อพท.เตรียมประกาศ 6 พื้นที่ เป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการพัฒนาท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ชูกลยุทธ์ให้ชุมชนมีส่วนร่วม เน้นการอนุรักษ์ รักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยงบประจำปี 2554 ราว 350 ล้านบาท ก่อนยิงยาวพัฒนาครบ 33 แห่งทั่วประเทศชงของบปี 2555 อีกกว่า 700 ล้านบาท ล่าสุดออกคู่มือสำหรับพื้นที่ที่ต้องการเป็นพื้นที่พิเศษ
พันเอกนาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการและผู้อำนวยการ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) เปิดเผยแผนงานพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวประจำปีงบประมาณ 2554ต่อเนื่องปีงบประมาณ 2555 ว่า มีพื้นทีท่องเที่ยวที่ผ่านการศึกษาและพร้อมพัฒนารวม 33 แห่งทั่วประเทศที่ อพท.เตรียมทยอยเข้าไปประกาศเป็นพื้นที่พิเศษฯในความดูแลของ อพท.และชุมชนในการที่จะร่วมกันพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนในจำนวน พื้นที่ทั้งหมด มี 6 พื้นที่ที่มีความพร้อม อพท.สามารถเข้าไปดำเนินการในปีนี้ ได้แก่ พื้นที่ท่องเที่ยวเมืองหัวหิน-ชะอำและพื้นที่เชื่อมโยง , พื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย –ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร, พื้นที่ท่องเที่ยวเมืองเก่าน่าน, จังหวัดเลย, สุราษฎร์ธานี และสงขลา
โดยพื้นที่ที่มีความพร้อมสูงสุดและคาดว่าจะเลือกเข้าไปพัฒนาเป็นอันดับแรก คือ จังหวัดน่าน โดยทุกภาคส่วน ทั้งส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) จังหวัด ชุมชน หรือแม้กระทั่งคนขับรถสามล้อซึ่งมีความเข้มแข็ง สำหรับจังหวัดเลย เบื้องต้นจะทยอยประกาศเป็นพื้นที่เป็นบางจุด อาทิ อำเภอภูกระดึง ,ภูหลวง,ภูเรือ,ด่านซ้าย,ท่าลี่ และ เชียงคาน
กรรมการและผู้อำนวยการ อพท. กล่าวอีกว่า รูปแบบการทำงานของ อพท. นอกจากการเข้าไปให้ความรู้ความเข้าใจกับคนทุกฝ่ายในพื้นที่ เพื่อพร้อมที่จะพัฒนาพื้นที่ไปด้วยกัน ส่วนกรอบการทำงาน หากเป็นพื้นที่ที่มีสิ่งปลูกสร้าง มีอาคารเก่า ก็จะไม่ทุบทิ้ง แต่จะเน้นบูรณะซ่องแซม รวมถึงการควบคุมสิ่งปลูกสร้างใหม่ให้มีทัศนียภาพที่สอดคล้องกับของเดิม
การทำงานของ อพท. จะอยู่ภายใต้งบประมาณประจำปี และงบท้องถิ่น ซึ่งในส่วนของ อพท.ในปีงบประมาณ 2554 ได้รับจัดสรรงบจากรัฐบาล 350 ล้านบาท เพิ่มจากปี 53 ราว 6 % ขณะที่ปีงบประมาณ 2555 เสนอขอวงเงินงบประมาณไปที่ 701 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม อพท.มีแผนจัดทำคู่มือแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวภายใต้โครงการครีเอทีฟ ทัวริสซึ่ม นำเส้นทางท่องเที่ยว 33 พื้นที่ทั่วประเทศ ที่มีความพร้อมประกาศเป็นพื้นที่พิเศษของ อพท. มาจัดทำรูปแบบเส้นทางท่องเที่ยวอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภายในแนวคิด การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ (ครีเอทีฟ ทัวริสซึ่ม) พร้อมเผยแพร่ เพื่อให้เกิดกระแสการเดินทางตามรอย เบื้องต้นจะจัดทำข้อมูลเป็น 2 ภาษา คือ ไทยและอังกฤษ บันทึกลงในเว็บไซต์ ซึ่ง อพท. คาดว่าจะจัดทำเสร็จภายในไตรมาสแรกนี้ จากนั้นอาจดึงสมาคมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย(ทีต้า) มาร่วมมือ จัดทำโปรแกรมนำเที่ยวตามรอยเส้นทางที่แนะนำไว้ด้วย
นอกจากนี้ อพท. ยังจัดทำคู่มือการจัดเตรียมข้อมูลเพื่อการพิจารณาการประกาศพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สำหรับพื้นที่ที่ต้องการเป็นพื้นที่พิเศษ ให้ใช้ในการเตรียมความพร้อมพื้นที่ตัวเอง โดยเนื้องหาในคู่มือจะระบุ เกณฑ์ในการพิจารณา 3 ประเด็น ได้แก่ คุณค่าของแหล่งท่องเที่ยว ศักยภาพในการพัฒนาการท่องเที่ยว และการบริหารจัดการ หากได้คะแนนจากการประเมิน 75% ขึ้นไป ก็สามารถทำหนังสือแจ้งมายังอพท. ให้เข้าไปศึกษาความเป็นไปได้ ที่จะประกาศเป็นพื้นที่พิเศษได้ ขณะที่พื้นที่เกาะช้าง คาดว่าภายในปี 2555 จะดำเนินการส่งมอบพื้นที่คืนแก่ชุมชน เพราะการพัฒนาได้จบสิ้นแล้ว
พันเอกนาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการและผู้อำนวยการ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) เปิดเผยแผนงานพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวประจำปีงบประมาณ 2554ต่อเนื่องปีงบประมาณ 2555 ว่า มีพื้นทีท่องเที่ยวที่ผ่านการศึกษาและพร้อมพัฒนารวม 33 แห่งทั่วประเทศที่ อพท.เตรียมทยอยเข้าไปประกาศเป็นพื้นที่พิเศษฯในความดูแลของ อพท.และชุมชนในการที่จะร่วมกันพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนในจำนวน พื้นที่ทั้งหมด มี 6 พื้นที่ที่มีความพร้อม อพท.สามารถเข้าไปดำเนินการในปีนี้ ได้แก่ พื้นที่ท่องเที่ยวเมืองหัวหิน-ชะอำและพื้นที่เชื่อมโยง , พื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย –ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร, พื้นที่ท่องเที่ยวเมืองเก่าน่าน, จังหวัดเลย, สุราษฎร์ธานี และสงขลา
โดยพื้นที่ที่มีความพร้อมสูงสุดและคาดว่าจะเลือกเข้าไปพัฒนาเป็นอันดับแรก คือ จังหวัดน่าน โดยทุกภาคส่วน ทั้งส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) จังหวัด ชุมชน หรือแม้กระทั่งคนขับรถสามล้อซึ่งมีความเข้มแข็ง สำหรับจังหวัดเลย เบื้องต้นจะทยอยประกาศเป็นพื้นที่เป็นบางจุด อาทิ อำเภอภูกระดึง ,ภูหลวง,ภูเรือ,ด่านซ้าย,ท่าลี่ และ เชียงคาน
กรรมการและผู้อำนวยการ อพท. กล่าวอีกว่า รูปแบบการทำงานของ อพท. นอกจากการเข้าไปให้ความรู้ความเข้าใจกับคนทุกฝ่ายในพื้นที่ เพื่อพร้อมที่จะพัฒนาพื้นที่ไปด้วยกัน ส่วนกรอบการทำงาน หากเป็นพื้นที่ที่มีสิ่งปลูกสร้าง มีอาคารเก่า ก็จะไม่ทุบทิ้ง แต่จะเน้นบูรณะซ่องแซม รวมถึงการควบคุมสิ่งปลูกสร้างใหม่ให้มีทัศนียภาพที่สอดคล้องกับของเดิม
การทำงานของ อพท. จะอยู่ภายใต้งบประมาณประจำปี และงบท้องถิ่น ซึ่งในส่วนของ อพท.ในปีงบประมาณ 2554 ได้รับจัดสรรงบจากรัฐบาล 350 ล้านบาท เพิ่มจากปี 53 ราว 6 % ขณะที่ปีงบประมาณ 2555 เสนอขอวงเงินงบประมาณไปที่ 701 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม อพท.มีแผนจัดทำคู่มือแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวภายใต้โครงการครีเอทีฟ ทัวริสซึ่ม นำเส้นทางท่องเที่ยว 33 พื้นที่ทั่วประเทศ ที่มีความพร้อมประกาศเป็นพื้นที่พิเศษของ อพท. มาจัดทำรูปแบบเส้นทางท่องเที่ยวอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภายในแนวคิด การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ (ครีเอทีฟ ทัวริสซึ่ม) พร้อมเผยแพร่ เพื่อให้เกิดกระแสการเดินทางตามรอย เบื้องต้นจะจัดทำข้อมูลเป็น 2 ภาษา คือ ไทยและอังกฤษ บันทึกลงในเว็บไซต์ ซึ่ง อพท. คาดว่าจะจัดทำเสร็จภายในไตรมาสแรกนี้ จากนั้นอาจดึงสมาคมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย(ทีต้า) มาร่วมมือ จัดทำโปรแกรมนำเที่ยวตามรอยเส้นทางที่แนะนำไว้ด้วย
นอกจากนี้ อพท. ยังจัดทำคู่มือการจัดเตรียมข้อมูลเพื่อการพิจารณาการประกาศพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สำหรับพื้นที่ที่ต้องการเป็นพื้นที่พิเศษ ให้ใช้ในการเตรียมความพร้อมพื้นที่ตัวเอง โดยเนื้องหาในคู่มือจะระบุ เกณฑ์ในการพิจารณา 3 ประเด็น ได้แก่ คุณค่าของแหล่งท่องเที่ยว ศักยภาพในการพัฒนาการท่องเที่ยว และการบริหารจัดการ หากได้คะแนนจากการประเมิน 75% ขึ้นไป ก็สามารถทำหนังสือแจ้งมายังอพท. ให้เข้าไปศึกษาความเป็นไปได้ ที่จะประกาศเป็นพื้นที่พิเศษได้ ขณะที่พื้นที่เกาะช้าง คาดว่าภายในปี 2555 จะดำเนินการส่งมอบพื้นที่คืนแก่ชุมชน เพราะการพัฒนาได้จบสิ้นแล้ว
