ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตำรวจท่องเที่ยวบุกจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวยุโรป ใช้เมืองพัทยาเป็นออฟฟิศโทรศัพท์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ตุ๋นเหยื่อในต่างประเทศให้โอนเงินเข้าบัญชี เผยมีผู้เสียหายหลายรายมูลค่าความเสีย หายนับ 10 ล้านบาท
วานนี้(23 ก.พ.)พ.ต.ต.อรุณ พร้อมพันธุ์ สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท. สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยวพัทยา นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดพัทยาที่ 129/2554 เข้าตรวจสอบที่ร้านไวกิ้งอินเตอร์เน็ต เลขที่ 358/22 ตั้งอยู่ในโรงแรมไวกิ้ง ในซอย 14 ถ.พัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ภายหลังสืบทราบว่ามีการลักลอบใช้เป็นสถานที่โทรศัพท์ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อหลอกตุ๋นเหยื่อในต่างประเทศให้โอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง
สถานที่ดังกล่าวมีจำนวน 2 ห้องขนาดใหญ่ ลักษณะดัดแปลงใช้ห้องประชุมของโรงแรมเปิดเป็นออฟฟิศ มีเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งเรียงรายอยู่นับสิบเครื่อง นอกจากนี้ยังพบชายและหญิงชาวยุโรปนั่งต่อสายคุยโทรศัพท์อยู่หน้าคอมพิวเตอร์รวม 7 คน จึงควบคุมตัวไว้ พร้อมกับยึดเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 18 เครื่อง เครื่องปรินเตอร์ เอกสารสำคัญและสมุดจดบันทึกเบอร์โทรศัพท์สำคัญจำนวนมากไว้เพื่อทำการตรวจสอบ
จากการสอบสวนทราบชื่อชาวต่างชาติทั้ง 7 คน เป็นชาวนอร์เวย์ 4 คนคือ Mr.Espen Forberg อายุ 41 ปี Mr.Sebastian Gjertsen อายุ 21 ปี Mr.Martin Gisvold Garathun อายุ 21 ปี และ Mrs.Ida Marie Juhl Falchenberg อายุ 20 ปี และชาวสวีเดน 3 คนคือ Mr.Ulf Carl Johan Hellbacken อายุ 36 ปี Mr.Anders Erik Engzell อายุ 30 ปี และ Mr.Tommy Viktor Soderlund อายุ 26 ปี
ตำรวจตั้งข้อหาเป็นชาว ต่างชาติประกอบธุรกิจในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เบื้องต้นทั้งหมดยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
เจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวมีชาวต่างชาติอยู่ในแก๊งทั้งหมดประมาณ 15 คน และกระจายกันพักตามคอนโดมิเนียมในเมืองพัทยา ก่อนหน้านี้ได้ว่าจ้างให้ชาวไทยไปขออนุญาตจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแล้วเปิดร้านอินเทอร์เน็ตชื่อ “ไวกิ้งอินเตอร์เน็ต” โดยเช่าสถานที่เพื่อทำการสื่อสารโทรศัพท์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือ VOIP (Voice over internet protocol) ซึ่งจะแสดงหมายเลขขององค์กรภาครัฐเพิ่มความน่าเชื่อถือ ก่อนจะโทร.ไปหลอกลวงเหยื่อที่อยู่ในประเทศนอร์เวย์และสวีเดนให้โอนเงินมาให้ ซึ่งจะออกอุบายว่าสามารถหางานให้ทำได้ แต่ต้องเสียค่านายหน้าก่อน หรือไม่ก็หลอกขายสินค้าให้เมื่อเหยื่อตายใจโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารจากนั้นก็จะทำการปิดบัญชีทันที ซึ่งคาดว่าน่าจะมีผู้ตกเป็นเหยื่อแล้วนับร้อยรายมูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท
วานนี้(23 ก.พ.)พ.ต.ต.อรุณ พร้อมพันธุ์ สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท. สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยวพัทยา นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดพัทยาที่ 129/2554 เข้าตรวจสอบที่ร้านไวกิ้งอินเตอร์เน็ต เลขที่ 358/22 ตั้งอยู่ในโรงแรมไวกิ้ง ในซอย 14 ถ.พัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ภายหลังสืบทราบว่ามีการลักลอบใช้เป็นสถานที่โทรศัพท์ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อหลอกตุ๋นเหยื่อในต่างประเทศให้โอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง
สถานที่ดังกล่าวมีจำนวน 2 ห้องขนาดใหญ่ ลักษณะดัดแปลงใช้ห้องประชุมของโรงแรมเปิดเป็นออฟฟิศ มีเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งเรียงรายอยู่นับสิบเครื่อง นอกจากนี้ยังพบชายและหญิงชาวยุโรปนั่งต่อสายคุยโทรศัพท์อยู่หน้าคอมพิวเตอร์รวม 7 คน จึงควบคุมตัวไว้ พร้อมกับยึดเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 18 เครื่อง เครื่องปรินเตอร์ เอกสารสำคัญและสมุดจดบันทึกเบอร์โทรศัพท์สำคัญจำนวนมากไว้เพื่อทำการตรวจสอบ
จากการสอบสวนทราบชื่อชาวต่างชาติทั้ง 7 คน เป็นชาวนอร์เวย์ 4 คนคือ Mr.Espen Forberg อายุ 41 ปี Mr.Sebastian Gjertsen อายุ 21 ปี Mr.Martin Gisvold Garathun อายุ 21 ปี และ Mrs.Ida Marie Juhl Falchenberg อายุ 20 ปี และชาวสวีเดน 3 คนคือ Mr.Ulf Carl Johan Hellbacken อายุ 36 ปี Mr.Anders Erik Engzell อายุ 30 ปี และ Mr.Tommy Viktor Soderlund อายุ 26 ปี
ตำรวจตั้งข้อหาเป็นชาว ต่างชาติประกอบธุรกิจในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เบื้องต้นทั้งหมดยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
เจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวมีชาวต่างชาติอยู่ในแก๊งทั้งหมดประมาณ 15 คน และกระจายกันพักตามคอนโดมิเนียมในเมืองพัทยา ก่อนหน้านี้ได้ว่าจ้างให้ชาวไทยไปขออนุญาตจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแล้วเปิดร้านอินเทอร์เน็ตชื่อ “ไวกิ้งอินเตอร์เน็ต” โดยเช่าสถานที่เพื่อทำการสื่อสารโทรศัพท์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือ VOIP (Voice over internet protocol) ซึ่งจะแสดงหมายเลขขององค์กรภาครัฐเพิ่มความน่าเชื่อถือ ก่อนจะโทร.ไปหลอกลวงเหยื่อที่อยู่ในประเทศนอร์เวย์และสวีเดนให้โอนเงินมาให้ ซึ่งจะออกอุบายว่าสามารถหางานให้ทำได้ แต่ต้องเสียค่านายหน้าก่อน หรือไม่ก็หลอกขายสินค้าให้เมื่อเหยื่อตายใจโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารจากนั้นก็จะทำการปิดบัญชีทันที ซึ่งคาดว่าน่าจะมีผู้ตกเป็นเหยื่อแล้วนับร้อยรายมูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท