นครศรีธรรมราช - แกนนำรักษ์ท่าศาลาสับเวทีประชาคม กฟผ.สุดชุ่ย แอบแทรกการให้ข้อมูลโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในกิจกรรมของชุมชน แทนที่จะเปิดเวทีแบบชัดเจน แนะทบทวนผลาญเงินนับสิบล้านที่กะทำประชาสัมพันธ์ พร้อมเสนอให้พึ่งพลังงานทดแทนแทนที่จะสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เพื่อป้อนให้อุตสาหกรรม ที่ทิ้งประชาชนในท้องถิ่นแบกรับผลกระทบ
นายทรงวุฒิ พัฒแก้ว แกนนำกลุ่มรักษ์ท่าศาลา กล่าวถึงความเคลื่อนไหวในความพยายามการทำเวทีประชาคมหมู่บ้านของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)เกี่ยวกับโรงไฟฟ้าถ่านหิน ว่า ขณะนี้พบว่า ตัวแทนกฟผ.ได้พยายามสอดแทรกเข้าไปให้ข้อมูลในเวทีประชาคมหมู่บ้านต่างๆ รวมทั้งประชาคมตำบล โดยไม่ยอมเปิดเวทีด้วยตัวเอง ไม่ได้ประกาศให้ชัดว่าเป็นเวทีประชาคมของ กฟผ.
“วิธีการเขาจะพูดให้เกิดความน่ากลัวเรื่องไฟฟ้าไม่เพียงพอจะต้องผลิตไฟฟ้าสำรอง ถ่านหินที่สะอาด เทคโนโลยีที่สามารถควบคุมมลภาวะได้ แต่หากถูกถามเรื่องผลกระทบ ก็มักจะบอกในทำนองว่า โครงการยังไม่ได้เริ่ม ยังไม่ได้มีการศึกษาผลกระทบ จะมีทีมงานอีกชุดหนึ่งลงมา นอกจากนี้ในขณะบรรยายจะเดินแจกจ่ายเอกสาร ล่ารายชื่อไปด้วย อีกทั้งไวนิลต่างๆ จะถูกนำไปติดไว้โดยรอบห้องประชุม พอ กฟผ.พูดเสร็จ มีการทำเวทีประชาคมหมู่บ้าน จะต้องมีการยกมือในบางเรื่อง กฟฝ.จะถ่ายรูปกันทันที ถามว่าเจตนาที่ให้ชาวบ้านยกมือในอีกเรื่องแล้ว กฟผ.ถ่ายรูปบันทึกภาพเอาไปใช้ทำอะไร และถามว่ากระบวนการแบบนี้เป็นกระบวนการที่ชอบธรรมหรือไม่ หรือชอบที่จะทำและก็เป็นแบบนี้แทบทุกเวที”แกนนำรักษ์ท่าศาลากล่าว
นายทรงวุฒิ กล่าวต่อว่า คิดว่าวิธีการต่างๆที่ กฟผ.ทำ ไม่เคยมีความจริงใจ ขาดความรับผิดชอบในความเป็นชุมชนในท้องถิ่น ในการให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงควรจะมีความรับผิดชอบด้วย อาศัยเจ้าหน้าที่ระดับล่าง พูดผิดๆถูกๆ เมื่อถูกชาวบ้านที่มีความรู้ความเข้าใจสอบถามหนักเข้ากลับบ่ายเบี่ยงตอบไม่ได้
โรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นโครงการขนาดใหญ่ ปัจจุบันไม่ใช่อยู่ที่การยอมรับของประชาชนในพื้นที่หรือไม่อีกแล้ว แต่ในโลกปัจจุบันกับบทเรียนผลกระทบจากโรงไฟฟ้าถ่านหินทั่วโลก โรงไฟฟ้าชนิดนี้ไม่ควรสร้างขึ้นมาอีกแล้ว ดังนั้น กฟฝ.ควรทบทวนการใช้งบประมาณหลายสิบล้านบาทที่นำมาละเลงในพื้นที่เสียใหม่ เป็นการทำงานที่เน้นการใช้เงินเป็นหลักไม่ได้เกิดผลดีอะไรกับ กฟผ.เลย เงินที่นำมาใช้เป็นเงินที่ได้มาจากประชาชนทั้งนั้น คนและท้องถิ่นในพื้นที่ยืนยันว่าอย่างไรก็แล้วแต่จะคัดค้านและไม่สนับสนุนให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขึ้นในพื้นที่อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะใช้วิธีการทั้งบนดินใต้ดิน
“กฟผ.ต้องไปตั้งสติและทบทวนทั้งระบบเกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ ว่าถึงเวลาที่ควรพูดถึงการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ สร้างพลังงานทดแทนขนาดเล็กระดับชุมชน ระดับท้องถิ่น ไม่ใช่มาสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ไปให้กลุ่มภาคธุรกิจ กลุ่มอุตสาหกรรม แล้วให้ประชาชนแบกรับผลกระทบตลอดชีวิตและยาวไปถึงลูกหลานในขณะที่คน กฟผ.กลับเสวยสุข” แกนนำรักษ์ท่าศาลากล่าว
นายทรงวุฒิ พัฒแก้ว แกนนำกลุ่มรักษ์ท่าศาลา กล่าวถึงความเคลื่อนไหวในความพยายามการทำเวทีประชาคมหมู่บ้านของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)เกี่ยวกับโรงไฟฟ้าถ่านหิน ว่า ขณะนี้พบว่า ตัวแทนกฟผ.ได้พยายามสอดแทรกเข้าไปให้ข้อมูลในเวทีประชาคมหมู่บ้านต่างๆ รวมทั้งประชาคมตำบล โดยไม่ยอมเปิดเวทีด้วยตัวเอง ไม่ได้ประกาศให้ชัดว่าเป็นเวทีประชาคมของ กฟผ.
