ASTVผู้จัดการรายวัน - พันธมิตรฯ พรึ่บ! ถวายสัตย์หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ปฏิญาณปกป้องอธิปไตย ขณะที่คาราวานนำสิ่งของบริจาคถึงมือราษฏรที่เดือดร้อนจากเหตุปะทะแล้ว ซัดบังคับใช้ กม.ความมั่นคงถือเป็นรัฐบาลเผด็จการแฉ "เทือก" สั่ง ตร.ล้อม พธม.หวังสลายการชุม “ประพันธ์” ทวงคืนถนนหน้าบ้านนายกฯ ทำชาวบ้านเดือดร้อน "มาร์ค" โยนเผือกร้อนให้ ตร.ตัดสินใจขอคืนพื้นที่ "จิตตนาถ" อัดมาร์คไม่จริงใจช่วยชาวบ้าน มัวแต่แก้ รธน. “สนธิ” ชี้นักการเมืองตัวปัญหาชาติ "มาร์ค" หนักสุดเป็นหัวหน้า
การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวานนี้ (11 ก.พ.) ย่างเข้าสู่วันที่ 18 บรรยากาศคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า โดยมีมวลชนทั่วประเทศทยอยเดินทางเข้าร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่องจำนวนมาก เพื่อร่วมกิจกรรมและการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ตามที่นัดหมายกันไว้ เช่น นครราชสีมา ราชบุรี แม่ฮ่องสอน ระยอง และสงขลา เชียงใหม่ เป็นต้น
โดยเมื่อเวลา 09.00 น. ขบวนคาราวานขนสิ่งของจำนวน 4 คันรถบรรทุก เพื่อนำไปมอบให้แก่ทหารชายแดนไทย-กัมพูชา และชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณชายแดน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีษะเกษ ได้ออกเดินทางจากพื้นที่ชุมนุมมุ่งไปยัง จ.ศรีสะเกษแล้ว
***ของบริจาคถึงมือทหาร
เวลา 14.30 น.ที่ฐานปฏิบัติการทหารช่างบ้านพลวง ต.บ้านพลวง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ คณะของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และกองทัพธรรมมูลนิธิ นำโดย นายแก่นฟ้า แสนเมือง ได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคสิ่งของจำเป็นสำหรับใช้ในพื้นที่สนามชายแดน ซึ่งได้รับบริจาคจากประชาชนทั่วไป และเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำนวน 4 คันรถบรรทุก 6 ล้อ เดินทางมาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคสนามชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ทหารไทย
โดยมี พ.อ.ศิริวิทย์ เจริญวงษ์ รอง ผอ.รมน.ภาค 2 ส่วนแยก 2 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2, พ.อ.ธัญญา เกียรติสาร ผู้บังคับการชุดเฉพาะกิจ 2 กองกำลังสุรนารี, พ.อ.ศักดิ์ชัย ทองนุ่ม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้รับมอบสิ่งของ
ก่อนหน้านี้ นายแก่นฟ้า แสนเมือง ตัวแทนกลุ่มพันธมิตรฯ และ กองทัพธรรมมูลนิธิ มีความประสงค์ที่จะเดินทางไปมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แต่กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งดูแลพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดแนวชายแดน เกรงว่า จะเกิดความไม่ปลอดภัย จึงได้เจรจาให้ นายแก่นฟ้า แสนเมือง และคณะ ได้นำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคมามอบแก่ทหารชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ แทน เนื่องจากยังมีความต้องการอยู่มากเช่นกัน และส่วนหนึ่งทางทหารจะช่วยกันนำไปส่งให้แก่ทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดนด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีรับความสะดวกปลอดภัยมากกว่าต่อไป
***เคลื่อนขบวนไปลานพระรูป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 10.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ และนายศรัณยู วงศ์กระจ่าง กรรมการร่วมพลังปกป้องแผ่นดิน จะผู้นำมวลชนพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อประกอบพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณร่วมปกป้องอธิปไตยของชาติต่อพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ทั้งนี้ ในส่วนการรักษาความปลอดภัยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 กองร้อยประจำการบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ขณะที่อีก 10 กองร้อย รักษาการณ์บริเวณหน้ารัฐสภา
โดยพล.อ.ปรีชา เป็นผู้นำมวลชนพันธมิตรฯ กล่าวปฏิญาณว่าจะร่วมกันปกป้องอธิปไตยไทย จะไม่ให้ต้องสูญเสียแผ่นดินในอธิปไตยไปให้กับต่างชาติแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ก่อนที่ผู้ร่วมชุมนุมจะนำดอกไม้ พวงมาลัยไปถวายสักการะภายหลังถวายปฏิญาณ ก่อนจะทยอยเดินทางกลับไปเวทีมัฆวานอย่างสงบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า เมื่อเวลา 10.00 น.พล.ต.ต. สมพงษ์ ชิงดวง ผบก.อคฝ. ได้นำกำลัง 12 กองร้อย เคลื่อนกำลังออกจากทำเนียบรัฐบาล มายังสะพานมัฆวานรังสรรค์พื้นที่ที่ผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตยได้ปักหลักชุมนุม โดยได้กระจายกำลังกันออกรอบทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณหลังเวทีชุมนุม ซึ่งกองกำลังได้เตรียมพร้อมใส่ชุดปราบจราจล อาวุธ โล่ห์ กระบอง ครบมือ โดยในขณะนี้ได้วางกำลังและจังหวะเพื่อรอคำสั่งอีกครั้ง ทั้งนี้ มีรายงานว่าอาจมีการเข้าไปในพื้นที่ชุมนุมเพื่อขอคืนพื้นที่
***ตร.ตรึงกำลังรอบรัฐสภา
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) กล่าวภายหลังกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางกลับจากการถวายคำสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แล้วว่า แม้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะไม่เคลื่อนขบวนไปยังอาคารรัฐสภา แต่ตำรวจก็ยังวางกำลังไว้เต็มรูปแบบเหมือนเดิม คือ 12 กองร้อย และชุดปะฉะดะ 3 บก. อีก 1 กองร้อย โดยจะดูแลโดยรอบอาคารรัฐสภา ส่วนกรณีที่ฝ่ายความมั่นคงขอให้ผู้ชุมนุมคืนพื้นที่ในวันนี้นั้น ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาก็ต้องดำเนินการ
“ขณะนี้ตำรวจส่งเรื่องไปยังอัยการ เพื่อให้ทางอัยการดำเนินการฟ้องต่อศาลแพ่ง เพื่อขอคืนพื้นที่การชุมนุม พร้อมกันนี้ ศอ.รส.(ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ) เตรียมปิดประกาศให้ผู้ชุมนุมทราบ ว่าพื้นที่ใดที่ต้องให้ออกจากพื้นที่ ส่วนกรณีที่ผู้ชุมนุมจะส่งตัวแทนไปส่งหนังสือที่รัฐสภานั้น จะไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปโดยเด็ดขาด หากอยากอ่านหรืออยากแถลงอะไรก็ให้ทำผ่านทางโทรทัศน์เพราะถึงกันทั้งหมด” ผบก.น.1 กล่าว
***“เทือก” ยันขอคืนพื้นที่ ถ.ราชดำเนิน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กรณีการใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ขอคืนพื้นที่จากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ว่า ตนมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะขอพื้นที่บริเวณถนนราชดำเนินคืนได้ อย่างน้อยก็บางส่วนเพื่อให้การจราจรลื่นไหล
เมื่อถามต่อว่าการที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะเคลื่อนขบวนไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า เจ้าหน้าที่จะใช้โอกาสนี้ในการคืนพื้นที่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ขอพูดรายละเอียดการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีอิสระในการดำเนินการ
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯ ยืนยันว่าจะลงไปแจกสิ่งของให้ประชาชนที่ จ.ศรีสะเกษนั้น และพล.ต.จำลองระบุว่ารัฐบาลจัดฉากคัดค้านการลงพื้นที่ของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยการให้ชาวบ้านออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการลงพื้นที่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดฉาก
สำหรับการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันอาทิตย์ที่ 13 ก.พ. ยังคงยืนยันจะใช้เส้นทางถนนราชดำเนินเดินทางไปอนุสาวรีย์ฯ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนได้หารือกับตำรวจนครบาลว่าต้องดูแลไม่ให้มีการบุกรุกศาล และต้องไม่ให้มีการปิดถนนเป็นปัญหาต่อประชาชนที่ใช้เส้นทาง
***เตรียมกำลังขอพื้นที่คืน
ด้านพล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือศอ.รส. กล่าวว่า การเจรจาขอคืนพื้นที่บริเวณถนนราชดำเนิน หลังมีการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ.2551 ในพื้นที่ 7 เขตของกรุงเทพฯนั้น เบื้องต้นการเจรจามีแนวโน้มที่ดีและผู้ชุมนุมบางส่วนก็มีท่าทีที่อ่อนลง ซึ่งคาดว่าช่วงเย็นของวันนี้ อาจจะมีการเปิดพื้นที่จราจรบริเวณถนนราชดำเนินได้บางส่วน แต่ก็คงต้องรอการเจรจาในช่วงบ่ายอีกครั้ง โดยในส่วนของศอ.รศ.ก็ได้มีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ไว้แล้ว หากมีการคืนพื้นที่บางส่วนจริง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า เป็นเรื่องของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรับผิดชอบอยู่ โดยมีแนวทางที่ชัดเจนในการใช้กฎหมายควบคุม และไม่ให้ใช้ความรุนแรงไม่มีนโยบายที่จะสลาย เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ การใช้มาตรการใดก็เป็นหน้าที่ของ ผอ.ศอ.รส.ที่จะต้องขออนุมัติจากรัฐบาล
“ผมมองว่าประชาชนทุกคนมีสิทธ์ที่จะทำตามรัฐธรรมนูญแต่อย่าทำผิดกฎหมาย กฎหมายไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่น และไม่ได้เลือกว่าใครเป็นสีไหนอย่างไร เพราะกฎหมายเลือกปฏิบัติไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าจะช้าหรือเร็ว อยู่ที่กระบวนการสอบสวนพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งบางคดีก็ช้า บางคดีก็เร็ว ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ซึ่งเราอย่าไปวิจารณ์ศาลมากนัก
***"มาร์ค"ให้ ตร.ตัดสินใจขอคืนพื้นที่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการขอเปิดพื้นที่จราจร ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ยังไม่มีรายงานมา เพราะเป็นวันที่พันธมิตรฯ มีการเคลื่อนขบวนไปที่ลานพระบรมรูปทรงม้า แล้วก็เคลื่อนกลับมา แล้วก็มีกิจกรรมต่ออีก ซึ่งยังไม่ได้ติดตามว่าจะมีอะไรอีกหรือไม่ แต่ในภาพรวมเห็นว่า มีปัญหา การจับกุมผู้มีอาวุธ แล้วก็ไม่มีเรื่องอื่น
เมื่อถามว่า จะขีดเส้นหรือไม่ ว่าจะขอคืนพื้นที่ เมื่อไร นายกฯ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ เพราะผบ.ตร. เป็นผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย แต่ขณะนี้ยังไม่มีการรายงานมาว่า จะใช้มาตรการอะไร เบื้องต้นบอกว่า พยายามเจรจาอยู่
***ผู้อพยพปลื้ม พธม.บริจาคของ
ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงภาพรวมการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดินวานนี้ (11 ก.พ.) ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการจัดกิจกรรมในชุมนุม 2 กิจกรรม คือ การจัดคาราวานที่ขนสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นไปให้กับทหารและพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนของไทยกับกัมพูชา โดยมีมูลค่าสิ่งของมากกว่า 1 ล้านบาท ใช้รถบรรทุก 4 คัน ซึ่งได้เดินทางไปถึงพื้นที่แล้ว
ที่มีข่าวว่าพยายามห้ามพันธมิตรฯลงไปในพื้นที่ ประชาชนจะออกมาต่อต้านจะมีความวุ่นวายเกิดการปะทะ ล้วนแล้วแต่เป็นวิชามารของฝ่ายการเมืองทั้งสิ้น ที่พยายามใช้แผนสกปรกใส่ร้ายพันธมิตรฯว่าประชาชนไม่ต้อนรับ เพียงเพราะมีการไปปลุกระดมให้เกลียดชังพันธมิตรฯ ซึ่งเมื่อปรากฎว่ามีความต้องการความช่วยเหลือย่างต่อเนื่อง และได้รับความร้องขอจากฝ่ายทหาร พันธมิตรฯจึงจะจัดกิจกรรมนี้ต่อไป เพื่อให้ทหารมีขวัญกำลังใจและได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอ
***แฉเล่ห์ “สุเทพ” สั่งยึดที่ พธม.คืน
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ในส่วนกิจกรรมที่จัดไปถวายสักการะและถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ปรากฎว่ามีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากเกินคาดกว่าที่เราคิด จึงพอใจในผลที่ได้รับอย่างยิ่งที่ประชาชนให้ความสนใจและร่วมมือในการจัดกิจกรรมทั้งที่เป็นช่วงเช้าของวันทำงาน
เมื่อเสร็จกิจกรรมแล้วจะกลับมายังพื้นที่การชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อกลับมาพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีเจตนาที่จะปิดล้อมกลุ่มผู้ชุมนุม โดยให้ตำรวจปิดพื้นที่การชุมนุมทั้ง 2 ฝั่งๆละ 3 กองร้อย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นการปฏิบัติการที่สั่งการมาจากฝ่านโยบาย โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี แม้ไม่มีความคิดที่จะเข้ามาสลายตอนที่มวลชนไม่อยู่ แต่จงใจที่จะกระทำให้มีผลกระทบต่อบุคคล โดยรอให้กลับเข้าพื้นที่แล้วทำการปิดล้อมแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ทันที
“ที่ผ่านมามีความพยายามอ้างเหตุว่าพันธมิตรฯจะเข้าไปในรัฐสภาหรือทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งการใช้สิ่งเทียมอาวุธ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างเพื่อปิดล้อมหวังให้การชุมนุมยุติลง ทั้งที่การชุมนุมครั้งนี้ปราศจากอาวุธ สงบอหิงสา ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ฝ่ายการเมืองกลับมามุ่งร้ายกับประชาชน” นายปานเทพ กล่าว
***มาร์คเผด็จการ-ไล่ขอคืน ถ.สุขุมวิท
ส่วนกรณที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าต้องการขอคืนถนน 2 เลนบน ถ.ราชดำเนิน บริเวณพื้นที่การชุมนุมนั้น นายปานเทพ กล่าวว่า เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะความต้องการถนนเพียง 2 เลน เหตุใดจึงต้องประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ที่เป็นกฎหมายเผด็จการเพื่อห้ามประชาชนในการชุมนุม เป็นการประกาศกฎหมายที่ลุแก่อำนาจ ซึ่งในความเป็นจริงเราได้ชุมนุมโดยปนะกาศชัดเจนว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ เมื่อได้พิจารณาแล้วเราเห็นว่า ถนนที่รัฐบาลควรขอคืนนั้นคือ ถนนหน้าทำเนียบรัฐบาลที่มีรั้วลวดหนามกั้นอยู่ที่สำแดงถึงอำนาจความเป็นเผด็จการของรัฐบาลเอง และถนนความกว้าง 7 เมตร ความยาว 3.6 กม.จากบ้านโกมุยฝั่งกัมพูชาถึงวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ซึ่งใช้ลำเลียงยุทโธปกรณ์ขึ้นสู่เขาพระวิหารเพื่อใช้โจมตีราษฎรไทย เป็นถนน 2 เลนที่รัฐบาลต้องขอคืน ทำถนน 2 เลนนี้ให้ได้ก่อนที่จะมาขอคืนจากพันธมิตรฯ
"ส่วนการยื่นคำร้องต่อศาลปกครองของพันธมิตรฯนั้นขณะนี้ยังไม่เกิดความเสียหายขึ้น จึงยังไม่ได้ดำเนินการ อย่างการปิดล้อมในวันนี้ก็เกือบที่จะเข้าข่ายความเสียหายที่เกิดขึ้นหากมีการปิดล้อมนานกว่านี้ เพราะอาจทำให้ประชาชนไม่พอใจออกมามากขึ้นและเกิดการปิดล้อมอีกชั้นหนึ่ง"
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการกำหนดการเคลื่อนไหวต่อไปอย่างไร นายปานเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการกำหนด โดยคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดินจะได้มีการประชุมในช่วง 18.00 น. เพื่อกำหนดแนวทางต่อไป และสรุปผลการจัดกิจกรรมในวันนี้ รวมทั้งประเด็นการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลด้วย
ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกัน ไม่มีการยื่นข้อเสนอมาอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล ซึ่งหากมีจริงต้องมีการนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการฯ ซึ่งการตัดสินใจตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ 5 แกนนำพันธมิตรฯแต่อยู่ที่คณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน
นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวเสริมว่า ในส่วนของการขอคืนถนน 2 เลนของนายอภิสิทธิ์นั้น ตนขอเสนอถนนอีกเลนหนึ่งที่รัฐบาลควรขอคืนด้วย คือ ที่ซอยสุขุมวิท 31 หรือซอยสวัสดีหน้าบ้านนายกฯอภิสิทธิ์ ที่ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถทำมาหากินได้ โรงแรมที่ต้องปิดตัวไปเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของนายอภิสิทธิ์ ที่ควรนำครอบครัวไปอยู่บ้านพิษณุโลก หากเห็นแก่ความเดือดร้อนของประชาชนตามที่พูดจริง และให้คนในซอยสวัสดีทำมาหากินตามปกติได้ ไม่ใช่อยู่สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน เช่นเดียวกับประชาชนไทย 30,000 คนที่เดือดร้อนที่ต้องตั้งค่ายอพยพอยู่ที่ชายแดน ซึ่งอยากกลับบ้าน แต่ไม่สามารถไปได้ เพราะความอ่อนแอของนายอภิสิทธิ์ โดยที่ไม่กล้าไปเยี่ยมประชาชนในพื้นที่เลย
