ASTVผู้จัดการรายวัน -บางกอกแอร์เวย์ส ชี้ธุรกิจท่องเที่ยวยังเติบโตเพิ่ม 5-8% ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ขยายตัว 27% รุกขยายเส้นทางบินทั้งในเส้นทางเดิมและเส้นทางใหม่ ล่าสุดบุกมุมไบและธาการองรับนักท่องเที่ยวอินเดียและบังคลาเทศ
กัปตันพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศถือว่ามีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นตามลำดับโดยอัตราการเติบโตภาพรวมในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 5-8% ในส่วนของบางกอกแอร์เวย์สเองตั้งเป้าการขยายตัวในปีนี้ที่ 27% หรือเป้ารายได้ประมาณ 15,000 ล้านบาท ส่วนผู้โดยสารสำหรับปีนี้คาดว่าจะเพิ่ม 19% จากจำนวนผู้โดยสาร 2.6 ล้านคนในปี2553 เพราะไทยยังคงเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย
ในปีนี้วางกลยุทธ์ไว้ในหลาย ๆ มิติ ล่าสุดเปิดเที่ยวบินกรุงเทพ- มุมไบ ในวันที่ 2 มีนาคม และกรุงเทพ-ธากา ในวันที่ 27 มีนาคมจะเป็นกลยุทธ์ด้านเส้นทางบินใหม่ ซึ่งมุมไบและธากาเป็นเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ตลาดเหล่านี้มีความต้องการในการเดินทางสูง โดยตัวเลขของชาวอินเดียเดินทางมายังประเทศไทยในปีที่ผ่านมามีกว่า 7 แสนคนและชาวบังคลาเทศมีกว่า 6 หมื่นคนซึ่งในปี2554 คาดว่าจะเพิ่ม 15-20% สำหรับตลาดคนไทยส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มที่ชอบศาสนาและวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศนี้
เบื้องต้นเราคาดหวัง load factor เฉลี่ยของทั้งสองเส้นทางนี้ที่ 60% โดยเราจะให้บริการบินตรงกรุงเทพ-มุมไบ 6 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เครื่องบินแบบแอร์บัส A319 ซึ่งมีที่นั่งชั้นธุรกิจ 12 ที่นั่งและที่นั่งชั้นประหยัด 108 ที่นั่ง และกรุงเทพ-ธากา 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส A320 ซึ่งมีที่นั่งชั้นประหยัด 162 ที่นั่ง
“ช่วงปลายปีนี้เราจะมีเครื่องบินแอร์บัส A319 หรือ A320 จำนวนหนึ่งลำเข้ามาเสริมเที่ยวบินปัจจุบัน ซึ่งสัดส่วนการเพิ่มเที่ยวบินปีนี้มี 20% ซึ่งที่ผ่านมาการเพิ่มเส้นทางบินใหม่ได้รับการตอบรับดีมาก เช่นเส้นทาง “ตราด-สมุย-ภูเก็ต” ที่เริ่มให้บริการปลายปีที่แล้วทำให้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง 30% “
นอกจากนี้จะเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินในเส้นทางที่มีความต้องการสูง เริ่มด้วยเส้นทางระหว่างกรุงเทพ-เชียงใหม่ จากวันละ 4 เที่ยวบินเพิ่มเป็น 5 เที่ยวบิน/วัน ส่วนปีที่แล้วได้เพิ่มเส้นทางกรุงเทพ-ภูเก็ต จากวันละ 5 เที่ยวบินเป็น 6 เที่ยวบิน/วัน เส้นทางกรุงเทพ-พนมเปญ จากวันละ 3 เที่ยวบินเป็น 4 เที่ยวบิน/วัน และเส้นทางระหว่างกรุงเทพ-ย่างกุ้ง จากวันละ 1 เที่ยวบินเป็น 2 เที่ยวบิน/วัน” กัปตันพุฒิพงศ์ กล่าว
นางอาริญา ปราสาททองโอสถ รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย กล่าวว่า “เพื่อเป็นการโปรโมทเส้นทางใหม่นี้เราได้ทำราคาโปรโมชั่นไป-กลับเส้นทางกรุงเทพ-มุมไบ และกรุงเทพ-ธากา ในราคาเดียวกันที่ 5,590 บาท สำหรับกรุงเทพ-มุมไบ เดินทางได้ถึง 31 มีนาคม และกรุงเทพ-ธากา เดินทางได้ถึง 30 เมษายน และสำหรับปีนี้ เราจะเน้นการทำโปรโมชั่นบัตรโดยสารและการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกับบริษัทพันธมิตรต่าง ๆ ให้มากขึ้น โดยที่ผ่านมาเราได้ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกับองค์กรชั้นนำเช่น VISA Card, KTC credit card และ AIS นอกจากนี้ เราได้มีการพัฒนาและปรับรูปลักษณ์เว็บไซต์ www.bangkokair.com ให้มีความทันสมัยและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ของบางกอกแอร์เวย์สมีการเติบโตขี้นทุกปี
ม.ล. นันทิกา วรวรรณ รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การเปิดเส้นทางกรุงเทพ-มุมไบ ในวันที่ 2 มีนาคมนี้ถือเป็นเที่ยวบินประวัติศาสตร์ของบางกอกแอร์เวย์สเพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราบุกตลาดอินเดีย เหตุผลที่เราเลือกประเทศอินเดียเพราะอินเดียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายมากในเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเฉพาะมุมไบซึ่งเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจอินเดียเพราะเป็นที่ตั้งของตลาดหุ้นของอินเดียและเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมบันเทิงของอินเดีย (Bollywood) นอกจากนี้ มุมไบยังเป็นที่ตั้งของ ‘Gateway of India’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำประเทศอินเดียที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการได้รับอิสรภาพจากประเทศอังกฤษ และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย”
ส่วนงานด้านการพัฒนาบริการของปี 2011 จะต่อเนื่องจากปีที่แล้วหลังจากที่เราได้เริ่มแคมเปญรี-แบรนด์ดิ้งเพื่อให้บางกอกแอร์เวย์สมีความทันสมัยและเพื่อปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้าถึงตลาดคนไทยมากขึ้นเพื่อให้คนไทยเข้าใจว่าบางกอกแอร์เวย์สไม่ได้แพงอย่างที่คิด โดยในปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งคือเราจะมีการแนะนำยูนิฟอร์มใหม่สำหรับพนักงานฟร้อนท์ไลน์ทุกคนซึ่งรวมถึงพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน พนักงานต้อนรับภาคพื้นดิน พนักงานสำรองบัตรโดยสารและพนักงานจำหน่ายบัตรโดยสารเพื่อให้แบรนด์มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้นแต่ยังคงมีเอกลักษณ์ของความเป็นบางกอกแอร์เวย์สอยู่ ซึ่งเราได้คุณหมู พลพัฒน์ อัศวะประภา เจ้าของแบรนด์ ‘Asava’ มาเป็นผู้ออกแบบให้ทั้งหมดโดยใช้งบกว่า 15 ล้านบาทสำหรับแคมเปญนี้
นอกจากนี้ยังคงจัดการแข่งขันรายการกีฬาประจำปีหลายรายการ
****
บางกอกแอร์เวย์สเปิดกลยุทธ์ปี54
รุกเปิดเที่ยวบินใหม่อินเดีย-ธากา
ASTVผู้จัดการรายวัน -บางกอกแอร์เวย์สเผยกลยุทธ์การบินปี 54 ชี้ธุรกิจท่องเที่ยวยังเติบโตเพิ่ม 5-8%ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ขยายตัว 27% รุกขยายเส้นทางบินทั้งในเส้นทางเดิมและเส้นทางใหม่ ล่าสุดบุกมุมไบและธาการองรับนักท่องเที่ยวอินเดียและบังคลาเทศ ขณะที่แผนการตลาดบุกทำโปรโมทชั่นเส้นทางใหม่เพียง 5,590 บาทพร้อมจับมือพันธมิตรทำกิจกรรมส่งเสริมการขายตลอดปี เตรียมปรับยูนิฟอร์มใหม่เพื่อให้มีความทันสมัย
กัปตันพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศถือว่ามีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นตามลำดับโดยอัตราการเติบโตภาพรวมในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 5-8% ในส่วนของบางกอกแอร์เวย์สเองเราตั้งเป้าการขยายตัวในปีนี้ที่ 27% หรือที่เป้ารายได้ประมาณ 10.5 พันล้านบาท และในสัดส่วนของผู้โดยสารสำหรับปีนี้เราคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 19% จากจำนวนผู้โดยสาร 2.6 ล้านคนในปี 2010 เพราะไทยยังคงเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย นอกจากนี้ หากการท่องเที่ยวของกลุ่มประเทศใกล้เคียงมีการขยายตัวประเทศไทยก็จะได้รับประโยชน์ด้วยเพราะไทยมีศักยภาพในการเป็นจุดศูนย์กลางในการเชื่อมต่อไปยังประเทศใกล้เคียงได้ดีนักท่องเที่ยวจึงนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยก่อนเดินทางต่อไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ ซึ่งในปีนี้เราได้วางกลยุทธ์ไว้ในหลาย ๆ มิติ ซึ่งการเปิดเที่ยวบินกรุงเทพ- มุมไบ ในวันที่ 2 มีนาคม และกรุงเทพ-ธากา ในวันที่ 27 มีนาคมจะเป็นกลยุทธ์ด้านเส้นทางบินใหม่ ซึ่งมุมไบและธากาเป็นเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่เราจึงมั่นใจในตัวเลขผู้โดยสารที่คาดว่าจะมาใช้บริการของบางกอกแอร์เวย์ส เพราะตลาดเหล่านี้มีความต้องการในการเดินทางสูง ส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจที่ต้องเดินทางติดต่องานเป็นประจำ โดยตัวเลขของชาวอินเดียเดินทางมายังประเทศไทยในปีที่ผ่านมามีกว่า 7 แสนคนและชาวบังคลาเทศมีกว่า 6 หมื่นคนซึ่งในปี 2011 น่าจะเพิ่มขึ้นอีก 15-20% เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมของภูมิภาคเริ่มดีขึ้น
สำหรับตลาดคนไทยส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มที่ชอบศาสนาและวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศนี้ โดยในเบื้องต้นเราคาดหวัง load factor เฉลี่ยของทั้งสองเส้นทางนี้ที่ 60% ซึ่งเราจะชูเรื่องการบริการแบบ ‘full-service’ และความเป็น ‘Asia’s Boutique Airline’ โดยเราจะให้บริการบินตรงกรุงเทพ-มุมไบ 6 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เครื่องบินแบบแอร์บัส A319 ซึ่งมีที่นั่งชั้นธุรกิจ 12 ที่นั่งและที่นั่งชั้นประหยัด 108 ที่นั่งและกรุงเทพ-ธากา 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส A320 ซึ่งมีที่นั่งชั้นประหยัด 162 ที่นั่ง
“นอกจากนี้ เราจะมีเครื่องบินแอร์บัส A319 หรือ A320 จำนวนหนึ่งลำเข้ามาปลายปีนี้โดยจะถูกนำมาเสริมเที่ยวบินปัจจุบัน ทั้งนี้ สัดส่วนการเพิ่มเที่ยวบินปีนี้จะเพิ่มขึ้น20% ซึ่งที่ผ่านมาการเพิ่มเส้นทางบินใหม่ได้รับการตอบรับดีมาก เช่นเส้นทาง “ตราด-สมุย-ภูเก็ต” ที่เริ่มให้บริการปลายปีที่แล้วทำให้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง 30% นอกจากนี้ เราจะเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินในเส้นทางที่มีความต้องการสูง โดยในปีที่แล้วเราได้เพิ่มในเส้นทางกรุงเทพ-ภูเก็ต จากวันละ 5 เที่ยวบินเป็น 6 เที่ยวบิน/วัน เส้นทางกรุงเทพ-พนมเปญ จากวันละ 3 เที่ยวบินเป็น 4 เที่ยวบิน/วัน และเส้นทางระหว่างกรุงเทพ-ย่างกุ้ง จากวันละ 1 เที่ยวบินเป็น 2 เที่ยวบิน/วัน ในปีนี้จะเริ่มด้วยเส้นทางระหว่างกรุงเทพ-เชียงใหม่ จากวันละ 4 เที่ยวบินเพิ่มเป็น 5 เที่ยวบิน/วัน” กัปตันพุฒิพงศ์ กล่าว
