ASTVผู้จัดการรายวัน – เจเอสแอล ปรับทัพภายในใหม่ แต่งโฉมรายการเรียกเรตติ้ง วางหมากต่อยอดธุรกิจแบบ 360 องศา พร้อมผุดทีวีดาวเทียม โฟกัสโชว์บิซ มั่นใจสิ้นปีรายได้ทะลุ 1,500 ล้านบาท กำไรโต 15%
นางจำนรรค์ ศิริตัน หนุนภักดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทปรับโครงสร้างองค์กรดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารงานมากขึ้น เช่น นายอัครเศวต หัสดิน เข้ามาดูแลเรื่องการบริหารองค์กร หลังร่วมงานกับเจเอสแอลกว่า 15 ปี ส่วนนายวัชระ แวววุฒินันท์ ดึงกลับมาดูด้านโปรดักส์ชั่นรายการ ตามความเชี่ยวชาญอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านมาเข้ามาช่วยดูในเรื่องของมาร์เก็ตติ้ง นอกจากนี้ยังดึง นางรติวัลคุ์ ศรีมงคลกุล ซึ่งเป็นลูกสาว มาเป็นกรรมการผู้จัดการ
ส่วนนายกฤษณัน งามผาติพงศ์ หลังจากที่เข้ามาร่วมบริหารงานในตำแหน่งซีอีโอเป็นเวลากว่า ปีครึ่ง ตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2552 ที่ผ่านมา ขณะนี้ได้ถอนตัวออกจากตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาให้กับทางบริษัท
ทิศทางการดำเนินงาน จะเน้นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และพัฒนารูปแบบรายการให้มีเนื้อหาสาระ คุณภาพ รวมถึงชิงเรตติ้งให้เพิ่มสูงขึ้น จากปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 9 รายการ และอีก 3 รายการ ของทาง ทีวีบูรพา ซึ่งเป็นบริษัทลูก และที่ปรับรูปแบบรายการไปแล้ว คือ จันทร์พันดาว, กิ๊ก ดู๋ที่จะปรับต่อไป คือ สุริวิภา
ปีนี้มีแผนต่อยอดธุรกิจในรูปแบบ 360 องศา จากตัวคอนเท้นท์หลักที่มีอยู่ ผ่านธุรกิจใน 8 โครงสร้าง คือ 1. ออน แอร์ เช่น รายการโทรทัศน์, เคเบิลทีวี, ทีวีดาวเทียม และไอพีทีวี 2. ออนไลน์ เช่น เว็บไซต์, บล๊อก, โซเชียลเน็ตเวิร์ค และ Portal3. ออน กราวด์ เช่น อีเว้นท์, โรดโชว์ เวิร์คชอป 4. โชว์บิซ เช่น มิวสิคเคิล ทอร์คโชว์ และ คอนเสิร์ต 5.โมบาย เช่น เกม, แอพริเคชั่น และเอสเอ็มเอส 6. โปรดักส์ เช่น รายการที่จะส่งออก, สิ่งพิมพ์, มัลติมีเดีย และไลฟ์สไตล์ 7.พริ้นท์ เช่น สื่อไดเรก, สิ่งพิมพ์ และบิวด์บรอด และ 8. เซอร์วิส ด้วย การทำซีอาร์เอ็ม และซีอีเอ็ม
ทั้ง 8 โครงสร้างนี้ทำงานไปพร้อมๆกันทั้งด้านการผลักดันรายได้ ต่อยอดธุรกิจ หรือสร้างแบรนด์ ซึ่งในโครงสร้างนี้ จะเห็นได้ว่าเจเอสแอล มีการเพิ่มนิวบิซิเนสใหม่ๆ เช่น กลุ่ม ออนแอร์ ปีนี้ได้ร่วมกับทางจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ก่อตั้งบริษัท เจ เอส แอล แชนแนล จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยเจเอสแอลถือหุ้น 75% และแกรมมี่
25% ผุดช่องทีวีดาวเทียมในชื่อ “เจ เอส แอล แชนแนล” นำเสนอรายการต่างๆในอดีตของทางเจเอสแอล เริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ คาดว่าถึงสิ้นปีนี้จะมีรายได้ 40 ล้านบาท
