ASTVผู้จัดการรายวัน - ผู้ว่าแบงก์ชาติเผยต่างชาติเทขายหุ้น เป็นการโยกไปลงทุนในตราสารหนี้แทน ทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายค่อนข้างสมดุล หนุนรัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซล ช่วยอั้นไม่ให้สินค้าอื่นขยับราคาขึ้น
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้การเคลื่อนย้ายเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติค่อนข้างสมดุลเห็นได้จากเงินบาทมีการเคลื่อนไหวค่อนข้างนิ่ง ซึ่งธปท.เองไม่ค่อนได้เข้าไปซื้อขายในตลาดมากนัก โดยแม้ต่างชาติมีแรงเทขายหุ้นออกไปบ้างในบางช่วง แต่กลับไปลงทุนในตลาดตราสารหนี้หรือลงทุนสินทรัพย์อื่นจึงยังไม่เห็นเงินทุนไหลออกไป แต่กลับเป็นการย้ายการลงทุนในตลาดอื่นแทนมากกว่า ทำให้มองว่าการเคลื่อนย้ายเงินทุนขณะนี้ยังไม่มีอะไรผิดปกติ
ต่อข้อซักถามที่ว่า รัฐบาลใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรึงราคาน้ำมันดีเซลนั้น ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า ในเป็นมาตรการระยะสั้นที่ดี เพราะราคาน้ำมันดีเซลใช้อ้างอิงกับสินค้าอื่นๆ ซึ่งหากราคาน้ำมันขยับขึ้นอาจส่งผลให้สินค้าปรับราคาตามมาได้ อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันตลาดโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าทางคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)
จะสามารถหาวิธีที่ดีที่สุดสำหรับประเทศได้
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นขณะนี้เป็นเรื่องที่คาดเดาแนวโน้มค่อนข้างยาก เนื่องจากเกิดจากปัจจัยด้านอุปสงค์ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ทั้งจีน อินเดีย ซึ่งมีอุตสาหกรรมการผลิตค่อนข้างมาก ทำให้เป็นผู้ใช้น้ำมันในปริมาณที่สูง ประกอบกับขณะนี้เป็นช่วงฤดูหนาวของประเทศตะวันตก ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันก็พยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยการผลิตออกมาให้เพียงพอกับความต้องการ จึงต้องติดตามสถานการณ์เรื่องนี้อีกระยะหนึ่ง
นอกจากนี้ ในส่วนของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และอาหารที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน จากเดิมที่คนทั่วไปมองว่าเกิดจากเก็งกำไรจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อน แต่กลับเกิดจากตลาดผู้ขายเป็นสำคัญ โดยกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่มีการใช้วัตถุดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ค่อนข้างมาก และหากประเทศเหล่านี้มีเศรษฐกิจเติบโตร้อนแรงก็ยิ่งเป็นปัจจัยผลักดันด้านราคาให้สูงขึ้นอีก
ทำให้รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหา เพื่อรักษาความสมดุล
“ไทยเองก็เช่นเดียวกัน เมื่อมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวสู่ระดับปกติ จึงใช้นโยบายเศรษฐกิจมหภาคพยายามรักษาเสถียรภาพให้เกิดความสมดุลมากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงตามมา” ผู้ว่าการธปท.กล่าว.
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้การเคลื่อนย้ายเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติค่อนข้างสมดุลเห็นได้จากเงินบาทมีการเคลื่อนไหวค่อนข้างนิ่ง ซึ่งธปท.เองไม่ค่อนได้เข้าไปซื้อขายในตลาดมากนัก โดยแม้ต่างชาติมีแรงเทขายหุ้นออกไปบ้างในบางช่วง แต่กลับไปลงทุนในตลาดตราสารหนี้หรือลงทุนสินทรัพย์อื่นจึงยังไม่เห็นเงินทุนไหลออกไป แต่กลับเป็นการย้ายการลงทุนในตลาดอื่นแทนมากกว่า ทำให้มองว่าการเคลื่อนย้ายเงินทุนขณะนี้ยังไม่มีอะไรผิดปกติ
ต่อข้อซักถามที่ว่า รัฐบาลใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรึงราคาน้ำมันดีเซลนั้น ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า ในเป็นมาตรการระยะสั้นที่ดี เพราะราคาน้ำมันดีเซลใช้อ้างอิงกับสินค้าอื่นๆ ซึ่งหากราคาน้ำมันขยับขึ้นอาจส่งผลให้สินค้าปรับราคาตามมาได้ อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันตลาดโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าทางคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)
จะสามารถหาวิธีที่ดีที่สุดสำหรับประเทศได้
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นขณะนี้เป็นเรื่องที่คาดเดาแนวโน้มค่อนข้างยาก เนื่องจากเกิดจากปัจจัยด้านอุปสงค์ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ทั้งจีน อินเดีย ซึ่งมีอุตสาหกรรมการผลิตค่อนข้างมาก ทำให้เป็นผู้ใช้น้ำมันในปริมาณที่สูง ประกอบกับขณะนี้เป็นช่วงฤดูหนาวของประเทศตะวันตก ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันก็พยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยการผลิตออกมาให้เพียงพอกับความต้องการ จึงต้องติดตามสถานการณ์เรื่องนี้อีกระยะหนึ่ง
นอกจากนี้ ในส่วนของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และอาหารที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน จากเดิมที่คนทั่วไปมองว่าเกิดจากเก็งกำไรจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อน แต่กลับเกิดจากตลาดผู้ขายเป็นสำคัญ โดยกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่มีการใช้วัตถุดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ค่อนข้างมาก และหากประเทศเหล่านี้มีเศรษฐกิจเติบโตร้อนแรงก็ยิ่งเป็นปัจจัยผลักดันด้านราคาให้สูงขึ้นอีก
ทำให้รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหา เพื่อรักษาความสมดุล
“ไทยเองก็เช่นเดียวกัน เมื่อมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวสู่ระดับปกติ จึงใช้นโยบายเศรษฐกิจมหภาคพยายามรักษาเสถียรภาพให้เกิดความสมดุลมากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงตามมา” ผู้ว่าการธปท.กล่าว.