**เตรียมยกร่างฟ้องใช้พ.ร.บ.มั่นคง
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ นายทศพล แก้วทิมา แกนนำกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ นายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงาน เครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ร่วมกันแถลงท่าทีของกลุ่มในการเคลื่อนไหว เพื่อกดดันรัฐบาล
นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวของประชาชนหลายครั้ง ตามมาด้วยความสูญเสีย เพราะรัฐบาลได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตอบโต้อย่างรุนแรง ทางเครือข่ายมีความเชื่อโดยสุจริตว่า รัฐบาลมีพฤติกรรมขายชาติ มีการสร้างบรรยากาศข่มขู่ประชาชน โดยการใช้แก็สน้ำตาในการซ้อม เตรียมความพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการระดมตำรวจในการฝึกซ้อมทั้งคืน และก่อนหน้านี้ ได้มีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อควบคุมพื้นที่การชุมนุม ซึ่งตนคิดว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ เพราะตามกฎหมายผู้ที่สามารถเสนอ พ.ร.บ.ความมั่นคงได้นั้น ต้องเป็นกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน แต่ผู้ที่เสนอกลับเป็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงวาระการประชุมครม.ที่รัฐบาลได้เผยแพร่ภายหลังการประชุม ไม่มีวาระนี้
ทางเครือข่ายจึงให้คณะกฎหมายพิจารณาประเด็นนี้ เพื่อยกร่างคำฟ้องต่อศาลปกครอง และเราจะดูว่ามีกลุ่มใดยื่นฟ้องเรื่องใดไปบ้าง หากมีการตกหล่น เราจะยื่นฟ้องต่อ
***อัดมาร์คแก้ รธน.แทนจะช่วยชาวบ้าน
นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยเดย์ดอทคอม กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ว่า ปัญหาเร่งด่วนของรัฐบาลเวลานี้คือการเร่งจัดการแก้ปัญหาและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุปะทะระหว่างไทยกับเขมรให้เป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่ให้เงินแล้วก็จบกันไป ต้องมีหลักประกัน มีสวัสดิภาพ ไม่ใช่เอาเวลาตอนนี้มาประชุมสภาแก้รัฐธรรมนูญให้พรรคพวกนักการเมืองด้วยกันเอง
นายจิตตนาถกล่าวด้วยว่า ใครพรรคไหนหรือสื่อมวลชนที่กล่าวหา พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พาคนไปตาย คนนั้นเลว เช่นเดียวกับที่ใส่ร้ายนายสนธิ ลิ้มทองกุล เรื่องไปรับเงินจากทักษิณ นายจิตตนาถยังเปรียบเทียบว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์แอบไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยน่าจะเลวมากกว่า เพราะเป็นการกระทำเพื่อหวังจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีก
“ตอนนี้ซีดีเพลงไอ้หน้าหล่อเสร็จแล้ว ใครต้องการให้ไปขอรับได้ที่เจ้าหน้าที่ที่เต๊นท์รับบริจาค ผมไม่ได้ทำมาเพื่อขายแต่แจกฟรี" นายจิตตนาถกล่าว
***"สนธิ" ชี้นักการเมืองต้นตอปัญหาชาติ
เมื่อเวลา 21.45น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวบนเวทีว่า การเสียอธิปไตยให้เขมร เป็นความอ่อนแอของสถาบันทหาร เพราะว่าสถาบันทหารถูกการเมืองเข้าครอบงำ ซึ่งในอดีตสถาบันกษัตริย์ มีเสาหลักอยู่ 2-3 เสา คือ ศาสนา และ ทหาร ส่วนสถาบันการเมืองไม่เคยเป็นสถาบันหลักของสถาบันกษัตริย์ได้เลย คนในสถาบันการเมืองเป็นตัวปัญหา
นายสนธิยกตัวอย่างกรณีที่นักการเมืองที่ถูกเว้นวรรคอย่างนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ก็ยังเคลบื่อนไหวจับมือกับว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี นายพินิจ จารุสมบัติและนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ จัดตั้งพรรคโคราช แสดงให้เห็นว่าต้องการเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้องมากกว่าประเทศชาติ
"ผมอยาให้สังเกตุเรื่องของน้ำมันปาล์ม ที่ขาดแคลนและมีราคาแพงทุกวันนี้ เป็นฝีมือของคนใกล้ชิดที่นายสุวัจน์ จับมือกับ ปตท. เพื่อทำไบโอดีเซล เหมาน้ำมันปาล์มไปทำ วันนี้ไบโอดีเซลถูกกว่าน้ำมันปาล์มประมาณ 1 บาทกว่า ที่จริงแล้ว ถ้าจะทำไบโอดีเซล ต้องถูกกว่าดีเซล 4-5 บาท แต่ทำไมถูกกว่าบาทเดียว เพราะต้องการเอากำไรจากพี่น้องเข้ากระเป๋า การทำเช่นนี้ราคาน้ำมันปาล์มขึ้นตลอด ประชาชนต้องกินน้ำมันปาลืมราคาแพงเพราะพวกมันเอากำไรจากไบโอดีเซล"
ยังไม่นับสั่งการกระทรวงพลังงาน และ ปตท . ใช้งบประมาณของ ปตท. เป็นพันล้านบาท เพื่อจัดการแข่งขันกีฬาที่มีวาระแอบแฝง และนายสุวัจน์เป็นจำเลยคดีคลองด่าน ยังค้างที่ ปปช. เป็นโรงงานเดียวในโลกนี้ที่ตั้งโรงงานกำจัดน้ำเสียง ห่างจากแหล่งที่ต้งอกำจัดเป็นสิบกิโลเมตร เพราะเขาเพิ่มงบประมาณ จาก 5 พันล้านบาทเป็น 2 หมื่นล้านบาท สรุปคือ รมต.เพิ่มงบประมาณ แล้วให้ย้ายบ่อบำบัดห่างออกไปไกล เพราะเขาต้องการเงินค่าก่อสร้าง
“โพลของหอการค้ายืนยันว่า รัฐบาลชุดนี้คอรัปชั่นมากที่สุด ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะสูงสุด คดีต่างๆ ที่เกี่ยวกับรัฐวิสาหกิจที่ถูกส่งไป ป.ป.ช. ที่นักการเมืองเกี่ยวข้อง 2 ปีนีไม่มีออกมาเลยเพราะเด็กของนักการเมืองคุมอยู่ นี่เป็นหนังตัวอย่าง ว่าทำไมสถาบันการเมืองจึงไม่สามารถเป็นที่พึ่งของประชาขน และสถาบันกษัตริย์ได้เลย สภาผู้แทนราษฎรก็คือที่แลกผลประโยชน์ นายกฯ ก็คือหัวหน้า” นายสนธิกล่าว.
การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวานนี้ (11 ก.พ.) ย่างเข้าสู่วันที่ 18 บรรยากาศคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า โดยมีมวลชนทั่วประเทศทยอยเดินทางเข้าร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่องจำนวนมาก เพื่อร่วมกิจกรรมและการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ตามที่นัดหมายกันไว้ เช่น นครราชสีมา ราชบุรี แม่ฮ่องสอน ระยอง และสงขลา เชียงใหม่ เป็นต้น
โดยเมื่อเวลา 09.00 น. ขบวนคาราวานขนสิ่งของจำนวน 4 คันรถบรรทุก เพื่อนำไปมอบให้แก่ทหารชายแดนไทย-กัมพูชา และชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณชายแดน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีษะเกษ ได้ออกเดินทางจากพื้นที่ชุมนุมมุ่งไปยัง จ.ศรีสะเกษแล้ว
***ของบริจาคถึงมือทหาร
เวลา 14.30 น.ที่ฐานปฏิบัติการทหารช่างบ้านพลวง ต.บ้านพลวง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ คณะของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และกองทัพธรรมมูลนิธิ นำโดย นายแก่นฟ้า แสนเมือง ได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคสิ่งของจำเป็นสำหรับใช้ในพื้นที่สนามชายแดน ซึ่งได้รับบริจาคจากประชาชนทั่วไป และเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำนวน 4 คันรถบรรทุก 6 ล้อ เดินทางมาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคสนามชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ทหารไทย
โดยมี พ.อ.ศิริวิทย์ เจริญวงษ์ รอง ผอ.รมน.ภาค 2 ส่วนแยก 2 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2, พ.อ.ธัญญา เกียรติสาร ผู้บังคับการชุดเฉพาะกิจ 2 กองกำลังสุรนารี, พ.อ.ศักดิ์ชัย ทองนุ่ม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้รับมอบสิ่งของ
ก่อนหน้านี้ นายแก่นฟ้า แสนเมือง ตัวแทนกลุ่มพันธมิตรฯ และ กองทัพธรรมมูลนิธิ มีความประสงค์ที่จะเดินทางไปมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แต่กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งดูแลพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดแนวชายแดน เกรงว่า จะเกิดความไม่ปลอดภัย จึงได้เจรจาให้ นายแก่นฟ้า แสนเมือง และคณะ ได้นำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคมามอบแก่ทหารชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ แทน เนื่องจากยังมีความต้องการอยู่มากเช่นกัน และส่วนหนึ่งทางทหารจะช่วยกันนำไปส่งให้แก่ทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดนด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีรับความสะดวกปลอดภัยมากกว่าต่อไป
***เคลื่อนขบวนไปลานพระรูป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 10.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ และนายศรัณยู วงศ์กระจ่าง กรรมการร่วมพลังปกป้องแผ่นดิน จะผู้นำมวลชนพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อประกอบพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณร่วมปกป้องอธิปไตยของชาติต่อพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ทั้งนี้ ในส่วนการรักษาความปลอดภัยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 กองร้อยประจำการบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ขณะที่อีก 10 กองร้อย รักษาการณ์บริเวณหน้ารัฐสภา
โดยพล.อ.ปรีชา เป็นผู้นำมวลชนพันธมิตรฯ กล่าวปฏิญาณว่าจะร่วมกันปกป้องอธิปไตยไทย จะไม่ให้ต้องสูญเสียแผ่นดินในอธิปไตยไปให้กับต่างชาติแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ก่อนที่ผู้ร่วมชุมนุมจะนำดอกไม้ พวงมาลัยไปถวายสักการะภายหลังถวายปฏิญาณ ก่อนจะทยอยเดินทางกลับไปเวทีมัฆวานอย่างสงบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า เมื่อเวลา 10.00 น.พล.ต.ต. สมพงษ์ ชิงดวง ผบก.อคฝ. ได้นำกำลัง 12 กองร้อย เคลื่อนกำลังออกจากทำเนียบรัฐบาล มายังสะพานมัฆวานรังสรรค์พื้นที่ที่ผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตยได้ปักหลักชุมนุม โดยได้กระจายกำลังกันออกรอบทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณหลังเวทีชุมนุม ซึ่งกองกำลังได้เตรียมพร้อมใส่ชุดปราบจราจล อาวุธ โล่ห์ กระบอง ครบมือ โดยในขณะนี้ได้วางกำลังและจังหวะเพื่อรอคำสั่งอีกครั้ง ทั้งนี้ มีรายงานว่าอาจมีการเข้าไปในพื้นที่ชุมนุมเพื่อขอคืนพื้นที่
***ตร.ตรึงกำลังรอบรัฐสภา
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) กล่าวภายหลังกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางกลับจากการถวายคำสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แล้วว่า แม้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะไม่เคลื่อนขบวนไปยังอาคารรัฐสภา แต่ตำรวจก็ยังวางกำลังไว้เต็มรูปแบบเหมือนเดิม คือ 12 กองร้อย และชุดปะฉะดะ 3 บก. อีก 1 กองร้อย โดยจะดูแลโดยรอบอาคารรัฐสภา ส่วนกรณีที่ฝ่ายความมั่นคงขอให้ผู้ชุมนุมคืนพื้นที่ในวันนี้นั้น ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาก็ต้องดำเนินการ