ขณะเดียวกันปีนี้บริษัทจะโฟกัสธุรกิจโชว์บิซมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ได้ทดลองทำมาบ้างในปีก่อน โดยปีนี้เตรียมจัดงานใหญ่ มูลค่างานไม่ต่ำกว่า 10-20 ล้านบาท 3 งาน เช่น สุริวิภา และ จันทร์พันดาว ออนสเตจ รวมถึง คอนเสิร์ตใหญ่ อีก 1 งาน และงานเล็กมูลค่างานไม่เกิน 10 ล้านบาท อีก 3 งาน คาดว่าจะทำให้สิ้นปีมีรายได้กว่า 150 ล้านบาท หลังจากปีก่อนทำได้ 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังได้เซ็นสัญญาร่วมกับทางบริษัท โกลเด็น ซัน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท สร้างภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ จากประเทศจีน เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายรายการต่างๆของเจเอสแอล ให้กับสถานีช่องต่างๆในประเทศจีน
อย่างไรก็ตามในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สถานีโทรทัศน์ต่างๆจะต้องออกอากาศด้วยระบบดิจิตอล ดังนั้นในช่วง 3 ปีหลังจากนี้ทางบริษัทจึงได้วางงบลงทุนไว้กว่า 200 ล้านบาท ในการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆ ราว 100 ล้านบาท สำหรับการผลิตรายการในระบบดิจิตอล และอีก 100 ล้านบาท ในการสร้างสตูดิโอ ในรูปแบบบูติก รองรับระบบดิจิตอลเช่นกัน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงไตรมาสสองปีนี้ และจะแล้วเสร็จภายใน 2 ปี
จากแผนการดำเนินงานปีนี้ทางบริษัทจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท กำไรเติบโต 15% โดยรายได้หลักกว่า 50-55% ยังมาจากรายการโทรทัศน์ รองลงมาคือ ธุรกิจเมอร์เชนไดซ์ และที่เหลือเป็นอื่นๆรวมกัน จากปีก่อนบริษัทมีรายได้ถึง 1,300 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20% กำไรเพิ่มขึ้น 20% เช่นกัน
นางจำนรรค์ ศิริตัน หนุนภักดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทปรับโครงสร้างองค์กรดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารงานมากขึ้น เช่น นายอัครเศวต หัสดิน เข้ามาดูแลเรื่องการบริหารองค์กร หลังร่วมงานกับเจเอสแอลกว่า 15 ปี ส่วนนายวัชระ แวววุฒินันท์ ดึงกลับมาดูด้านโปรดักส์ชั่นรายการ ตามความเชี่ยวชาญอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านมาเข้ามาช่วยดูในเรื่องของมาร์เก็ตติ้ง นอกจากนี้ยังดึง นางรติวัลคุ์ ศรีมงคลกุล ซึ่งเป็นลูกสาว มาเป็นกรรมการผู้จัดการ
ส่วนนายกฤษณัน งามผาติพงศ์ หลังจากที่เข้ามาร่วมบริหารงานในตำแหน่งซีอีโอเป็นเวลากว่า ปีครึ่ง ตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2552 ที่ผ่านมา ขณะนี้ได้ถอนตัวออกจากตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาให้กับทางบริษัท
ทิศทางการดำเนินงาน จะเน้นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และพัฒนารูปแบบรายการให้มีเนื้อหาสาระ คุณภาพ รวมถึงชิงเรตติ้งให้เพิ่มสูงขึ้น จากปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 9 รายการ และอีก 3 รายการ ของทาง ทีวีบูรพา ซึ่งเป็นบริษัทลูก และที่ปรับรูปแบบรายการไปแล้ว คือ จันทร์พันดาว, กิ๊ก ดู๋ที่จะปรับต่อไป คือ สุริวิภา
