ดีแทคเผยยุทธศาสตร์ปี 2554 ลงทุนมากที่สุดในประวัติศาสตร์เทเลนอร์กรุ๊ป ด้วยการเปลี่ยนเน็ตเวิร์กดีแทคใหม่หมด พร้อมรองรับเทคโนโลยี 3G ที่จะเกิดตามมาในอนาคต ภายใน 2 ปี หวังพลิกเกมจากผู้ตามขึ้นเป็นผู้นำดาต้า หลังผู้ใช้โมบายอินเทอร์เน็ตพุ่งระเบิด 108%
นายทอเร่ จอห์นเซ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ปี 2554 เป็นปีที่ดีแทคมีความเข้มแข็งเพิ่มขึ้นในหลายๆ ด้าน อีกทั้งการเติบโตของผู้ใช้งานด้านดาต้าก็เพิ่มสูงขึ้น จึงมีแผนจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการตลาด ด้วยโครงการที่เรียกว่า Swap Network ที่เป็นการเปลี่ยนเน็ตเวิร์กเดิมทั้งหมดของดีแทคเป็นเน็ตเวิร์กใหม่ ซึ่งเป็นผลมาจากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปีที่ดีที่สุดปีหนึ่งของดีแทค โดยเฉพาะการเติบโตของจำนวนผู้ใช้งานโมบายอินเทอร์เน็ต ขณะเดียวกันการเปลี่ยนเเน็ตเวิร์กครั้งนี้ ยังเป็นการลงทุนเพื่อรองรับกับการทดลองเปิดให้บริการ 3G ที่จะเริ่มภายในกลางปีนี้
“มูลค่าการลงทุนในครั้งนี้ ยังไม่สามารถเปิดเผยว่า เป็นเท่าไร แต่อาจจะพูดได้ว่า เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าของดีแทค การเปลี่ยนเน็ตเวิร์กของดีแทคทั้งหมดทั่วประเทศในครั้งนี้จะทำให้ดีแทคเป็นผู้นำในเรื่องคุณภาพการให้บริการและความคุ้มค่าและเกิดความคล่องตัวในการยกระดับการให้บริการเมื่อถึงยุคที่เทคโนโลยีปรับเปลี่ยนอีกครั้งในอนาคต เชื่อว่า โครงการนี้เป็นโปรเจ็กต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเท่าที่เทเลนอร์กรุ๊ปเคยมีมาอีกด้วย”
นายประเทศ ตันกุรานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิศวกรรม ดีแทค กล่าวว่า การเปลี่ยนเน็ตเวิร์กใหม่นี้ จะเริ่มเห็นตั้งแต่เดือนมีนาคมปีนี้เป็นต้นไป โดยจะมีการเปลี่ยนจุดรับส่งสัญญาณที่มีอยู่ประมาณ 10,359 แห่ง ซึ่งรวมไปถึงอุปกรณ์สนับสนุนอื่นๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองใหญ่ๆ ประมาณกลางปีเป็นต้นไป เป้าหมายที่วางไว้จะแล้วเสร็จ 50% ภายในปลายปี 2554 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 2555
“ลูกค้าของดีแทคจะสามารถใช้งานโทร. และดาต้าที่มีคุณภาพมากขึ้น มีเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วถึงมากขึ้น สำหรับลูกค้าที่ใช้งานสมาร์ทโฟนต่างๆ ก็จะใช้งานได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วย นอกจากนี้เทคโนโลยี ที่ดีแทคเลือกยังเป็นเทคโนโลยีที่รองรับ 3G โดยเฉพาะด้วย ในการเปลี่ยนเน็ตเวิร์กใหญ่ของดีแทคยังคำนึงถึงส่วนรวม ด้วยการเลือกอุปกรณ์ที่ช่วยลดพื้นที่การใช้อาคาร และประหยัดพลังงานได้มากกว่า 50% จากของเดิมที่เคยใช้ เพื่อช่วยอนุรักษ์พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”
นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ดีแทค กล่าวว่า ในปี 2554 ดีแทคมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำตลาดด้านโมบายอินเทอร์เน็ตและมีการกำหนดทิศทางการแข่งขันที่ชัดเจน โดยในปีที่แล้ว ดีแทคมีผู้ใช้บริการเพิ่มสูงขึ้นถึง 108% และมียอดผู้ใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้น 34% คิดเป็นปริมาณดาต้า จาก 1.9 ล้านกิกะไบต์ เป็น 4 ล้านกิกะไบต์ โดยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“ปัจจัยที่ทำให้มียอดผู้ใช้งานดาต้าสูงขึ้น เป็นผลมาจากการทำตลาดสมาร์ทโฟน โทรศัพท์มือถือ และแก๊ดเจ็ตต่างๆ ให้มีราคาถูกลง และมีฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น”