นางอาริญา ปราสาททองโอสถ รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย กล่าวว่า “เพื่อเป็นการโปรโมทเส้นทางใหม่นี้เราได้ทำราคาโปรโมชั่นไป-กลับเส้นทางกรุงเทพ-มุมไบ และกรุงเทพ-ธากา ในราคาเดียวกันที่ 5,590 บาท สำหรับกรุงเทพ-มุมไบ เดินทางได้ถึง 31 มีนาคม และกรุงเทพ-ธากา เดินทางได้ถึง 30 เมษายน และสำหรับปีนี้ เราจะเน้นการทำโปรโมชั่นบัตรโดยสารและการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกับบริษัทพันธมิตรต่าง ๆ ให้มากขึ้น โดยที่ผ่านมาเราได้ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกับองค์กรชั้นนำเช่น VISA Card, KTC credit card และ AIS นอกจากนี้ เราได้มีการพัฒนาและปรับรูปลักษณ์เว็บไซต์ www.bangkokair.com ให้มีความทันสมัยและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ของบางกอกแอร์เวย์สมีการเติบโตขี้นทุกปี
ม.ล. นันทิกา วรวรรณ รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การเปิดเส้นทางกรุงเทพ-มุมไบ ในวันที่ 2 มีนาคมนี้ถือเป็นเที่ยวบินประวัติศาสตร์ของบางกอกแอร์เวย์สเพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราบุกตลาดอินเดีย เหตุผลที่เราเลือกประเทศอินเดียเพราะอินเดียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายมากในเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเฉพาะมุมไบซึ่งเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจอินเดียเพราะเป็นที่ตั้งของตลาดหุ้นของอินเดียและเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมบันเทิงของอินเดีย (Bollywood) นอกจากนี้ มุมไบยังเป็นที่ตั้งของ ‘Gateway of India’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำประเทศอินเดียที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการได้รับอิสรภาพจากประเทศอังกฤษ และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย”
ส่วนงานด้านการพัฒนาบริการของปี 2011 จะต่อเนื่องจากปีที่แล้วหลังจากที่เราได้เริ่มแคมเปญรี-แบรนด์ดิ้งเพื่อให้บางกอกแอร์เวย์สมีความทันสมัยและเพื่อปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้าถึงตลาดคนไทยมากขึ้นเพื่อให้คนไทยเข้าใจว่าบางกอกแอร์เวย์สไม่ได้แพงอย่างที่คิด โดยในปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งคือเราจะมีการแนะนำยูนิฟอร์มใหม่สำหรับพนักงานฟร้อนท์ไลน์ทุกคนซึ่งรวมถึงพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน พนักงานต้อนรับภาคพื้นดิน พนักงานสำรองบัตรโดยสารและพนักงานจำหน่ายบัตรโดยสารเพื่อให้แบรนด์มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้นแต่ยังคงมีเอกลักษณ์ของความเป็นบางกอกแอร์เวย์สอยู่ ซึ่งเราได้คุณหมู พลพัฒน์ อัศวะประภา เจ้าของแบรนด์ ‘Asava’ มาเป็นผู้ออกแบบให้ทั้งหมดโดยใช้งบกว่า 15 ล้านบาทสำหรับแคมเปญนี้
