ศูนย์ข่าวภูเก็ต-“กะตะกรุ๊ป” ทุนท้องถิ่นภูเก็ตขยายการลงทุนไปเขาหลัก ขึ้นรีสอร์ตหรู “ Khaolak Cassaway Resort & Spa” บนหาดปากวีป กว่า 600 ล้านบาท รับนักท่องเที่ยวระดับบนจากยุโรปและสแกนดิเนเวีย หลังโรงแรมในเครือ 1,200 ห้องไปได้สวยทั้งภูเก็ตและสมุย
นายปมุข อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการบริหารโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป เปิดเผยถึงการขยายการลงทุนโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป ภายหลังลงนามการสนับสนุนทางการเงินโครงการ “ Khaolak Cassaway Resort & Spa” ของบริษัทเจ้าฟ้าบุรี จำกัด ในเครือกะตะกรุ๊ป กับนายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 470 ล้านบาท เมื่อเร็วๆนี้ ว่า จากที่สถานการณ์การท่องเที่ยวของภูเก็ตและอันดามันเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้จากในช่วงต้นปีของปี 2554 ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาภูเก็ตเป็นจำนวนมาก ภายหลังเหตุการณ์ต่างๆที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวผ่านพ้นไป
ทั้งนี้ ตนคิดว่าการท่องเที่ยวของภูเก็ตและอันดามันจะเติบโตแบบนี้ตลอดไป ขณะที่กะตะกรุ๊ปได้ซื้อที่ดินแปลงใหญ่ที่บริเวณหาดปากวีป จ.พังงา จึงได้ตัดสินใจขยายการลงทุนด้านโรงแรม รีสอร์ตไปยังเขาหลัก ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวในยุโรปและสแกนดิเนเวีย ภายใต้โครงการ “ Khaolak Cassaway Resort & Spa”
โครงการ “ Khaolak Cassaway Resort & Spa” ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 70 ไร่ ติดทะเลบริเวณหาดปากวีป เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว+ ลงทุนในเฟส 1 และเฟส 2 จำนวน 153 ห้อง เป็นวิลล่า 1 ห้องนอนทั้งหมด ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณหาดปากวีปมีโรงแรม รีสอร์ต ที่เป็นตัวตึกจำนวนมากแล้ว จึงต้องการที่จะสร้างความแตกต่างในเรื่องที่พัก นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่อยู่ติดกับชายหาดปากวีป ซึ่งเป็นชายหาดส่วนตัวของโครงการ และการออกแบบห้องพักในสไตล์ของสถาปัตยกรรมร่วมสมัย ที่ผสมผสานความเป็นไทยภาคใต้ ภายใต้การผสมผสานความเป็นธรรมชาติ และความทันสมัยไว้ด้วยกัน โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 600-700 ล้านบาท
นายปมุข เผยเพิ่มว่า ขณะนี้ได้เริ่มก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในเดือนพ.ย.ปีนี้ เพื่อรองรับช่วงไฮซีซัน ซึ่งเชื่อมั่นว่ารีสอร์ตแห่งใหม่จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวเหมือนกับที่ภูเก็ตและเกาะสมุย เนื่องจากบริเวณหาดปากวีปเป็นย่านโรงแรม รีสอร์ต ระดับ 5 ดาวทั้งสิ้น ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักท่องเที่ยวระดับบนที่ต้องการมาพักผ่อนที่เขาหลัก จ.พังงา โดยลูกค้ากลุ่มหลักที่มองไว้เป็นจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่ภูเก็ตและเกาะสมุย ที่เน้นลูกค้ากลุ่มยุโรปและสแกนดิเนเวีย เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม หากโครงการในเฟส1 และเฟส 2 ที่เป็นวิลลาทั้งหมด ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยว ทางกะตะกรุ๊ปมีโครงการที่จะขยายการลงทุนเพิ่มในเฟสต่อไปอีก 250 หลังใน 5-6 ปีข้างหน้า เพราะยังมีที่ดินเหลืออีกประมาณ 50 ไร่ เนื่องจากเฟสแรกใช้ที่ดินไปเพียง 20 กว่าไร่เท่านั้น
นายปมุข ยังกล่าวถึงภาพรวมธุรกิจโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ปทั้ง 4 แห่งที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือ โรงแรมภูเก็ต ออร์คิด รีสอร์ท โรงแรมระดับ 4 ดาว + 525 ห้อง โรงแรมกะตะบีช โรงแรมระดับ 4 ดาว 275 ห้อง โรงแรมกะรนบีช โรงแรมระดับ 4 ดาว 80 ห้อง และโรงแรมกานดาบุรี สมุย โรงแรมระดับ 4 ดาว 183 ห้อง ว่า ขณะนี้กะตะกรุ๊ปมีโรงแรมประมาณ 1,200 ห้อง การดำเนินงานในปีนี้ดีมากทุกแห่ง มีนักท่องเที่ยวเข้าพักในอัตราที่น่าพอใจมาก จากการที่การท่องเที่ยวของภูเก็ตกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากความไม่สงบทางการเมืองได้ยุติลงและปัญหาต่างๆที่มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวได้หมดไป
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นห่วงสำหรับภูเก็ตในขณะนี้ คือ ปัญหาการจราจรที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น ปัญหาความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยของชายหาด และปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม จึงอยากฝากไปยังผู้ที่รับผิดชอบให้ดำเนินการแก้ไขให้ปัญหาหมดไปเพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