“วิธีการเขาจะพูดให้เกิดความน่ากลัวเรื่องไฟฟ้าไม่เพียงพอจะต้องผลิตไฟฟ้าสำรอง ถ่านหินที่สะอาด เทคโนโลยีที่สามารถควบคุมมลภาวะได้ แต่หากถูกถามเรื่องผลกระทบ ก็มักจะบอกในทำนองว่า โครงการยังไม่ได้เริ่ม ยังไม่ได้มีการศึกษาผลกระทบ จะมีทีมงานอีกชุดหนึ่งลงมา นอกจากนี้ในขณะบรรยายจะเดินแจกจ่ายเอกสาร ล่ารายชื่อไปด้วย อีกทั้งไวนิลต่างๆ จะถูกนำไปติดไว้โดยรอบห้องประชุม พอ กฟผ.พูดเสร็จ มีการทำเวทีประชาคมหมู่บ้าน จะต้องมีการยกมือในบางเรื่อง กฟฝ.จะถ่ายรูปกันทันที ถามว่าเจตนาที่ให้ชาวบ้านยกมือในอีกเรื่องแล้ว กฟผ.ถ่ายรูปบันทึกภาพเอาไปใช้ทำอะไร และถามว่ากระบวนการแบบนี้เป็นกระบวนการที่ชอบธรรมหรือไม่ หรือชอบที่จะทำและก็เป็นแบบนี้แทบทุกเวที”แกนนำรักษ์ท่าศาลากล่าว
นายทรงวุฒิ กล่าวต่อว่า คิดว่าวิธีการต่างๆที่ กฟผ.ทำ ไม่เคยมีความจริงใจ ขาดความรับผิดชอบในความเป็นชุมชนในท้องถิ่น ในการให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงควรจะมีความรับผิดชอบด้วย อาศัยเจ้าหน้าที่ระดับล่าง พูดผิดๆถูกๆ เมื่อถูกชาวบ้านที่มีความรู้ความเข้าใจสอบถามหนักเข้ากลับบ่ายเบี่ยงตอบไม่ได้
โรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นโครงการขนาดใหญ่ ปัจจุบันไม่ใช่อยู่ที่การยอมรับของประชาชนในพื้นที่หรือไม่อีกแล้ว แต่ในโลกปัจจุบันกับบทเรียนผลกระทบจากโรงไฟฟ้าถ่านหินทั่วโลก โรงไฟฟ้าชนิดนี้ไม่ควรสร้างขึ้นมาอีกแล้ว ดังนั้น กฟฝ.ควรทบทวนการใช้งบประมาณหลายสิบล้านบาทที่นำมาละเลงในพื้นที่เสียใหม่ เป็นการทำงานที่เน้นการใช้เงินเป็นหลักไม่ได้เกิดผลดีอะไรกับ กฟผ.เลย เงินที่นำมาใช้เป็นเงินที่ได้มาจากประชาชนทั้งนั้น คนและท้องถิ่นในพื้นที่ยืนยันว่าอย่างไรก็แล้วแต่จะคัดค้านและไม่สนับสนุนให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขึ้นในพื้นที่อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะใช้วิธีการทั้งบนดินใต้ดิน
“กฟผ.ต้องไปตั้งสติและทบทวนทั้งระบบเกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ ว่าถึงเวลาที่ควรพูดถึงการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ สร้างพลังงานทดแทนขนาดเล็กระดับชุมชน ระดับท้องถิ่น ไม่ใช่มาสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ไปให้กลุ่มภาคธุรกิจ กลุ่มอุตสาหกรรม แล้วให้ประชาชนแบกรับผลกระทบตลอดชีวิตและยาวไปถึงลูกหลานในขณะที่คน กฟผ.กลับเสวยสุข” แกนนำรักษ์ท่าศาลากล่าว
