเงินไปใช้ที่ไหนหมด ที่ผ่านมาได้ข่าวว่าคนของรัฐบาลไปเคาะประตูห้องคอนโดฯหรู ถ้าห้องไหนเจ้าของปล่อยเช่าเค้าก็จะไปเก็บภาษีย้อนหลังกับเจ้าของ หรือ ถามคนเช่า เจ้าของห้องอยู่ที่ไหน ใครที่ซื้อคอนโดฯปล่อยเช่าแล้วไม่ได้เสียภาษีก็ต้องระวังไว้ว่าจะถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ” นายอนันต์ กล่าว
นายอนันต์ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาตลาดคอนโดฯมีการเติบโตขึ้นอย่างมาก จาก 50,000 ยูนิต ในปี 50 และเพิ่มมาเป็น 80,000 ยูนิตในปี 53 ส่วนหนึ่งมาจากการแข่งขันปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ ไม่ต้องมีเงินดาวน์ รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยในตลาดต่ำ ทำให้ตลาดบ้านเช่าหันมาซื้อบ้านแทนเพราะราคาผ่อนบ้านเท่ากับค่าเช่า อย่างไรก็ตามการเติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ตลาดถูกดูดซับไปจำนวนมาก จะทำให้คอนโดฯไม่เติบโตมากอย่างเช่นที่ผ่านมาและคาดว่าจำนวนจะลดลงจาก 80,000 ยูนิตในปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
นอกจากนี้การหดตัวของตลาดบ้านเดี่ยวจาก 16,000 ยูนิต เหลือเพียง 10,000 ยูนิต/ปีในปัจจุบัน ทำให้แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ปรับแผนการลงทุนจากเดิมเน้นพัฒนาบ้านเดี่ยว มาเป็นขยายฐานตลาดเพิ่มขึ้น ด้วยการเพิ่มพอร์ตการลงทุนคอนโดฯและทาวฯเฮาส์ระดับกลางล่าง ทำให้ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมายอดขายของบริษัทโตขึ้นกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาและคาดว่าทั้งปีจะมีอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่า 20-25% อย่างแน่นอน
นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2554 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 8-10% หรือเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 10,000 ยูนิต จากภาพรวมของปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 80,000 ยูนิต พิจารณาภาพรวมเศรษฐกิจดี อัตราการว่างงานที่ลดลง ทั้งนี้สมติฐานดังกล่าวไม่รวมผลกระทบจากการเมืองและปัญหาจากภายนอกประเทศ โดยตลาดคอนโดมิเนียม ยังคงเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงที่สุด เมื่อเทียบกับบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ที่คาดว่าจะทรงตัว
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่น่ากังวลและอาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจได้ คือ การปรับขึ้นของราคาน้ำมันที่จะส่งผลให้ต้นทุนก่อสร้างและราคาบ้านปรับขึ้นโดยเฉลี่ยคาดว่าจะปรับขึ้นกว่า 5% ในขณะที่ทุกปีปรับขึ้นไม่เกิน 5% แต่อย่างไรก็ดีจากปัจจัยการแข่งขันที่รุนแรง อาจทำให้การปรับราคาขึ้นทำได้ยาก โดยเฉพาะในตลาดที่อยู่อาศัยราคา 2-5 ล้านบาท ในขณะที่มองว่ามาตรการกำหนดอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักทรัพย์ หรือ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย จะไม่มีผลกระทบต่อการเติบโตของตลาด เนื่องจากภาคธุรกิจสามารถปรับตัวเพื่อให้รับกับเกณฑ์ของราชการได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีเรื่องแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ที่คาดว่าจะปรับขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ เพราะการปรับขึ้นของดอกเบี้ยเพียง 1% ในปัจจุบันเท่ากับว่าปรับขึ้นถึง 20% ซึ่งจะทำให้ตลาดอสังหาฯชะลอตัวลง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับบนจะชะลอตัวมากที่สุด รองลงมาเป็นระดับกลาง ทั้งนี้คาดว่าตลาดคอนโดมิเนียมจะค่อยปรับลดลงจาดตลาดรวม 80,000 ยูนิต ต่อปีในปัจจุบัน
“ ไม่รู้รัฐบาลเอาเงินไปใช้ที่ไหนหมด ที่ผ่านมาได้ข่าวว่าคนของรัฐบาลไปเคาะประตูห้องคอนโดฯหรู ถ้าห้องไหนเจ้าของปล่อยเช่าเค้าก็จะไปเก็บภาษีย้อนหลังกับเจ้าของ หรือ ถามคนเช่า เจ้าของห้องอยู่ที่ไหน ใครที่ซื้อคอนโดฯปล่อยเช่าแล้วไม่ได้เสียภาษีก็ต้องระวังไว้ว่าจะถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ” นายอนันต์ กล่าว
นายอนันต์ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาตลาดคอนโดฯมีการเติบโตขึ้นอย่างมาก จาก 50,000 ยูนิต ในปี 50 และเพิ่มมาเป็น 80,000 ยูนิตในปี 53 ส่วนหนึ่งมาจากการแข่งขันปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ ไม่ต้องมีเงินดาวน์ รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยในตลาดต่ำ ทำให้ตลาดบ้านเช่าหันมาซื้อบ้านแทนเพราะราคาผ่อนบ้านเท่ากับค่าเช่า อย่างไรก็ตามการเติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ตลาดถูกดูดซับไปจำนวนมาก จะทำให้คอนโดฯไม่เติบโตมากอย่างเช่นที่ผ่านมาและคาดว่าจำนวนจะลดลงจาก 80,000 ยูนิตในปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
นอกจากนี้การหดตัวของตลาดบ้านเดี่ยวจาก 16,000 ยูนิต เหลือเพียง 10,000 ยูนิต/ปีในปัจจุบัน ทำให้แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ปรับแผนการลงทุนจากเดิมเน้นพัฒนาบ้านเดี่ยว มาเป็นขยายฐานตลาดเพิ่มขึ้น ด้วยการเพิ่มพอร์ตการลงทุนคอนโดฯและทาวฯเฮาส์ระดับกลางล่าง ทำให้ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมายอดขายของบริษัทโตขึ้นกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาและคาดว่าทั้งปีจะมีอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่า 20-25% อย่างแน่นอน