นายปมุข อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการบริหารโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป เปิดเผยถึงการขยายการลงทุนโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป ภายหลังลงนามการสนับสนุนทางการเงินโครงการ “ Khaolak Cassaway Resort & Spa” ของบริษัทเจ้าฟ้าบุรี จำกัด ในเครือกะตะกรุ๊ป กับนายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 470 ล้านบาท เมื่อเร็วๆนี้ ว่า จากที่สถานการณ์การท่องเที่ยวของภูเก็ตและอันดามันเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้จากในช่วงต้นปีของปี 2554 ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาภูเก็ตเป็นจำนวนมาก ภายหลังเหตุการณ์ต่างๆที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวผ่านพ้นไป
ทั้งนี้ ตนคิดว่าการท่องเที่ยวของภูเก็ตและอันดามันจะเติบโตแบบนี้ตลอดไป ขณะที่กะตะกรุ๊ปได้ซื้อที่ดินแปลงใหญ่ที่บริเวณหาดปากวีป จ.พังงา จึงได้ตัดสินใจขยายการลงทุนด้านโรงแรม รีสอร์ตไปยังเขาหลัก ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวในยุโรปและสแกนดิเนเวีย ภายใต้โครงการ “ Khaolak Cassaway Resort & Spa”
โครงการ “ Khaolak Cassaway Resort & Spa” ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 70 ไร่ ติดทะเลบริเวณหาดปากวีป เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว+ ลงทุนในเฟส 1 และเฟส 2 จำนวน 153 ห้อง เป็นวิลล่า 1 ห้องนอนทั้งหมด ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณหาดปากวีปมีโรงแรม รีสอร์ต ที่เป็นตัวตึกจำนวนมากแล้ว จึงต้องการที่จะสร้างความแตกต่างในเรื่องที่พัก นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่อยู่ติดกับชายหาดปากวีป ซึ่งเป็นชายหาดส่วนตัวของโครงการ และการออกแบบห้องพักในสไตล์ของสถาปัตยกรรมร่วมสมัย ที่ผสมผสานความเป็นไทยภาคใต้ ภายใต้การผสมผสานความเป็นธรรมชาติ และความทันสมัยไว้ด้วยกัน โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 600-700 ล้านบาท
นายปมุข เผยเพิ่มว่า ขณะนี้ได้เริ่มก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในเดือนพ.ย.ปีนี้ เพื่อรองรับช่วงไฮซีซัน ซึ่งเชื่อมั่นว่ารีสอร์ตแห่งใหม่จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวเหมือนกับที่ภูเก็ตและเกาะสมุย เนื่องจากบริเวณหาดปากวีปเป็นย่านโรงแรม รีสอร์ต ระดับ 5 ดาวทั้งสิ้น ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักท่องเที่ยวระดับบนที่ต้องการมาพักผ่อนที่เขาหลัก จ.พังงา โดยลูกค้ากลุ่มหลักที่มองไว้เป็นจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่ภูเก็ตและเกาะสมุย ที่เน้นลูกค้ากลุ่มยุโรปและสแกนดิเนเวีย เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม หากโครงการในเฟส1 และเฟส 2 ที่เป็นวิลลาทั้งหมด ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยว ทางกะตะกรุ๊ปมีโครงการที่จะขยายการลงทุนเพิ่มในเฟสต่อไปอีก 250 หลังใน 5-6 ปีข้างหน้า เพราะยังมีที่ดินเหลืออีกประมาณ 50 ไร่ เนื่องจากเฟสแรกใช้ที่ดินไปเพียง 20 กว่าไร่เท่านั้น
นายปมุข ยังกล่าวถึงภาพรวมธุรกิจโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ปทั้ง 4 แห่งที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือ โรงแรมภูเก็ต ออร์คิด รีสอร์ท โรงแรมระดับ 4 ดาว + 525 ห้อง โรงแรมกะตะบีช โรงแรมระดับ 4 ดาว 275 ห้อง โรงแรมกะรนบีช โรงแรมระดับ 4 ดาว 80 ห้อง และโรงแรมกานดาบุรี สมุย โรงแรมระดับ 4 ดาว 183 ห้อง ว่า ขณะนี้กะตะกรุ๊ปมีโรงแรมประมาณ 1,200 ห้อง การดำเนินงานในปีนี้ดีมากทุกแห่ง มีนักท่องเที่ยวเข้าพักในอัตราที่น่าพอใจมาก จากการที่การท่องเที่ยวของภูเก็ตกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากความไม่สงบทางการเมืองได้ยุติลงและปัญหาต่างๆที่มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวได้หมดไป
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นห่วงสำหรับภูเก็ตในขณะนี้ คือ ปัญหาการจราจรที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น ปัญหาความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยของชายหาด และปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม จึงอยากฝากไปยังผู้ที่รับผิดชอบให้ดำเนินการแก้ไขให้ปัญหาหมดไปเพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