“ขณะนี้ตำรวจส่งเรื่องไปยังอัยการ เพื่อให้ทางอัยการดำเนินการฟ้องต่อศาลแพ่ง เพื่อขอคืนพื้นที่การชุมนุม พร้อมกันนี้ ศอ.รส.(ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ) เตรียมปิดประกาศให้ผู้ชุมนุมทราบ ว่าพื้นที่ใดที่ต้องให้ออกจากพื้นที่ ส่วนกรณีที่ผู้ชุมนุมจะส่งตัวแทนไปส่งหนังสือที่รัฐสภานั้น จะไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปโดยเด็ดขาด หากอยากอ่านหรืออยากแถลงอะไรก็ให้ทำผ่านทางโทรทัศน์เพราะถึงกันทั้งหมด” ผบก.น.1 กล่าว
***“เทือก” ยันขอคืนพื้นที่ ถ.ราชดำเนิน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กรณีการใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ขอคืนพื้นที่จากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ว่า ตนมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะขอพื้นที่บริเวณถนนราชดำเนินคืนได้ อย่างน้อยก็บางส่วนเพื่อให้การจราจรลื่นไหล
เมื่อถามต่อว่าการที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะเคลื่อนขบวนไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า เจ้าหน้าที่จะใช้โอกาสนี้ในการคืนพื้นที่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ขอพูดรายละเอียดการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีอิสระในการดำเนินการ
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯ ยืนยันว่าจะลงไปแจกสิ่งของให้ประชาชนที่ จ.ศรีสะเกษนั้น และพล.ต.จำลองระบุว่ารัฐบาลจัดฉากคัดค้านการลงพื้นที่ของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยการให้ชาวบ้านออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการลงพื้นที่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดฉาก
สำหรับการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันอาทิตย์ที่ 13 ก.พ. ยังคงยืนยันจะใช้เส้นทางถนนราชดำเนินเดินทางไปอนุสาวรีย์ฯ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนได้หารือกับตำรวจนครบาลว่าต้องดูแลไม่ให้มีการบุกรุกศาล และต้องไม่ให้มีการปิดถนนเป็นปัญหาต่อประชาชนที่ใช้เส้นทาง
***เตรียมกำลังขอพื้นที่คืน
ด้านพล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือศอ.รส. กล่าวว่า การเจรจาขอคืนพื้นที่บริเวณถนนราชดำเนิน หลังมีการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ.2551 ในพื้นที่ 7 เขตของกรุงเทพฯนั้น เบื้องต้นการเจรจามีแนวโน้มที่ดีและผู้ชุมนุมบางส่วนก็มีท่าทีที่อ่อนลง ซึ่งคาดว่าช่วงเย็นของวันนี้ อาจจะมีการเปิดพื้นที่จราจรบริเวณถนนราชดำเนินได้บางส่วน แต่ก็คงต้องรอการเจรจาในช่วงบ่ายอีกครั้ง โดยในส่วนของศอ.รศ.ก็ได้มีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ไว้แล้ว หากมีการคืนพื้นที่บางส่วนจริง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า เป็นเรื่องของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรับผิดชอบอยู่ โดยมีแนวทางที่ชัดเจนในการใช้กฎหมายควบคุม และไม่ให้ใช้ความรุนแรงไม่มีนโยบายที่จะสลาย เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ การใช้มาตรการใดก็เป็นหน้าที่ของ ผอ.ศอ.รส.ที่จะต้องขออนุมัติจากรัฐบาล
“ผมมองว่าประชาชนทุกคนมีสิทธ์ที่จะทำตามรัฐธรรมนูญแต่อย่าทำผิดกฎหมาย กฎหมายไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่น และไม่ได้เลือกว่าใครเป็นสีไหนอย่างไร เพราะกฎหมายเลือกปฏิบัติไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าจะช้าหรือเร็ว อยู่ที่กระบวนการสอบสวนพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งบางคดีก็ช้า บางคดีก็เร็ว ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ซึ่งเราอย่าไปวิจารณ์ศาลมากนัก
***"มาร์ค"ให้ ตร.ตัดสินใจขอคืนพื้นที่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการขอเปิดพื้นที่จราจร ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ยังไม่มีรายงานมา เพราะเป็นวันที่พันธมิตรฯ มีการเคลื่อนขบวนไปที่ลานพระบรมรูปทรงม้า แล้วก็เคลื่อนกลับมา แล้วก็มีกิจกรรมต่ออีก ซึ่งยังไม่ได้ติดตามว่าจะมีอะไรอีกหรือไม่ แต่ในภาพรวมเห็นว่า มีปัญหา การจับกุมผู้มีอาวุธ แล้วก็ไม่มีเรื่องอื่น
เมื่อถามว่า จะขีดเส้นหรือไม่ ว่าจะขอคืนพื้นที่ เมื่อไร นายกฯ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ เพราะผบ.ตร. เป็นผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย แต่ขณะนี้ยังไม่มีการรายงานมาว่า จะใช้มาตรการอะไร เบื้องต้นบอกว่า พยายามเจรจาอยู่
***ผู้อพยพปลื้ม พธม.บริจาคของ
ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงภาพรวมการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดินวานนี้ (11 ก.พ.) ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการจัดกิจกรรมในชุมนุม 2 กิจกรรม คือ การจัดคาราวานที่ขนสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นไปให้กับทหารและพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนของไทยกับกัมพูชา โดยมีมูลค่าสิ่งของมากกว่า 1 ล้านบาท ใช้รถบรรทุก 4 คัน ซึ่งได้เดินทางไปถึงพื้นที่แล้ว