ผลสำรวจพบว่า ในเดือนธันวาคมปี 53 ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนจะใช้เวลาอยู่กับอินเทอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 60นาที เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 54 ที่เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 65 นาที โดยมีการใช้งานอีเมลมากเป็นอันดับ1 แต่สิ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ก็คือ อันดับสอง เป็นการใช้บริการโซเชียล เน็ตเวิร์ก และแชต
“การใช้งานโซเชียล เน็ตเวิร์ก อย่างเฟซบุ๊ก ปัจจุบันประเทศไทยมียอดผู้ใช้งานทั้งสิ้น 7.3 ล้านคน มีคนใช้งานทุกวัน 3.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 52 ถึง 320.5% ทั้งหมดนี้ทำให้ดีแทคหันมาให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนเน็ตเวิร์กอย่างจริงจัง”
พร้อมกันนี้ ดีแทคยังได้มีการเปิดตัวซิมแฮปปี้ (แบบเติมเงิน) เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าที่ต้องการใช้งานอินเทอรเน็ตบนมือถือ 4 ซิม คือ Blackberry Sim ราคา 77 บาท ใช้งานแชต แมสเซนเจอร์ โซเชียลเน็ตเวิร์ก 7 วัน โทร.เบอร์ดีแทคนาทีละ 29สตางค์ระหว่าง 6 โมงเช้า - 6โมงเย็น , iPhone internet Sim แถมฟรีอินเทอร์เน็ต 100 เมกะไบต์ (50 เมกะไบต์ต่อเดือน นาน 2 เดือน) เติมเงิน 100 บาทใช้งาน 30 วัน ค่าบริการอินเทอร์เน็ตนาทีละ 5 บาทต่อเมกะไบต์ โทร.นาทีละ 1 บาททุกเครือข่าย ตลอด 24 ชั่วโมง
Happy internet Sim ใช้งานบนมือถือทุกประเภท ฟรีอินเทอร์เน็ต 600 นาที ใช้งาน 30 วัน ค่าบริการอินเทอร์เน็ต 0.25 บาทต่อนาที โทร.นาทีละ 1 บาททุกเครือข่าย ตลอด 24 ชั่วโมง รับวันเพิ่ม 100 วันทุกครั้งที่เติมเงิน และมีแผนจะเปิดตัว Aircard internet Sim สำหรับใช้งานกับแอร์การ์ดโดยเฉพาะ ราคา 69 บาท โดยจะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้
นายทอเร่ จอห์นเซ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ปี 2554 เป็นปีที่ดีแทคมีความเข้มแข็งเพิ่มขึ้นในหลายๆ ด้าน อีกทั้งการเติบโตของผู้ใช้งานด้านดาต้าก็เพิ่มสูงขึ้น จึงมีแผนจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการตลาด ด้วยโครงการที่เรียกว่า Swap Network ที่เป็นการเปลี่ยนเน็ตเวิร์กเดิมทั้งหมดของดีแทคเป็นเน็ตเวิร์กใหม่ ซึ่งเป็นผลมาจากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปีที่ดีที่สุดปีหนึ่งของดีแทค โดยเฉพาะการเติบโตของจำนวนผู้ใช้งานโมบายอินเทอร์เน็ต ขณะเดียวกันการเปลี่ยนเเน็ตเวิร์กครั้งนี้ ยังเป็นการลงทุนเพื่อรองรับกับการทดลองเปิดให้บริการ 3G ที่จะเริ่มภายในกลางปีนี้
“มูลค่าการลงทุนในครั้งนี้ ยังไม่สามารถเปิดเผยว่า เป็นเท่าไร แต่อาจจะพูดได้ว่า เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าของดีแทค การเปลี่ยนเน็ตเวิร์กของดีแทคทั้งหมดทั่วประเทศในครั้งนี้จะทำให้ดีแทคเป็นผู้นำในเรื่องคุณภาพการให้บริการและความคุ้มค่าและเกิดความคล่องตัวในการยกระดับการให้บริการเมื่อถึงยุคที่เทคโนโลยีปรับเปลี่ยนอีกครั้งในอนาคต เชื่อว่า โครงการนี้เป็นโปรเจ็กต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเท่าที่เทเลนอร์กรุ๊ปเคยมีมาอีกด้วย”
นายประเทศ ตันกุรานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิศวกรรม ดีแทค กล่าวว่า การเปลี่ยนเน็ตเวิร์กใหม่นี้ จะเริ่มเห็นตั้งแต่เดือนมีนาคมปีนี้เป็นต้นไป โดยจะมีการเปลี่ยนจุดรับส่งสัญญาณที่มีอยู่ประมาณ 10,359 แห่ง ซึ่งรวมไปถึงอุปกรณ์สนับสนุนอื่นๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองใหญ่ๆ ประมาณกลางปีเป็นต้นไป เป้าหมายที่วางไว้จะแล้วเสร็จ 50% ภายในปลายปี 2554 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 2555
