เอเอฟพี/รอยเตอร์ - เกิดแผ่นดินไหวถล่มนครไครสต์เชิร์ช เมืองใหญ่อันดับสองของนิวซีแลนด์ เมื่อวานนี้(22) ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 65 คน อาคารหลายหลัง และยานพาหนะจำนวนมากพังพินาศ นอกจากนั้นยังมีผู้ติดอยู่ในซากปรักหักพังจำนวนหลายร้อยคน ขณะที่ทีมกู้ภัยพยายามเร่งให้ความช่วยเหลือ
“เราอาจจะกำลังเป็นประจักษ์พยานของวันที่มืดมนที่สุดของนิวซีแลนด์” นายกรัฐมนตรี จอห์น คีย์ แถลงต่อประชาชน ภายหลังแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงระดับ 6.3 และศูนย์กลางอยู่ใกล้พื้นผิวโลก กระหน่ำนครสวยงามที่มีประชากรร่วมๆ 400,000 คนแห่งนี้ เพียงแค่ 6 เดือนหลังจากสิ่งก่อสร้างต่างๆ คลายความแข็งแรงไประดับหนึ่ง ด้วยฤทธิ์ธรณีพิโรธระดับ 7.0 ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งไม่มีผู้ล้มตายเลยแม้สักคนเดียวราวกับเกิดปาฏิหาริย์
“ประชาชนได้แต่นั่งอยู่ตามข้างถนน ศีรษะซบอยู่กับฝ่ามือของตนเอง นี่คือประชาคมที่อยู่ในความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสที่สุด” คีย์กล่าว พร้อมกับเตือนด้วยว่าจำนวนผู้เสียชีวิตน่าจะสูงขึ้นกว่านี้อีก
แผ่นดินไหวที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากที่สุดในรอบ 80 ปีคราวนี้ เกิดขึ้นมาในขณะที่ตามท้องถนนในไครต์เชิร์ชกำลังแออัดด้วยผู้คนที่ออกมารับประทานอาหารและช็อปปิ้งในช่วงพักกลางวัน ส่วนตามสำนักงานก็ยังคงมีผู้ที่ทำงานอยู่
ฤทธิ์เดชของธรณีพิโรธคราวนี้ได้เปลี่ยนให้ย่านใจกลางเมืองกลายเป็นเขตภัยพิบัติที่เต็มไปด้วยเศษซากอาคารหักพัง ตลอดจนเต็มไปด้วยชาวเมืองที่บาดเจ็บและอยู่ในอาการตะลึงงัน
ยอดแหลมของมหาวิหารประจำเมืองหักโค่นลงมา ขณะที่อาคาร แคนเทอร์เบอรี ทีวี ความสูง 6 ชั้นก็ยับเยินกลายเป็นกองหักพังที่มีควันไฟโขมง
เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยหลายลำดึงเอาผู้รอดชีวิตจากยอดตึกที่บันไดถล่มใช้การไม่ได้ ส่วนทีมกู้ภัยใช้ปั้นจั่นขนาดยักษ์ดึงเอาพนักงานออฟฟิศขึ้นมาจากกองอิฐกองหินที่เคยเป็นอาคารสำนักงาน
เมื่อถึงช่วงกลางคืน ทางการให้ตัวเลขว่าผู้รอดชีวิตราว 120 คนได้รับความช่วยเหลือออกมาจากซากหักพังแล้ว ทว่ายังมีอีกจำนวนมากที่ยังติดอยู่ โดยที่ก่อนหน้านั้น บ็อบ พาร์กเกอร์ นายกเทศมนตรีเมืองไครสต์เชิร์ช เคยบอกว่าผู้ที่ติดอยู่อาจจะมีสูงถึง 200 คน
เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเร่งปฏิบัติงานต่อในเวลากลางคืน โดยอาศัยแสงไฟสาดส่องท่ามกลางฝนที่ตกลงมา พวกเขามุ่งเน้นไปที่ 2 อาคารที่พังพินาศ อันได้แก่ อาคารที่เป็นสำนักงานบริการทางการเงิน ซึ่งพื้นที่ของทั้ง 4 ชั้นพังลงมาทับบรรจบกัน และอาคารทีวีแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษด้วย