ที่มีข่าวว่าพยายามห้ามพันธมิตรฯลงไปในพื้นที่ ประชาชนจะออกมาต่อต้านจะมีความวุ่นวายเกิดการปะทะ ล้วนแล้วแต่เป็นวิชามารของฝ่ายการเมืองทั้งสิ้น ที่พยายามใช้แผนสกปรกใส่ร้ายพันธมิตรฯว่าประชาชนไม่ต้อนรับ เพียงเพราะมีการไปปลุกระดมให้เกลียดชังพันธมิตรฯ ซึ่งเมื่อปรากฎว่ามีความต้องการความช่วยเหลือย่างต่อเนื่อง และได้รับความร้องขอจากฝ่ายทหาร พันธมิตรฯจึงจะจัดกิจกรรมนี้ต่อไป เพื่อให้ทหารมีขวัญกำลังใจและได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอ
***แฉเล่ห์ “สุเทพ” สั่งยึดที่ พธม.คืน
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ในส่วนกิจกรรมที่จัดไปถวายสักการะและถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ปรากฎว่ามีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากเกินคาดกว่าที่เราคิด จึงพอใจในผลที่ได้รับอย่างยิ่งที่ประชาชนให้ความสนใจและร่วมมือในการจัดกิจกรรมทั้งที่เป็นช่วงเช้าของวันทำงาน
เมื่อเสร็จกิจกรรมแล้วจะกลับมายังพื้นที่การชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อกลับมาพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีเจตนาที่จะปิดล้อมกลุ่มผู้ชุมนุม โดยให้ตำรวจปิดพื้นที่การชุมนุมทั้ง 2 ฝั่งๆละ 3 กองร้อย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นการปฏิบัติการที่สั่งการมาจากฝ่านโยบาย โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี แม้ไม่มีความคิดที่จะเข้ามาสลายตอนที่มวลชนไม่อยู่ แต่จงใจที่จะกระทำให้มีผลกระทบต่อบุคคล โดยรอให้กลับเข้าพื้นที่แล้วทำการปิดล้อมแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ทันที
“ที่ผ่านมามีความพยายามอ้างเหตุว่าพันธมิตรฯจะเข้าไปในรัฐสภาหรือทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งการใช้สิ่งเทียมอาวุธ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างเพื่อปิดล้อมหวังให้การชุมนุมยุติลง ทั้งที่การชุมนุมครั้งนี้ปราศจากอาวุธ สงบอหิงสา ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ฝ่ายการเมืองกลับมามุ่งร้ายกับประชาชน” นายปานเทพ กล่าว
***มาร์คเผด็จการ-ไล่ขอคืน ถ.สุขุมวิท
ส่วนกรณที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าต้องการขอคืนถนน 2 เลนบน ถ.ราชดำเนิน บริเวณพื้นที่การชุมนุมนั้น นายปานเทพ กล่าวว่า เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะความต้องการถนนเพียง 2 เลน เหตุใดจึงต้องประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ที่เป็นกฎหมายเผด็จการเพื่อห้ามประชาชนในการชุมนุม เป็นการประกาศกฎหมายที่ลุแก่อำนาจ ซึ่งในความเป็นจริงเราได้ชุมนุมโดยปนะกาศชัดเจนว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ เมื่อได้พิจารณาแล้วเราเห็นว่า ถนนที่รัฐบาลควรขอคืนนั้นคือ ถนนหน้าทำเนียบรัฐบาลที่มีรั้วลวดหนามกั้นอยู่ที่สำแดงถึงอำนาจความเป็นเผด็จการของรัฐบาลเอง และถนนความกว้าง 7 เมตร ความยาว 3.6 กม.จากบ้านโกมุยฝั่งกัมพูชาถึงวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ซึ่งใช้ลำเลียงยุทโธปกรณ์ขึ้นสู่เขาพระวิหารเพื่อใช้โจมตีราษฎรไทย เป็นถนน 2 เลนที่รัฐบาลต้องขอคืน ทำถนน 2 เลนนี้ให้ได้ก่อนที่จะมาขอคืนจากพันธมิตรฯ
"ส่วนการยื่นคำร้องต่อศาลปกครองของพันธมิตรฯนั้นขณะนี้ยังไม่เกิดความเสียหายขึ้น จึงยังไม่ได้ดำเนินการ อย่างการปิดล้อมในวันนี้ก็เกือบที่จะเข้าข่ายความเสียหายที่เกิดขึ้นหากมีการปิดล้อมนานกว่านี้ เพราะอาจทำให้ประชาชนไม่พอใจออกมามากขึ้นและเกิดการปิดล้อมอีกชั้นหนึ่ง"
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการกำหนดการเคลื่อนไหวต่อไปอย่างไร นายปานเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการกำหนด โดยคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดินจะได้มีการประชุมในช่วง 18.00 น. เพื่อกำหนดแนวทางต่อไป และสรุปผลการจัดกิจกรรมในวันนี้ รวมทั้งประเด็นการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลด้วย
ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกัน ไม่มีการยื่นข้อเสนอมาอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล ซึ่งหากมีจริงต้องมีการนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการฯ ซึ่งการตัดสินใจตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ 5 แกนนำพันธมิตรฯแต่อยู่ที่คณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน
นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวเสริมว่า ในส่วนของการขอคืนถนน 2 เลนของนายอภิสิทธิ์นั้น ตนขอเสนอถนนอีกเลนหนึ่งที่รัฐบาลควรขอคืนด้วย คือ ที่ซอยสุขุมวิท 31 หรือซอยสวัสดีหน้าบ้านนายกฯอภิสิทธิ์ ที่ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถทำมาหากินได้ โรงแรมที่ต้องปิดตัวไปเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของนายอภิสิทธิ์ ที่ควรนำครอบครัวไปอยู่บ้านพิษณุโลก หากเห็นแก่ความเดือดร้อนของประชาชนตามที่พูดจริง และให้คนในซอยสวัสดีทำมาหากินตามปกติได้ ไม่ใช่อยู่สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน เช่นเดียวกับประชาชนไทย 30,000 คนที่เดือดร้อนที่ต้องตั้งค่ายอพยพอยู่ที่ชายแดน ซึ่งอยากกลับบ้าน แต่ไม่สามารถไปได้ เพราะความอ่อนแอของนายอภิสิทธิ์ โดยที่ไม่กล้าไปเยี่ยมประชาชนในพื้นที่เลย