“ลูกค้าของดีแทคจะสามารถใช้งานโทร. และดาต้าที่มีคุณภาพมากขึ้น มีเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วถึงมากขึ้น สำหรับลูกค้าที่ใช้งานสมาร์ทโฟนต่างๆ ก็จะใช้งานได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วย นอกจากนี้เทคโนโลยี ที่ดีแทคเลือกยังเป็นเทคโนโลยีที่รองรับ 3G โดยเฉพาะด้วย ในการเปลี่ยนเน็ตเวิร์กใหญ่ของดีแทคยังคำนึงถึงส่วนรวม ด้วยการเลือกอุปกรณ์ที่ช่วยลดพื้นที่การใช้อาคาร และประหยัดพลังงานได้มากกว่า 50% จากของเดิมที่เคยใช้ เพื่อช่วยอนุรักษ์พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”
นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ดีแทค กล่าวว่า ในปี 2554 ดีแทคมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำตลาดด้านโมบายอินเทอร์เน็ตและมีการกำหนดทิศทางการแข่งขันที่ชัดเจน โดยในปีที่แล้ว ดีแทคมีผู้ใช้บริการเพิ่มสูงขึ้นถึง 108% และมียอดผู้ใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้น 34% คิดเป็นปริมาณดาต้า จาก 1.9 ล้านกิกะไบต์ เป็น 4 ล้านกิกะไบต์ โดยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“ปัจจัยที่ทำให้มียอดผู้ใช้งานดาต้าสูงขึ้น เป็นผลมาจากการทำตลาดสมาร์ทโฟน โทรศัพท์มือถือ และแก๊ดเจ็ตต่างๆ ให้มีราคาถูกลง และมีฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น”
ผลสำรวจพบว่า ในเดือนธันวาคมปี 53 ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนจะใช้เวลาอยู่กับอินเทอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 60นาที เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 54 ที่เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 65 นาที โดยมีการใช้งานอีเมลมากเป็นอันดับ1 แต่สิ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ก็คือ อันดับสอง เป็นการใช้บริการโซเชียล เน็ตเวิร์ก และแชต
“การใช้งานโซเชียล เน็ตเวิร์ก อย่างเฟซบุ๊ก ปัจจุบันประเทศไทยมียอดผู้ใช้งานทั้งสิ้น 7.3 ล้านคน มีคนใช้งานทุกวัน 3.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 52 ถึง 320.5% ทั้งหมดนี้ทำให้ดีแทคหันมาให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนเน็ตเวิร์กอย่างจริงจัง”
พร้อมกันนี้ ดีแทคยังได้มีการเปิดตัวซิมแฮปปี้ (แบบเติมเงิน) เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าที่ต้องการใช้งานอินเทอรเน็ตบนมือถือ 4 ซิม คือ Blackberry Sim ราคา 77 บาท ใช้งานแชต แมสเซนเจอร์ โซเชียลเน็ตเวิร์ก 7 วัน โทร.เบอร์ดีแทคนาทีละ 29สตางค์ระหว่าง 6 โมงเช้า - 6โมงเย็น , iPhone internet Sim แถมฟรีอินเทอร์เน็ต 100 เมกะไบต์ (50 เมกะไบต์ต่อเดือน นาน 2 เดือน) เติมเงิน 100 บาทใช้งาน 30 วัน ค่าบริการอินเทอร์เน็ตนาทีละ 5 บาทต่อเมกะไบต์ โทร.นาทีละ 1 บาททุกเครือข่าย ตลอด 24 ชั่วโมง
Happy internet Sim ใช้งานบนมือถือทุกประเภท ฟรีอินเทอร์เน็ต 600 นาที ใช้งาน 30 วัน ค่าบริการอินเทอร์เน็ต 0.25 บาทต่อนาที โทร.นาทีละ 1 บาททุกเครือข่าย ตลอด 24 ชั่วโมง รับวันเพิ่ม 100 วันทุกครั้งที่เติมเงิน และมีแผนจะเปิดตัว Aircard internet Sim สำหรับใช้งานกับแอร์การ์ดโดยเฉพาะ ราคา 69 บาท โดยจะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้