นอกจากนี้ยังคงจัดการแข่งขันรายการกีฬาประจำปีหลายรายการ
กัปตันพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศถือว่ามีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นตามลำดับโดยอัตราการเติบโตภาพรวมในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 5-8% ในส่วนของบางกอกแอร์เวย์สเองตั้งเป้าการขยายตัวในปีนี้ที่ 27% หรือเป้ารายได้ประมาณ 15,000 ล้านบาท ส่วนผู้โดยสารสำหรับปีนี้คาดว่าจะเพิ่ม 19% จากจำนวนผู้โดยสาร 2.6 ล้านคนในปี2553 เพราะไทยยังคงเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย
ในปีนี้วางกลยุทธ์ไว้ในหลาย ๆ มิติ ล่าสุดเปิดเที่ยวบินกรุงเทพ- มุมไบ ในวันที่ 2 มีนาคม และกรุงเทพ-ธากา ในวันที่ 27 มีนาคมจะเป็นกลยุทธ์ด้านเส้นทางบินใหม่ ซึ่งมุมไบและธากาเป็นเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ตลาดเหล่านี้มีความต้องการในการเดินทางสูง โดยตัวเลขของชาวอินเดียเดินทางมายังประเทศไทยในปีที่ผ่านมามีกว่า 7 แสนคนและชาวบังคลาเทศมีกว่า 6 หมื่นคนซึ่งในปี2554 คาดว่าจะเพิ่ม 15-20% สำหรับตลาดคนไทยส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มที่ชอบศาสนาและวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศนี้
เบื้องต้นเราคาดหวัง load factor เฉลี่ยของทั้งสองเส้นทางนี้ที่ 60% โดยเราจะให้บริการบินตรงกรุงเทพ-มุมไบ 6 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เครื่องบินแบบแอร์บัส A319 ซึ่งมีที่นั่งชั้นธุรกิจ 12 ที่นั่งและที่นั่งชั้นประหยัด 108 ที่นั่ง และกรุงเทพ-ธากา 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส A320 ซึ่งมีที่นั่งชั้นประหยัด 162 ที่นั่ง
“ช่วงปลายปีนี้เราจะมีเครื่องบินแอร์บัส A319 หรือ A320 จำนวนหนึ่งลำเข้ามาเสริมเที่ยวบินปัจจุบัน ซึ่งสัดส่วนการเพิ่มเที่ยวบินปีนี้มี 20% ซึ่งที่ผ่านมาการเพิ่มเส้นทางบินใหม่ได้รับการตอบรับดีมาก เช่นเส้นทาง “ตราด-สมุย-ภูเก็ต” ที่เริ่มให้บริการปลายปีที่แล้วทำให้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง 30% “
นอกจากนี้จะเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินในเส้นทางที่มีความต้องการสูง เริ่มด้วยเส้นทางระหว่างกรุงเทพ-เชียงใหม่ จากวันละ 4 เที่ยวบินเพิ่มเป็น 5 เที่ยวบิน/วัน ส่วนปีที่แล้วได้เพิ่มเส้นทางกรุงเทพ-ภูเก็ต จากวันละ 5 เที่ยวบินเป็น 6 เที่ยวบิน/วัน เส้นทางกรุงเทพ-พนมเปญ จากวันละ 3 เที่ยวบินเป็น 4 เที่ยวบิน/วัน และเส้นทางระหว่างกรุงเทพ-ย่างกุ้ง จากวันละ 1 เที่ยวบินเป็น 2 เที่ยวบิน/วัน” กัปตันพุฒิพงศ์ กล่าว
นางอาริญา ปราสาททองโอสถ รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย กล่าวว่า “เพื่อเป็นการโปรโมทเส้นทางใหม่นี้เราได้ทำราคาโปรโมชั่นไป-กลับเส้นทางกรุงเทพ-มุมไบ และกรุงเทพ-ธากา ในราคาเดียวกันที่ 5,590 บาท สำหรับกรุงเทพ-มุมไบ เดินทางได้ถึง 31 มีนาคม และกรุงเทพ-ธากา เดินทางได้ถึง 30 เมษายน และสำหรับปีนี้ เราจะเน้นการทำโปรโมชั่นบัตรโดยสารและการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกับบริษัทพันธมิตรต่าง ๆ ให้มากขึ้น โดยที่ผ่านมาเราได้ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกับองค์กรชั้นนำเช่น VISA Card, KTC credit card และ AIS นอกจากนี้ เราได้มีการพัฒนาและปรับรูปลักษณ์เว็บไซต์ www.bangkokair.com ให้มีความทันสมัยและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ของบางกอกแอร์เวย์สมีการเติบโตขี้นทุกปี
