00 ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ “ผิดคิว” หรือกินดีหมีที่ไหนมาไม่อาจทราบได้ กับกรณีที่ ส.ส.ในจังหวัดชายแดนใต้ 3-4 คน ของพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ ประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ อับดุลการิม เต็งระกีนา ส.ส.ยะลา อันวาร์ สาและ อิสมาแอล เบญอิบรอฮิม ส.ส.ปัตตานี ที่ออกเรียกร้องให้ปลด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. เนื่องจากเห็นว่าแก้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ล้มเหลว ไม่สามารถคุ้มครองความปลอดภัยประชาชนได้ สังเกตได้จากในระยะหลังมีการก่อการร้ายในพื้นที่ชุมชนเมืองเป็นส่วนใหญ่ แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของฝ่ายเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะระดับผู้บังคับบัญชา
00 การยกตัวอย่างของบรรดา ส.ส.เหล่านี้ ล้วนทำให้เห็นภาพไม่ว่าจะเป็น งบประมาณ กำลังคน อุปกรณ์ต่างๆ ล้วนได้รับการจัดสรรเข้ามาเพิ่มเติมในพื้นที่อย่างเต็มที่ เมื่อเปรียบเทียบกับที่อื่นๆ แต่ผลงานที่ออกมาล้วนน่าผิดหวัง เพราะ “ดีกรี” ความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่คนร้ายก่อเหตุในป่าเขา เผาตู้โทรศัพท์ เผายางรถยนต์ข้างทาง แต่ปัจจุบันกลับเน้นในเมือง เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ แม้กระทั่งฐานปฏิบัติการทางทหาร ก็ยังไม่เว้นถูกปล้น-ฆ่า ดังที่เกิดขึ้นกับฐาน “พระองค์ดำ” จังหวัดนราธิวาส ก่อนหน้านี้
00 แม้ว่าทุกคนรู้ว่าชายแดนใต้เป็นพื้นที่ “พิเศษ” ต่างจากที่อื่น มีความละเอียดอ่อนทางด้านความเชื่อ และวัฒนธรรม ซึ่งซับซ้อนต้องใช้ความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ และที่สำคัญต้อง “เข้าใจ-เข้าถึง-พัฒนา” ตามพระราชดำรัส อย่างไรก็ดี เมื่อยังก่อเหตุกันรุนแรงบานปลายแบบนี้มันก็ย่อมมีความ “ผิดปกติ” แน่นอน โดยเฉพาะความไร้ประสิทธิภาพของระดับผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่ระดับสูงสุดลงมาตามลำดับ
00 ที่น่าสนใจก็คือการออกมา “แอ็กชั่น” ของ ส.ส.ประชาธิปัตย์ในพื้นที่คราวนี้มันแสดงให้เห็นว่าชาวบ้านเขาเริ่ม “เหลืออด” กับการแก้ปัญหาแบบใช้ “น้ำลาย” หรือกลบปัญหา “หลอกต้ม” ไปวันๆ ก่อนหน้านี้บอกว่า “มาถูกทาง” ถ้าจำได้ผู้มีอำนาจในรัฐบาลหลายคนไล่ลงมาตั้งแต่ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุรรรณ ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ ล้วน “โม้รายวัน” ว่าดีขึ้น ๆ ตอนนี้มีเหตุการณ์จริงตบหน้าก็เสียงอ่อย โดยเฉพาะรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง คนนี้ลองบอกมาซักเรื่องสิว่า มีเรื่องไหนที่รับผิดชอบแล้วทำสำเร็จบ้าง นอกจากเรื่อง “ที่ดินเขาแพง” ทุด !!
