ASTVผู้จัดการรายวัน - ถึงฤดูจ่ายภาษีกรมสรรพากรเข้มตรวจสอบรายการขอคืนภาษี หวั่นขบวนการสร้างรายจ่ายเทียมผ่านบุคคลธรรมดา ทั้งๆ ที่เป็นนิติบุคคลสวมรอย พุ่งเป้าไปที่ยอดขอคืนบริษัท-ทำเลที่ตั้งเดียวกัน
นางจิตรมณี สุวรรณพูล รองอธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ช่วงนี้กรมสรรพากรเน้นการตรวจสอบการทุจริตและการหลบเลี่ยงภาษีอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะนิติบุคลที่อาศัยพนักงานขอคืนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตวรจสอบสุ่มตรวจรายการขอคืนภาษีของบุคคลธรรมดาที่มียอดหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยบริษัทเดียวกันเป็นจำนวนมาก
"เบื้องต้นสันนิษฐานว่าบริษัทดังกล่าวอาจจะมีการสร้างรายจ่ายเท็จโดยการทำรายการเทียมโดยการอ้างว่าได้จ้างบุคคลมาทำงาน และทำรายการหัก ภาษี ณ ที่จ่าย ลวงไว้เพื่อหาทางหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งหากบุคคลที่มีรายชื่อมีการมาขอคืนภาษีก็จะเห็นยอดเงินจำนวนมากทันที ซึ่งจะทำให้กรมสรรพากรทราบถึงยอดหัก ณ ที่จ่ายเทียมดังกล่าว เท่ากับว่าการตรวจสอบภาษีบุคคลธรรมดาจะได้
ประโยชน์ในแง่จับทุจริตการหลับเลี่ยงภาษีเงินได้นิติบุคคลไปด้วย"
นอกจากนี้ก็จะเน้นการตรวจสอบผู้ขอคืนภาษีที่มีฐานที่อยู่เดียวกันจำนวนมาก ซึ่งอาจจะเกิดจากการสร้างรายการขอคืนภาษีเท็จ โดยขบวนการขอคืนภาษี ที่หลอกลวงชื่อกลุ่มสาวโรงงานมาใช้ขอคืนภาษีที่เคยระบาดในช่วง 1-2 ปีก่อนหน้านี้ ซึ่งก็เริ่มปรากฏมีให้เห็นแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา.
รองอธิบดีกรมสรรพากรย้ำว่า ในช่วงการยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2553 ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ขอให้ผู้เสียภาษีเร่งยื่นภาษีผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งจะเป็นวิธีที่ได้เงินคืนรวดเร็ว โดยกรมสรรพากรจะสั่งจ่ายเป็นเช็คของธนาคารกรุงไทยส่งให้ผู้เสียภาษีทางไปรษณีย์ภายใน 15 วัน หลังจากยื่นขอคืนเพื่ออำนวยความสะดวก และเป็นการป้องกันกลุ่มพวกมิจฉาชีพที่จะมาหลอกลวงผู้เสียภาษีให้โอนเงินผ่านเอทีเอ็มด้วย
“การที่เราจ่ายเป็นเช็คโดยตรงส่งเข้าที่อยู่เพื่อหวังลดปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่จะโทรศัพท์มาหลอกลวงให้ไปโอนเงิน ผ่านตู้เอทีเอ็ม โดยอ้างว่าเป็นการคืนภาษี ซึ่งแม้จะมีการออกประกาศเตือนหลายครั้งแต่ก็ยังมีคนหลงเชื่ออยู่ จึงตัดไฟตั้งแต่ต้นลมโดยการใช้เช็คสั่งจ่าย โดยให้สรรพากรพื้นที่เป็นผู้ออกเช็คให้เลยแทนที่จะเป็นกรมสรรการกรส่วนกลางเช่นทุกปี เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการคืนภาษียิ่งขึ้น” นางจิตรมณีกล่าว.
นางจิตรมณี สุวรรณพูล รองอธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ช่วงนี้กรมสรรพากรเน้นการตรวจสอบการทุจริตและการหลบเลี่ยงภาษีอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะนิติบุคลที่อาศัยพนักงานขอคืนของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตวรจสอบสุ่มตรวจรายการขอคืนภาษีของบุคคลธรรมดาที่มียอดหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยบริษัทเดียวกันเป็นจำนวนมาก
"เบื้องต้นสันนิษฐานว่าบริษัทดังกล่าวอาจจะมีการสร้างรายจ่ายเท็จโดยการทำรายการเทียมโดยการอ้างว่าได้จ้างบุคคลมาทำงาน และทำรายการหัก ภาษี ณ ที่จ่าย ลวงไว้เพื่อหาทางหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งหากบุคคลที่มีรายชื่อมีการมาขอคืนภาษีก็จะเห็นยอดเงินจำนวนมากทันที ซึ่งจะทำให้กรมสรรพากรทราบถึงยอดหัก ณ ที่จ่ายเทียมดังกล่าว เท่ากับว่าการตรวจสอบภาษีบุคคลธรรมดาจะได้
ประโยชน์ในแง่จับทุจริตการหลับเลี่ยงภาษีเงินได้นิติบุคคลไปด้วย"
นอกจากนี้ก็จะเน้นการตรวจสอบผู้ขอคืนภาษีที่มีฐานที่อยู่เดียวกันจำนวนมาก ซึ่งอาจจะเกิดจากการสร้างรายการขอคืนภาษีเท็จ โดยขบวนการขอคืนภาษี ที่หลอกลวงชื่อกลุ่มสาวโรงงานมาใช้ขอคืนภาษีที่เคยระบาดในช่วง 1-2 ปีก่อนหน้านี้ ซึ่งก็เริ่มปรากฏมีให้เห็นแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา.
รองอธิบดีกรมสรรพากรย้ำว่า ในช่วงการยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2553 ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ขอให้ผู้เสียภาษีเร่งยื่นภาษีผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งจะเป็นวิธีที่ได้เงินคืนรวดเร็ว โดยกรมสรรพากรจะสั่งจ่ายเป็นเช็คของธนาคารกรุงไทยส่งให้ผู้เสียภาษีทางไปรษณีย์ภายใน 15 วัน หลังจากยื่นขอคืนเพื่ออำนวยความสะดวก และเป็นการป้องกันกลุ่มพวกมิจฉาชีพที่จะมาหลอกลวงผู้เสียภาษีให้โอนเงินผ่านเอทีเอ็มด้วย
“การที่เราจ่ายเป็นเช็คโดยตรงส่งเข้าที่อยู่เพื่อหวังลดปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่จะโทรศัพท์มาหลอกลวงให้ไปโอนเงิน ผ่านตู้เอทีเอ็ม โดยอ้างว่าเป็นการคืนภาษี ซึ่งแม้จะมีการออกประกาศเตือนหลายครั้งแต่ก็ยังมีคนหลงเชื่ออยู่ จึงตัดไฟตั้งแต่ต้นลมโดยการใช้เช็คสั่งจ่าย โดยให้สรรพากรพื้นที่เป็นผู้ออกเช็คให้เลยแทนที่จะเป็นกรมสรรการกรส่วนกลางเช่นทุกปี เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการคืนภาษียิ่งขึ้น” นางจิตรมณีกล่าว.