ปีนี้มีแผนต่อยอดธุรกิจในรูปแบบ 360 องศา จากตัวคอนเท้นท์หลักที่มีอยู่ ผ่านธุรกิจใน 8 โครงสร้าง คือ 1. ออน แอร์ เช่น รายการโทรทัศน์, เคเบิลทีวี, ทีวีดาวเทียม และไอพีทีวี 2. ออนไลน์ เช่น เว็บไซต์, บล๊อก, โซเชียลเน็ตเวิร์ค และ Portal3. ออน กราวด์ เช่น อีเว้นท์, โรดโชว์ เวิร์คชอป 4. โชว์บิซ เช่น มิวสิคเคิล ทอร์คโชว์ และ คอนเสิร์ต 5.โมบาย เช่น เกม, แอพริเคชั่น และเอสเอ็มเอส 6. โปรดักส์ เช่น รายการที่จะส่งออก, สิ่งพิมพ์, มัลติมีเดีย และไลฟ์สไตล์ 7.พริ้นท์ เช่น สื่อไดเรก, สิ่งพิมพ์ และบิวด์บรอด และ 8. เซอร์วิส ด้วย การทำซีอาร์เอ็ม และซีอีเอ็ม
ทั้ง 8 โครงสร้างนี้ทำงานไปพร้อมๆกันทั้งด้านการผลักดันรายได้ ต่อยอดธุรกิจ หรือสร้างแบรนด์ ซึ่งในโครงสร้างนี้ จะเห็นได้ว่าเจเอสแอล มีการเพิ่มนิวบิซิเนสใหม่ๆ เช่น กลุ่ม ออนแอร์ ปีนี้ได้ร่วมกับทางจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ก่อตั้งบริษัท เจ เอส แอล แชนแนล จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยเจเอสแอลถือหุ้น 75% และแกรมมี่
25% ผุดช่องทีวีดาวเทียมในชื่อ “เจ เอส แอล แชนแนล” นำเสนอรายการต่างๆในอดีตของทางเจเอสแอล เริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ คาดว่าถึงสิ้นปีนี้จะมีรายได้ 40 ล้านบาท
ขณะเดียวกันปีนี้บริษัทจะโฟกัสธุรกิจโชว์บิซมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ได้ทดลองทำมาบ้างในปีก่อน โดยปีนี้เตรียมจัดงานใหญ่ มูลค่างานไม่ต่ำกว่า 10-20 ล้านบาท 3 งาน เช่น สุริวิภา และ จันทร์พันดาว ออนสเตจ รวมถึง คอนเสิร์ตใหญ่ อีก 1 งาน และงานเล็กมูลค่างานไม่เกิน 10 ล้านบาท อีก 3 งาน คาดว่าจะทำให้สิ้นปีมีรายได้กว่า 150 ล้านบาท หลังจากปีก่อนทำได้ 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังได้เซ็นสัญญาร่วมกับทางบริษัท โกลเด็น ซัน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท สร้างภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ จากประเทศจีน เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายรายการต่างๆของเจเอสแอล ให้กับสถานีช่องต่างๆในประเทศจีน
อย่างไรก็ตามในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สถานีโทรทัศน์ต่างๆจะต้องออกอากาศด้วยระบบดิจิตอล ดังนั้นในช่วง 3 ปีหลังจากนี้ทางบริษัทจึงได้วางงบลงทุนไว้กว่า 200 ล้านบาท ในการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆ ราว 100 ล้านบาท สำหรับการผลิตรายการในระบบดิจิตอล และอีก 100 ล้านบาท ในการสร้างสตูดิโอ ในรูปแบบบูติก รองรับระบบดิจิตอลเช่นกัน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงไตรมาสสองปีนี้ และจะแล้วเสร็จภายใน 2 ปี
จากแผนการดำเนินงานปีนี้ทางบริษัทจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท กำไรเติบโต 15% โดยรายได้หลักกว่า 50-55% ยังมาจากรายการโทรทัศน์ รองลงมาคือ ธุรกิจเมอร์เชนไดซ์ และที่เหลือเป็นอื่นๆรวมกัน จากปีก่อนบริษัทมีรายได้ถึง 1,300 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20% กำไรเพิ่มขึ้น 20% เช่นกัน