00 ถ้าจะว่าไปแล้วหากจะให้ยุติธรรมก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบกันทั้งหมด และคนที่ต้องสมควร “อัปเปหิ” นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว ตัวสำคัญที่สุดที่ต้องไปเป็นคนแรกๆ ก็คือ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง สุเทพ และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร นั่นแหละ รวมไปถึง นายกฯอภิสิทธิ์ ในฐานะ ผอ.กอ.รมน. ที่มีอำนาจในการควบคุมด้านนโยบายสูงสุด
00 อย่าได้แปลกใจเมื่อเห็น ส.ส.ใต้ 3 คนของปชป. ออกมาไล่ ผบ.ทบ. ทำให้ สุเทพ ถึงกับเก็บ “อาการไม่อยู่” เพราะเหมือนกับว่าถูก “ฉีกหน้า” เมื่อไปไล่ ผบ.ทบ. จึงต้องเรียกมาเฉ่ง ก็น่าเห็นใจ เพราะในระดับส.ส.พื้นที่ หากยังขืนนิ่งเฉยไม่เคลื่อนไหวอะไรออกมาบ้าง ขณะที่ชาวบ้านเขาเริ่ม “สุดจะทน” มันก็มีสิทธิ์ “ปิ๋ว” เพราะการเลือกตั้งกำลังจะมาถึง คู่แข่งเปิดเกมรุกเข้ามาทุกวัน บรรยากาศแบบนี้ ก็น่าสนใจเหมือนกัน
00 นับถอยหลังการเลือกตั้งเข้ามาทุกขณะ หลังจากนายกฯ อภิสิทธิ์ ได้ พ.ร.บ.แก้ไขรธน.ฉบับแก้ไขขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งตามกำหนดบอกว่าเมื่อวานนี้ ( 24 ก.พ.) ขึ้นตอนต่อไปอยู่ที่ กกต.จะออกประกาศเกี่ยวกับการเลือกตั้งจะออกมาเสร็จสิ้นได้เมื่อใด แต่เชื่อว่ากลางเดือนมีนาคม น่าจะชัดเจน สอดคล้องกับคำพูดของหัวหน้าพรรคชาติไทยฯ ชุมพล ศิลปอาชา ที่ทำใจเตรียมรับการเลือกตั้งกันแล้ว แต่เวลาที่เหลือไม่มาก ก็ต้องหากำไร “กินเล็กกินน้อย”ไปก่อน
00 อย่างไรก็ดี ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่คงต้องมาหลังจากผ่านการ “ซักฟอก” ซึ่งตามกำหนดคร่าวๆ น่าจะยื่นญัตติในต้นเดือนหน้า จากนั้นราวต้นเดือนค่อนไปทางกลางเดือน จะมีการอภิปราย งานนี้มี “เดิมพันสูง” กันทั้งสองฝ่าย แต่ดูรูปการณ์แล้วนาทีนี้ ฝ่ายรัฐบาลมาร์ค เสียเปรียบ โดยเฉพาะแค่เรื่อง กักตุน-ฟันกำไร “สวาปาล์ม” เรื่องเดียวก็อ๊วกแล้ว แถมชาวบ้านยังเห็นภาพอีกด้วย เชื่อว่า “นักโต้วาที” มืออาชีพ อย่าง อภิสิทธิ์ คงช่วยให้ฟื้นได้ยาก ไม่เชื่อคอยดู !!
00 อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้สังเกตอาการพรรคเพื่อไทย คึกคักเป็นพิเศษ แม้กระทั่ง “เป็ดเหลิม” ที่เคยเสียศูนย์ ก็เริ่มกลืนน้ำลายกลับมาร่วม “จูบปาก” กับ “เจ๊มิ่ง” แล้ว แถม “ 7หัวโจกแดง” ก็ได้ประกันตัวมาเพ่นพ่านข้างนอก ก็ยิ่งสนุกกันใหญ่ ขณะที่ “หน้าเหลี่ยม” ก็เริ่มกลับมาโฟนอิน แบบเน้นๆ และถ้าให้เดา “ท่อน้ำเลี้ยง” ก็เริ่มไหลเต็มสูบอีกรอบแล้ว ที่สำคัญมันมีโอกาสชนะสูงเสียด้วยซีพี่น้อง ไม่ใช่อะไร แต่เป็นเพราะรัฐบาลประชาธิปัตย์มัน “ห่วยแตก” ต่างหาก !!
00 การยกตัวอย่างของบรรดา ส.ส.เหล่านี้ ล้วนทำให้เห็นภาพไม่ว่าจะเป็น งบประมาณ กำลังคน อุปกรณ์ต่างๆ ล้วนได้รับการจัดสรรเข้ามาเพิ่มเติมในพื้นที่อย่างเต็มที่ เมื่อเปรียบเทียบกับที่อื่นๆ แต่ผลงานที่ออกมาล้วนน่าผิดหวัง เพราะ “ดีกรี” ความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่คนร้ายก่อเหตุในป่าเขา เผาตู้โทรศัพท์ เผายางรถยนต์ข้างทาง แต่ปัจจุบันกลับเน้นในเมือง เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ แม้กระทั่งฐานปฏิบัติการทางทหาร ก็ยังไม่เว้นถูกปล้น-ฆ่า ดังที่เกิดขึ้นกับฐาน “พระองค์ดำ” จังหวัดนราธิวาส ก่อนหน้านี้
00 แม้ว่าทุกคนรู้ว่าชายแดนใต้เป็นพื้นที่ “พิเศษ” ต่างจากที่อื่น มีความละเอียดอ่อนทางด้านความเชื่อ และวัฒนธรรม ซึ่งซับซ้อนต้องใช้ความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ และที่สำคัญต้อง “เข้าใจ-เข้าถึง-พัฒนา” ตามพระราชดำรัส อย่างไรก็ดี เมื่อยังก่อเหตุกันรุนแรงบานปลายแบบนี้มันก็ย่อมมีความ “ผิดปกติ” แน่นอน โดยเฉพาะความไร้ประสิทธิภาพของระดับผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่ระดับสูงสุดลงมาตามลำดับ
00 ที่น่าสนใจก็คือการออกมา “แอ็กชั่น” ของ ส.ส.ประชาธิปัตย์ในพื้นที่คราวนี้มันแสดงให้เห็นว่าชาวบ้านเขาเริ่ม “เหลืออด” กับการแก้ปัญหาแบบใช้ “น้ำลาย” หรือกลบปัญหา “หลอกต้ม” ไปวันๆ ก่อนหน้านี้บอกว่า “มาถูกทาง” ถ้าจำได้ผู้มีอำนาจในรัฐบาลหลายคนไล่ลงมาตั้งแต่ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุรรรณ ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ ล้วน “โม้รายวัน” ว่าดีขึ้น ๆ ตอนนี้มีเหตุการณ์จริงตบหน้าก็เสียงอ่อย โดยเฉพาะรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง คนนี้ลองบอกมาซักเรื่องสิว่า มีเรื่องไหนที่รับผิดชอบแล้วทำสำเร็จบ้าง นอกจากเรื่อง “ที่ดินเขาแพง” ทุด !!