**เตรียมยกร่างฟ้องใช้พ.ร.บ.มั่นคง
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ นายทศพล แก้วทิมา แกนนำกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ นายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงาน เครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ร่วมกันแถลงท่าทีของกลุ่มในการเคลื่อนไหว เพื่อกดดันรัฐบาล
นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวของประชาชนหลายครั้ง ตามมาด้วยความสูญเสีย เพราะรัฐบาลได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตอบโต้อย่างรุนแรง ทางเครือข่ายมีความเชื่อโดยสุจริตว่า รัฐบาลมีพฤติกรรมขายชาติ มีการสร้างบรรยากาศข่มขู่ประชาชน โดยการใช้แก็สน้ำตาในการซ้อม เตรียมความพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการระดมตำรวจในการฝึกซ้อมทั้งคืน และก่อนหน้านี้ ได้มีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อควบคุมพื้นที่การชุมนุม ซึ่งตนคิดว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ เพราะตามกฎหมายผู้ที่สามารถเสนอ พ.ร.บ.ความมั่นคงได้นั้น ต้องเป็นกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน แต่ผู้ที่เสนอกลับเป็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงวาระการประชุมครม.ที่รัฐบาลได้เผยแพร่ภายหลังการประชุม ไม่มีวาระนี้
ทางเครือข่ายจึงให้คณะกฎหมายพิจารณาประเด็นนี้ เพื่อยกร่างคำฟ้องต่อศาลปกครอง และเราจะดูว่ามีกลุ่มใดยื่นฟ้องเรื่องใดไปบ้าง หากมีการตกหล่น เราจะยื่นฟ้องต่อ
***อัดมาร์คแก้ รธน.แทนจะช่วยชาวบ้าน
นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยเดย์ดอทคอม กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ว่า ปัญหาเร่งด่วนของรัฐบาลเวลานี้คือการเร่งจัดการแก้ปัญหาและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุปะทะระหว่างไทยกับเขมรให้เป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่ให้เงินแล้วก็จบกันไป ต้องมีหลักประกัน มีสวัสดิภาพ ไม่ใช่เอาเวลาตอนนี้มาประชุมสภาแก้รัฐธรรมนูญให้พรรคพวกนักการเมืองด้วยกันเอง
นายจิตตนาถกล่าวด้วยว่า ใครพรรคไหนหรือสื่อมวลชนที่กล่าวหา พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พาคนไปตาย คนนั้นเลว เช่นเดียวกับที่ใส่ร้ายนายสนธิ ลิ้มทองกุล เรื่องไปรับเงินจากทักษิณ นายจิตตนาถยังเปรียบเทียบว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์แอบไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยน่าจะเลวมากกว่า เพราะเป็นการกระทำเพื่อหวังจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีก
“ตอนนี้ซีดีเพลงไอ้หน้าหล่อเสร็จแล้ว ใครต้องการให้ไปขอรับได้ที่เจ้าหน้าที่ที่เต๊นท์รับบริจาค ผมไม่ได้ทำมาเพื่อขายแต่แจกฟรี" นายจิตตนาถกล่าว
***"สนธิ" ชี้นักการเมืองต้นตอปัญหาชาติ
เมื่อเวลา 21.45น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวบนเวทีว่า การเสียอธิปไตยให้เขมร เป็นความอ่อนแอของสถาบันทหาร เพราะว่าสถาบันทหารถูกการเมืองเข้าครอบงำ ซึ่งในอดีตสถาบันกษัตริย์ มีเสาหลักอยู่ 2-3 เสา คือ ศาสนา และ ทหาร ส่วนสถาบันการเมืองไม่เคยเป็นสถาบันหลักของสถาบันกษัตริย์ได้เลย คนในสถาบันการเมืองเป็นตัวปัญหา
นายสนธิยกตัวอย่างกรณีที่นักการเมืองที่ถูกเว้นวรรคอย่างนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ก็ยังเคลบื่อนไหวจับมือกับว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี นายพินิจ จารุสมบัติและนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ จัดตั้งพรรคโคราช แสดงให้เห็นว่าต้องการเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้องมากกว่าประเทศชาติ
"ผมอยาให้สังเกตุเรื่องของน้ำมันปาล์ม ที่ขาดแคลนและมีราคาแพงทุกวันนี้ เป็นฝีมือของคนใกล้ชิดที่นายสุวัจน์ จับมือกับ ปตท. เพื่อทำไบโอดีเซล เหมาน้ำมันปาล์มไปทำ วันนี้ไบโอดีเซลถูกกว่าน้ำมันปาล์มประมาณ 1 บาทกว่า ที่จริงแล้ว ถ้าจะทำไบโอดีเซล ต้องถูกกว่าดีเซล 4-5 บาท แต่ทำไมถูกกว่าบาทเดียว เพราะต้องการเอากำไรจากพี่น้องเข้ากระเป๋า การทำเช่นนี้ราคาน้ำมันปาล์มขึ้นตลอด ประชาชนต้องกินน้ำมันปาลืมราคาแพงเพราะพวกมันเอากำไรจากไบโอดีเซล"
ยังไม่นับสั่งการกระทรวงพลังงาน และ ปตท . ใช้งบประมาณของ ปตท. เป็นพันล้านบาท เพื่อจัดการแข่งขันกีฬาที่มีวาระแอบแฝง และนายสุวัจน์เป็นจำเลยคดีคลองด่าน ยังค้างที่ ปปช. เป็นโรงงานเดียวในโลกนี้ที่ตั้งโรงงานกำจัดน้ำเสียง ห่างจากแหล่งที่ต้งอกำจัดเป็นสิบกิโลเมตร เพราะเขาเพิ่มงบประมาณ จาก 5 พันล้านบาทเป็น 2 หมื่นล้านบาท สรุปคือ รมต.เพิ่มงบประมาณ แล้วให้ย้ายบ่อบำบัดห่างออกไปไกล เพราะเขาต้องการเงินค่าก่อสร้าง
“โพลของหอการค้ายืนยันว่า รัฐบาลชุดนี้คอรัปชั่นมากที่สุด ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะสูงสุด คดีต่างๆ ที่เกี่ยวกับรัฐวิสาหกิจที่ถูกส่งไป ป.ป.ช. ที่นักการเมืองเกี่ยวข้อง 2 ปีนีไม่มีออกมาเลยเพราะเด็กของนักการเมืองคุมอยู่ นี่เป็นหนังตัวอย่าง ว่าทำไมสถาบันการเมืองจึงไม่สามารถเป็นที่พึ่งของประชาขน และสถาบันกษัตริย์ได้เลย สภาผู้แทนราษฎรก็คือที่แลกผลประโยชน์ นายกฯ ก็คือหัวหน้า” นายสนธิกล่าว.