สตรีผู้หนึ่งที่ติดอยู่ใต้โต๊ะทำงานของเธอเองในอาคารที่ได้รับความเสียหายหนักหลังหนึ่ง ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากใต้ซากปรักหักพัง
“ฉันรู้ว่าฉันกำลังเลือดไหล ฉันรู้สึกว่าพื้นเปียกๆ ฉันคิดว่าคงเป็นเลือด” แอนน์ โวสส์ พนักงานผู้นี้บอกกับสถานีโทรทัศน์ออสเตรเลีย พร้อมกับบอกด้วยว่า เธอเชื่อว่ามือข้างหนึ่งของเธอได้รับบาดเจ็บ
ทางด้าน ทีวี3 สถานีโทรทัศน์ในท้องถิ่น รายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ดึงเอาศพผู้เสียชีวิตหลายศพออกมาจากหอพักเยาวชนแห่งหนึ่ง และร้านหนังสืออีกแห่งหนึ่ง แล้วยังพบนักท่องเที่ยวผู้หนึ่งถูกอัดเสียชีวิตในรถแวน
ชาวเมืองที่รอดชีวิตจำนวนมากต้องอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าใช้ เครือข่ายโทรศัพท์มือถือก็ติดขัด การสัญจรทางถนนและรถไฟได้รับความกระทบกระเทือนหนัก เนื่องจากถนนและรางรถไฟหลายช่วงเสียหาย
แผ่นดินไหวเมื่อ 6 เดือนก่อน คือในวันที่ 4 กันยายน 2010 วัดความแรงได้ 7.0 แต่เกิดขึ้นในช่วงกลางคืน แม้สร้างความเสียหายให้บ้านเรือนถึง 100,000 หลัง ทว่าไม่มีผู้เสียชีวิตเลย นักแผ่นดินไหววิทยาบอกว่า แม้ธรณีพิโรธคราวล่าสุดนี้จะมีความรุนแรงน้อยกว่า แต่จุดศูนย์กลางอยู่ใกล้ผิวโลกกว่ากันมาก แถมยังเกิดขึ้นในช่วงที่ผู้คนส่วนใหญ่ออกจากบ้าน
“เราอาจจะกำลังเป็นประจักษ์พยานของวันที่มืดมนที่สุดของนิวซีแลนด์” นายกรัฐมนตรี จอห์น คีย์ แถลงต่อประชาชน ภายหลังแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงระดับ 6.3 และศูนย์กลางอยู่ใกล้พื้นผิวโลก กระหน่ำนครสวยงามที่มีประชากรร่วมๆ 400,000 คนแห่งนี้ เพียงแค่ 6 เดือนหลังจากสิ่งก่อสร้างต่างๆ คลายความแข็งแรงไประดับหนึ่ง ด้วยฤทธิ์ธรณีพิโรธระดับ 7.0 ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งไม่มีผู้ล้มตายเลยแม้สักคนเดียวราวกับเกิดปาฏิหาริย์
“ประชาชนได้แต่นั่งอยู่ตามข้างถนน ศีรษะซบอยู่กับฝ่ามือของตนเอง นี่คือประชาคมที่อยู่ในความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสที่สุด” คีย์กล่าว พร้อมกับเตือนด้วยว่าจำนวนผู้เสียชีวิตน่าจะสูงขึ้นกว่านี้อีก
แผ่นดินไหวที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากที่สุดในรอบ 80 ปีคราวนี้ เกิดขึ้นมาในขณะที่ตามท้องถนนในไครต์เชิร์ชกำลังแออัดด้วยผู้คนที่ออกมารับประทานอาหารและช็อปปิ้งในช่วงพักกลางวัน ส่วนตามสำนักงานก็ยังคงมีผู้ที่ทำงานอยู่