00 ถ้าจะว่าไปแล้วหากจะให้ยุติธรรมก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบกันทั้งหมด และคนที่ต้องสมควร “อัปเปหิ” นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว ตัวสำคัญที่สุดที่ต้องไปเป็นคนแรกๆ ก็คือ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง สุเทพ และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร นั่นแหละ รวมไปถึง นายกฯอภิสิทธิ์ ในฐานะ ผอ.กอ.รมน. ที่มีอำนาจในการควบคุมด้านนโยบายสูงสุด
00 อย่าได้แปลกใจเมื่อเห็น ส.ส.ใต้ 3 คนของปชป. ออกมาไล่ ผบ.ทบ. ทำให้ สุเทพ ถึงกับเก็บ “อาการไม่อยู่” เพราะเหมือนกับว่าถูก “ฉีกหน้า” เมื่อไปไล่ ผบ.ทบ. จึงต้องเรียกมาเฉ่ง ก็น่าเห็นใจ เพราะในระดับส.ส.พื้นที่ หากยังขืนนิ่งเฉยไม่เคลื่อนไหวอะไรออกมาบ้าง ขณะที่ชาวบ้านเขาเริ่ม “สุดจะทน” มันก็มีสิทธิ์ “ปิ๋ว” เพราะการเลือกตั้งกำลังจะมาถึง คู่แข่งเปิดเกมรุกเข้ามาทุกวัน บรรยากาศแบบนี้ ก็น่าสนใจเหมือนกัน
00 นับถอยหลังการเลือกตั้งเข้ามาทุกขณะ หลังจากนายกฯ อภิสิทธิ์ ได้ พ.ร.บ.แก้ไขรธน.ฉบับแก้ไขขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งตามกำหนดบอกว่าเมื่อวานนี้ ( 24 ก.พ.) ขึ้นตอนต่อไปอยู่ที่ กกต.จะออกประกาศเกี่ยวกับการเลือกตั้งจะออกมาเสร็จสิ้นได้เมื่อใด แต่เชื่อว่ากลางเดือนมีนาคม น่าจะชัดเจน สอดคล้องกับคำพูดของหัวหน้าพรรคชาติไทยฯ ชุมพล ศิลปอาชา ที่ทำใจเตรียมรับการเลือกตั้งกันแล้ว แต่เวลาที่เหลือไม่มาก ก็ต้องหากำไร “กินเล็กกินน้อย”ไปก่อน
00 อย่างไรก็ดี ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่คงต้องมาหลังจากผ่านการ “ซักฟอก” ซึ่งตามกำหนดคร่าวๆ น่าจะยื่นญัตติในต้นเดือนหน้า จากนั้นราวต้นเดือนค่อนไปทางกลางเดือน จะมีการอภิปราย งานนี้มี “เดิมพันสูง” กันทั้งสองฝ่าย แต่ดูรูปการณ์แล้วนาทีนี้ ฝ่ายรัฐบาลมาร์ค เสียเปรียบ โดยเฉพาะแค่เรื่อง กักตุน-ฟันกำไร “สวาปาล์ม” เรื่องเดียวก็อ๊วกแล้ว แถมชาวบ้านยังเห็นภาพอีกด้วย เชื่อว่า “นักโต้วาที” มืออาชีพ อย่าง อภิสิทธิ์ คงช่วยให้ฟื้นได้ยาก ไม่เชื่อคอยดู !!
00 อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้สังเกตอาการพรรคเพื่อไทย คึกคักเป็นพิเศษ แม้กระทั่ง “เป็ดเหลิม” ที่เคยเสียศูนย์ ก็เริ่มกลืนน้ำลายกลับมาร่วม “จูบปาก” กับ “เจ๊มิ่ง” แล้ว แถม “ 7หัวโจกแดง” ก็ได้ประกันตัวมาเพ่นพ่านข้างนอก ก็ยิ่งสนุกกันใหญ่ ขณะที่ “หน้าเหลี่ยม” ก็เริ่มกลับมาโฟนอิน แบบเน้นๆ และถ้าให้เดา “ท่อน้ำเลี้ยง” ก็เริ่มไหลเต็มสูบอีกรอบแล้ว ที่สำคัญมันมีโอกาสชนะสูงเสียด้วยซีพี่น้อง ไม่ใช่อะไร แต่เป็นเพราะรัฐบาลประชาธิปัตย์มัน “ห่วยแตก” ต่างหาก !!