ม.ล. นันทิกา วรวรรณ รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การเปิดเส้นทางกรุงเทพ-มุมไบ ในวันที่ 2 มีนาคมนี้ถือเป็นเที่ยวบินประวัติศาสตร์ของบางกอกแอร์เวย์สเพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราบุกตลาดอินเดีย เหตุผลที่เราเลือกประเทศอินเดียเพราะอินเดียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายมากในเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเฉพาะมุมไบซึ่งเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจอินเดียเพราะเป็นที่ตั้งของตลาดหุ้นของอินเดียและเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมบันเทิงของอินเดีย (Bollywood) นอกจากนี้ มุมไบยังเป็นที่ตั้งของ ‘Gateway of India’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำประเทศอินเดียที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการได้รับอิสรภาพจากประเทศอังกฤษ และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย”
ส่วนงานด้านการพัฒนาบริการของปี 2011 จะต่อเนื่องจากปีที่แล้วหลังจากที่เราได้เริ่มแคมเปญรี-แบรนด์ดิ้งเพื่อให้บางกอกแอร์เวย์สมีความทันสมัยและเพื่อปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้าถึงตลาดคนไทยมากขึ้นเพื่อให้คนไทยเข้าใจว่าบางกอกแอร์เวย์สไม่ได้แพงอย่างที่คิด โดยในปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งคือเราจะมีการแนะนำยูนิฟอร์มใหม่สำหรับพนักงานฟร้อนท์ไลน์ทุกคนซึ่งรวมถึงพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน พนักงานต้อนรับภาคพื้นดิน พนักงานสำรองบัตรโดยสารและพนักงานจำหน่ายบัตรโดยสารเพื่อให้แบรนด์มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้นแต่ยังคงมีเอกลักษณ์ของความเป็นบางกอกแอร์เวย์สอยู่ ซึ่งเราได้คุณหมู พลพัฒน์ อัศวะประภา เจ้าของแบรนด์ ‘Asava’ มาเป็นผู้ออกแบบให้ทั้งหมดโดยใช้งบกว่า 15 ล้านบาทสำหรับแคมเปญนี้
นอกจากนี้ยังคงจัดการแข่งขันรายการกีฬาประจำปีหลายรายการ
****
บางกอกแอร์เวย์สเปิดกลยุทธ์ปี54
รุกเปิดเที่ยวบินใหม่อินเดีย-ธากา
ASTVผู้จัดการรายวัน -บางกอกแอร์เวย์สเผยกลยุทธ์การบินปี 54 ชี้ธุรกิจท่องเที่ยวยังเติบโตเพิ่ม 5-8%ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ขยายตัว 27% รุกขยายเส้นทางบินทั้งในเส้นทางเดิมและเส้นทางใหม่ ล่าสุดบุกมุมไบและธาการองรับนักท่องเที่ยวอินเดียและบังคลาเทศ ขณะที่แผนการตลาดบุกทำโปรโมทชั่นเส้นทางใหม่เพียง 5,590 บาทพร้อมจับมือพันธมิตรทำกิจกรรมส่งเสริมการขายตลอดปี เตรียมปรับยูนิฟอร์มใหม่เพื่อให้มีความทันสมัย
กัปตันพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศถือว่ามีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นตามลำดับโดยอัตราการเติบโตภาพรวมในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 5-8% ในส่วนของบางกอกแอร์เวย์สเองเราตั้งเป้าการขยายตัวในปีนี้ที่ 27% หรือที่เป้ารายได้ประมาณ 10.5 พันล้านบาท และในสัดส่วนของผู้โดยสารสำหรับปีนี้เราคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 19% จากจำนวนผู้โดยสาร 2.6 ล้านคนในปี 2010 เพราะไทยยังคงเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย นอกจากนี้ หากการท่องเที่ยวของกลุ่มประเทศใกล้เคียงมีการขยายตัวประเทศไทยก็จะได้รับประโยชน์ด้วยเพราะไทยมีศักยภาพในการเป็นจุดศูนย์กลางในการเชื่อมต่อไปยังประเทศใกล้เคียงได้ดีนักท่องเที่ยวจึงนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยก่อนเดินทางต่อไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ ซึ่งในปีนี้เราได้วางกลยุทธ์ไว้ในหลาย ๆ มิติ ซึ่งการเปิดเที่ยวบินกรุงเทพ- มุมไบ ในวันที่ 2 มีนาคม และกรุงเทพ-ธากา ในวันที่ 27 มีนาคมจะเป็นกลยุทธ์ด้านเส้นทางบินใหม่ ซึ่งมุมไบและธากาเป็นเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่เราจึงมั่นใจในตัวเลขผู้โดยสารที่คาดว่าจะมาใช้บริการของบางกอกแอร์เวย์ส เพราะตลาดเหล่านี้มีความต้องการในการเดินทางสูง ส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจที่ต้องเดินทางติดต่องานเป็นประจำ โดยตัวเลขของชาวอินเดียเดินทางมายังประเทศไทยในปีที่ผ่านมามีกว่า 7 แสนคนและชาวบังคลาเทศมีกว่า 6 หมื่นคนซึ่งในปี 2011 น่าจะเพิ่มขึ้นอีก 15-20% เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมของภูมิภาคเริ่มดีขึ้น
สำหรับตลาดคนไทยส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มที่ชอบศาสนาและวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศนี้ โดยในเบื้องต้นเราคาดหวัง load factor เฉลี่ยของทั้งสองเส้นทางนี้ที่ 60% ซึ่งเราจะชูเรื่องการบริการแบบ ‘full-service’ และความเป็น ‘Asia’s Boutique Airline’ โดยเราจะให้บริการบินตรงกรุงเทพ-มุมไบ 6 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เครื่องบินแบบแอร์บัส A319 ซึ่งมีที่นั่งชั้นธุรกิจ 12 ที่นั่งและที่นั่งชั้นประหยัด 108 ที่นั่งและกรุงเทพ-ธากา 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส A320 ซึ่งมีที่นั่งชั้นประหยัด 162 ที่นั่ง
“นอกจากนี้ เราจะมีเครื่องบินแอร์บัส A319 หรือ A320 จำนวนหนึ่งลำเข้ามาปลายปีนี้โดยจะถูกนำมาเสริมเที่ยวบินปัจจุบัน ทั้งนี้ สัดส่วนการเพิ่มเที่ยวบินปีนี้จะเพิ่มขึ้น20% ซึ่งที่ผ่านมาการเพิ่มเส้นทางบินใหม่ได้รับการตอบรับดีมาก เช่นเส้นทาง “ตราด-สมุย-ภูเก็ต” ที่เริ่มให้บริการปลายปีที่แล้วทำให้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง 30% นอกจากนี้ เราจะเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินในเส้นทางที่มีความต้องการสูง โดยในปีที่แล้วเราได้เพิ่มในเส้นทางกรุงเทพ-ภูเก็ต จากวันละ 5 เที่ยวบินเป็น 6 เที่ยวบิน/วัน เส้นทางกรุงเทพ-พนมเปญ จากวันละ 3 เที่ยวบินเป็น 4 เที่ยวบิน/วัน และเส้นทางระหว่างกรุงเทพ-ย่างกุ้ง จากวันละ 1 เที่ยวบินเป็น 2 เที่ยวบิน/วัน ในปีนี้จะเริ่มด้วยเส้นทางระหว่างกรุงเทพ-เชียงใหม่ จากวันละ 4 เที่ยวบินเพิ่มเป็น 5 เที่ยวบิน/วัน” กัปตันพุฒิพงศ์ กล่าว