ฤทธิ์เดชของธรณีพิโรธคราวนี้ได้เปลี่ยนให้ย่านใจกลางเมืองกลายเป็นเขตภัยพิบัติที่เต็มไปด้วยเศษซากอาคารหักพัง ตลอดจนเต็มไปด้วยชาวเมืองที่บาดเจ็บและอยู่ในอาการตะลึงงัน
ยอดแหลมของมหาวิหารประจำเมืองหักโค่นลงมา ขณะที่อาคาร แคนเทอร์เบอรี ทีวี ความสูง 6 ชั้นก็ยับเยินกลายเป็นกองหักพังที่มีควันไฟโขมง
เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยหลายลำดึงเอาผู้รอดชีวิตจากยอดตึกที่บันไดถล่มใช้การไม่ได้ ส่วนทีมกู้ภัยใช้ปั้นจั่นขนาดยักษ์ดึงเอาพนักงานออฟฟิศขึ้นมาจากกองอิฐกองหินที่เคยเป็นอาคารสำนักงาน
เมื่อถึงช่วงกลางคืน ทางการให้ตัวเลขว่าผู้รอดชีวิตราว 120 คนได้รับความช่วยเหลือออกมาจากซากหักพังแล้ว ทว่ายังมีอีกจำนวนมากที่ยังติดอยู่ โดยที่ก่อนหน้านั้น บ็อบ พาร์กเกอร์ นายกเทศมนตรีเมืองไครสต์เชิร์ช เคยบอกว่าผู้ที่ติดอยู่อาจจะมีสูงถึง 200 คน
เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเร่งปฏิบัติงานต่อในเวลากลางคืน โดยอาศัยแสงไฟสาดส่องท่ามกลางฝนที่ตกลงมา พวกเขามุ่งเน้นไปที่ 2 อาคารที่พังพินาศ อันได้แก่ อาคารที่เป็นสำนักงานบริการทางการเงิน ซึ่งพื้นที่ของทั้ง 4 ชั้นพังลงมาทับบรรจบกัน และอาคารทีวีแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษด้วย
สตรีผู้หนึ่งที่ติดอยู่ใต้โต๊ะทำงานของเธอเองในอาคารที่ได้รับความเสียหายหนักหลังหนึ่ง ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากใต้ซากปรักหักพัง
“ฉันรู้ว่าฉันกำลังเลือดไหล ฉันรู้สึกว่าพื้นเปียกๆ ฉันคิดว่าคงเป็นเลือด” แอนน์ โวสส์ พนักงานผู้นี้บอกกับสถานีโทรทัศน์ออสเตรเลีย พร้อมกับบอกด้วยว่า เธอเชื่อว่ามือข้างหนึ่งของเธอได้รับบาดเจ็บ
ทางด้าน ทีวี3 สถานีโทรทัศน์ในท้องถิ่น รายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ดึงเอาศพผู้เสียชีวิตหลายศพออกมาจากหอพักเยาวชนแห่งหนึ่ง และร้านหนังสืออีกแห่งหนึ่ง แล้วยังพบนักท่องเที่ยวผู้หนึ่งถูกอัดเสียชีวิตในรถแวน
ชาวเมืองที่รอดชีวิตจำนวนมากต้องอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าใช้ เครือข่ายโทรศัพท์มือถือก็ติดขัด การสัญจรทางถนนและรถไฟได้รับความกระทบกระเทือนหนัก เนื่องจากถนนและรางรถไฟหลายช่วงเสียหาย
แผ่นดินไหวเมื่อ 6 เดือนก่อน คือในวันที่ 4 กันยายน 2010 วัดความแรงได้ 7.0 แต่เกิดขึ้นในช่วงกลางคืน แม้สร้างความเสียหายให้บ้านเรือนถึง 100,000 หลัง ทว่าไม่มีผู้เสียชีวิตเลย นักแผ่นดินไหววิทยาบอกว่า แม้ธรณีพิโรธคราวล่าสุดนี้จะมีความรุนแรงน้อยกว่า แต่จุดศูนย์กลางอยู่ใกล้ผิวโลกกว่ากันมาก แถมยังเกิดขึ้นในช่วงที่ผู้คนส่วนใหญ่ออกจากบ้าน
