xs
xsm
sm
md
lg

BCPฟุ้งกำไรโตกว่า2.8พันล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บางจากฯตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 1.5-1.6 แสนล้านบาท และมีกำไรสุทธิดีกว่าปีที่แล้ว เหตุจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และบริษัทฯมีกำลังการกลั่นเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 9.2 หมื่นบาร์เรล/วัน ค่าการกลั่น 6 เหรียญ/บาร์เรล และรับรู้รายได้จากจากโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์เฟสแรก 120 ล้านบาท จ่อขายหุ้น " บางจาก โซลาร์ฯ " ให้ต่างชาติ 30-40% เพื่อนำเงินไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้า เฟส 3

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)(BCP) เปิดเผยว่าในปีนี้บริษัทฯคาดว่ามีรายได้รวม 1.5-1.6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.38 แสนล้านบาท และมีกำไร สูงกว่าปี 2553 ที่มีกำไรสุทธิ 2.8 พันล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และโรงกลั่นบางจากกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 1แสนบาร์เรลไตรมาส 2 นี้ทำให้เฉลี่ยทั้งปีมีกำลังการกลั่นอยู่ 9.2 หมื่นบาร์เรล/วัน สูงกว่าปีก่อน ส่วนค่าการกลั่นเฉลี่ยปีนี้ใกล้เคียงปีที่แล้วอยู่ที่ 6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

นอกจากนี้บริษัทได้ลดการกลั่นน้ำมันดีเซลหันมากลั่นน้ำมันอากาศยานมากขึ้น ทำให้มาร์จิ้นสูงชึ้น และจะมีการผลิตตามมาตรฐานยูโร 4 ในปลายปีนี้ ทำให้ได้ราคาที่ดีกว่าเดิม รวมทั้งบริษัทมีผลผลิตก๊าซหุงต้ม( LPG) เพิ่มขึ้นจาก 1-2 พันตัน/เดือนเป็น 3-4 พันตัน/เดือนในช่วงไตรมาส 3 หรือ 4 นี้

" ค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น ทำให้ EBITDA ในปี 54 ดีกว่าปีก่อนที่มี EBITDA ประมาณ 5.8 พันล้านบาท และค่าการกลั่นไม่รวมสต๊อกอยู่ที่ 5.63 เหรียญ/บาร์เรล "

นายอนุสรณ์ กล่าวถึง แผนการลงทุนในปีนี้ว่า บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 9 พันล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจโรงกลั่นและการตลาดซึ่งเป็นงบปกติ 1 พันล้านบาท และใช้ในการปรับปรุงสถานีบริการน้ำมันบางจากให้ทันสมัยใช้เงินลงทุนกว่า 500 ล้าน โครงการปรับปรุงคุณภาพตามมาตรฐานยูโร 4 วงเงิน 1.5 พันล้านบาท โครงการลงทุนธุรกิจเอทานอล ประมาณ 2 พันล้านบาท โครงการผลิตไบโอดีเซล 100 ล้านบาท และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย 4 พันล้านบาท

ขณะที่การลงทุนในเหมืองโปแตซอาเซียนยังไม่ได้กำหนดวงเงินลงทุนแน่นอน เนื่องจากบริษัทฯต้องการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 25% จากปัจจุบันที่ถือหุ้นอยู่ 16% โดยโครงการเหมืองโปแตซนี้ คาดว่าจะมีกำลังการผลิตที่ 5 แสนตันต่อปี ใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 1 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เฟส 2 กำลังการผลิต 32 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 3.6 พันล้านบาท กำลังประมูลหาผู้รับเหมาในไตรมาส 2นี้ คาดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2555 โดยจะสร้าง EBITDA ราว 700 ล้านบาท/ปี ส่วนโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์เฟส 1 จะมี EBITDA ราว 700 ล้านบาท/ปี จะสร้างเสร็จในเดือนต.ค. 54 ทำให้ปีนี้รับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าเฟสแรก 120 ล้านบาท

นอกจากนี้ บางจากฯอยู่ระหว่างการพิจารณาโรงทุนโรงไฟฟ้าเฟส 3 กำลังผลิต 48 เมกะวัตต์ตั้งอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 6 พันล้านบาท เริ่มก่อสร้างในปี 2555 แล้วเสร็จในปีถัดไป สร้างEBITDA ปีละ 900 ล้านบาท ดังนั้นในปี 2557 บางจากฯ จะรับรู้ EBITDA จากโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ทั้ง 3 เฟสปีละประมาณ 2.2-2.3 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีบริษัทต่างชาติหลายรายสนใจเข้าร่วมทุนในบริษัท บางจากโซลาร์ เอ็นเนอยี่ จำกัด ที่บริษัทฯถือหุ้นอยู่ 100%ในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์เฟส 2-3 ซึ่งบริษัทฯมีแผนจะขายหุ้นให้นักลงทุนดังกล่าวไม่เกิน 30-40%ภายในปีนี้ เพื่อนำเงินจากการขายหุ้นมาลงทุนโรงไฟฟ้าฯในเฟส 3 ส่วนโครงการลงทุนเอทานอลนั้น คาดว่าปีนี้จะสรุปการเข้าไปร่วมลงทุนโครงการผลิตเอทานอลเพิ่มเติมอย่างน้อย 1 โครงการจากปัจจุบันที่มีการเจรจาอยู่ 3 ราย โดยบริษัทต้องการเข้าไปร่วมทุนกับบริษัทผลิตเอทานอล ทั้งโรงผลิตและพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง โดยเข้าไปร่วมถือหุ้น 40% เนื่องจากบริษัทฯมีความต้องการใช้เอทานอลเพิ่มขึ้นเป็น 4 แสนลิตร/วันอีก 3 ปีข้างหน้าจากปัจจุบันใช้อยู่ 2 แสนลิตรต่อวัน ด้านธุรกิจไบโอดีเซล จะมีการขยายกำลังการผลิตในปีนี้เพิ่มอีก 6 หมื่นลิตรวัน เป็น 3.6 แสนลิตร/วัน

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯมีความต้องการระดมทุน 5 พันล้านบาทในครึ่งปีหลัง2554 อาจจะออกเป็นหุ้นกู้หรือใช้เงินกู้จากเอดีบีหรือกองทุนต่างประเทศที่สนับสนุนพลังงานสะอาด เพื่อนำเงินไปใช้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ต่อเนื่อง เฟส 3
กำลังโหลดความคิดเห็น