นางอาริญา ปราสาททองโอสถ รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย กล่าวว่า “เพื่อเป็นการโปรโมทเส้นทางใหม่นี้เราได้ทำราคาโปรโมชั่นไป-กลับเส้นทางกรุงเทพ-มุมไบ และกรุงเทพ-ธากา ในราคาเดียวกันที่ 5,590 บาท สำหรับกรุงเทพ-มุมไบ เดินทางได้ถึง 31 มีนาคม และกรุงเทพ-ธากา เดินทางได้ถึง 30 เมษายน และสำหรับปีนี้ เราจะเน้นการทำโปรโมชั่นบัตรโดยสารและการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกับบริษัทพันธมิตรต่าง ๆ ให้มากขึ้น โดยที่ผ่านมาเราได้ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกับองค์กรชั้นนำเช่น VISA Card, KTC credit card และ AIS นอกจากนี้ เราได้มีการพัฒนาและปรับรูปลักษณ์เว็บไซต์ www.bangkokair.com ให้มีความทันสมัยและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ของบางกอกแอร์เวย์สมีการเติบโตขี้นทุกปี
ม.ล. นันทิกา วรวรรณ รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การเปิดเส้นทางกรุงเทพ-มุมไบ ในวันที่ 2 มีนาคมนี้ถือเป็นเที่ยวบินประวัติศาสตร์ของบางกอกแอร์เวย์สเพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราบุกตลาดอินเดีย เหตุผลที่เราเลือกประเทศอินเดียเพราะอินเดียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายมากในเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเฉพาะมุมไบซึ่งเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจอินเดียเพราะเป็นที่ตั้งของตลาดหุ้นของอินเดียและเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมบันเทิงของอินเดีย (Bollywood) นอกจากนี้ มุมไบยังเป็นที่ตั้งของ ‘Gateway of India’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำประเทศอินเดียที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการได้รับอิสรภาพจากประเทศอังกฤษ และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย”
ส่วนงานด้านการพัฒนาบริการของปี 2011 จะต่อเนื่องจากปีที่แล้วหลังจากที่เราได้เริ่มแคมเปญรี-แบรนด์ดิ้งเพื่อให้บางกอกแอร์เวย์สมีความทันสมัยและเพื่อปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้าถึงตลาดคนไทยมากขึ้นเพื่อให้คนไทยเข้าใจว่าบางกอกแอร์เวย์สไม่ได้แพงอย่างที่คิด โดยในปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งคือเราจะมีการแนะนำยูนิฟอร์มใหม่สำหรับพนักงานฟร้อนท์ไลน์ทุกคนซึ่งรวมถึงพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน พนักงานต้อนรับภาคพื้นดิน พนักงานสำรองบัตรโดยสารและพนักงานจำหน่ายบัตรโดยสารเพื่อให้แบรนด์มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้นแต่ยังคงมีเอกลักษณ์ของความเป็นบางกอกแอร์เวย์สอยู่ ซึ่งเราได้คุณหมู พลพัฒน์ อัศวะประภา เจ้าของแบรนด์ ‘Asava’ มาเป็นผู้ออกแบบให้ทั้งหมดโดยใช้งบกว่า 15 ล้านบาทสำหรับแคมเปญนี้
นอกจากนี้ยังคงจัดการแข่งขันรายการกีฬาประจำปีหลายรายการ