xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้าน2ฝั่งหนีตายนับหมื่น สั่งปิดชายแดน สว.เตรียมฟ้องฮุนเซน ข้อหาอาชญากรสงคราม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ไทยส่งกำลังทหารและอาวุธหนักเข้าตรึงพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมสั่งปิดชายแดนตลอดแนวภาคอีสานรับมือเขมรรุกรานไทย คนชายแดน 2 ฝั่งนับหมื่นชีวิตอพยพหนีตายวุ่น “ฮุนเซน” ปลุกชาวแขมร์!! ลั่นไม่ปลดธงวัดแก้วฯ บอกแค่สงครามเล็กๆ แต่จี้ยูเอ็นยุติข้อพิพาท ขณะที่สื่อกัมพูชารายงานเหตุปะทะอีกระลอก อ้างทำปีกปราสาทพระวิหารถูกทำลาย-วัดแก้วฯ พังยับ ด้านอุปทูตสหรัฐฯ รับจับตาวิกฤต บัวแก้วแฉเล่ห์"ฮุนเซน" ทำสงครามหวังฟ้องยูเอ็น ยกระดับข้อพิพาทสู่เวทีนานาชาติ "ประพันธ์" แฉ"เทือก-ประวิตร" สมคบ"ฮุนเซน" สร้างสถานการณ์ป้ายสีพันธมิตรฯ ด้าน ส.ว.เตรียมยื่นฟ้อง"ฮุนเซน" เป็นอาชญากรสงคราม

วานนี้ (7 ก.พ.) เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ ได้เผยแพร่ข่าวจากสำนักข่าวต้นมะขามของกัมพูชาถึงการปาฐกถาของสมเด็จเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระหว่างพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่นักศึกษาที่สถาบันการศึกษาหนึ่ง โดยระบุว่าเราไม่สามารถปลดธงออกจากวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระได้ ถ้าเราเองธงลงมานั่นหมายถึงเราทำดึงจิตวิญญาของเรา เราคนเขมร เราไม่สามารถเอาธงลงมาได้ ถ้าเราเอาธงลงมาเราไม่ใช่คนเขมร เราจะใช้การทูตมากกว่ากำลังทหาร

สมเด็จฯ ฮุนเซน กล่าวว่า การปะทะด้วยอาวุธเป็นเรื่องสำคัญ หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นสงครามเล็กๆ ตามแนวพรมแดน ประเทศไทยมีแผนการที่ชัดเจนที่จะต่อสู้เพื่อยึดครองพื้นที่ที่พวกเขาอ้าง 4.6 ตารางกิโลเมตร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย ยอมรับว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา แต่เพื่อนร่วมชาติของท่านตั้งกองทุนเรียกร้องจะเอาพระวิหารคืน นั่นหมายความว่ายังไง? ผมโทรศัพท์หานายกฯ อภิสิทธิ์ ถามเขาว่าเขาคิดยังไงเกี่ยวกับกองทุนทวงคืนพระวิหารที่ตั้งโดยกลุ่มเสื้อเหลือง?

สมเด็จฯ ฮุนเซน กล่าวอีกว่า กัมพูชายืนยันว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติจะต้องเข้ามาร่วมมืออย่าง เร่งด่วนเพื่อยุติการพิพาทนี้ กัมพูชาจะส่งรัฐมนตรีต่างประเทศไปที่คณะมนตรีความมั่นคง
นอกจากนี้ สมเด็จฯ ฮุนเซน ยังเรียกร้องชาวกัมพูชาให้ร่วมแรงร่วมใจสนับสนุนและให้กำลังใจกำลังทหารใน สมรภูมิ การพิพาทนี้เริ่มจากผู้นำไทยและคนไทยหัวรุนแรง และยังเพิ่มเติมอีกว่าเชลยสงครามชาวไทยที่ถูกจับตัวโดยกัมพูชาอยู่ในการคุ้มกันที่ดี และเขาได้ส่งข้อความไปถึงพ่อแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงเชลยสงครามคนนี้ อย่างไรก็ตาม การส่งคืนเชลยสงครามจะช้าหรือเร็วขึ้นกับรัฐบาลไทย

นายกรัฐมนตรีกัมพูชายังกล่าวเพิ่มเติมว่า อย่าปล่อยให้การพิพาทพรมแดน 10 กิโลเมตร ขยายเป็น 800 กิโลเมตร อย่าปล่อยให้การพิพาทพรมแดนกลายเป็นสงครามการค้าและสงครามเชิงพาณิชย์ กัมพูชาจะไม่แช่งนายอภิสิทธิ์เหมือนคนไทยหัวรุนแรงแช่งชักและต้องการตัดหัวผม

นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวว่า จะส่ง นายฮอร์ นัมฮอง รัฐมนตรีต่างประเทศ เดินทางไปอธิบายเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ชายแดนไทยต่อประธานที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nation Security Council) ในนครนิวยอร์ก

***ลือลูกฮุนเซนโดนสะเก็ดระเบิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกระข่าวถึงผลจากการเปิดฉากปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชาส่งผลกระทบให้ พล.ท.ฮุน มาเนต รอง ผบ.ทบ.กัมพูชา ซึ่งเป็นบุตรชายของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถูกสะเก็ดระบิดของทหารไทยจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้เหล่าทหารในบังคับบัญชาเกิดความเจ็บแค้น จึงหาโอกาสตอบโต้อยู่เป็นระยะๆ

จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นจากแหล่งข่าวระดับสูงภายในกองทัพภาคที่ 2 ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ และไม่ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว และเป็นข่าวออกมาจากฝ่ายกัมพูชาเอง ส่วนสถานการณ์ตามแนวชายแดนขณะนี้ยังถือว่าสามารถควบคุมได้

***ปูดข่าวปราสาทพระวิหารเสียหาย

วันเดียวกันสื่อมวลชนของกัมพูชารายงานเหตุการณ์การปะทะของทหารกัมพูชาและทหารไทยกันที่เกิดขึ้นว่า ทำให้ปีกของปราสาทเขาพระวิหารบางส่วนถูกทำลายไปแล้ว โดยผู้ดูแลวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระเปิดเผยว่าไม่สามารถเข้าด้านในวัดได้แล้วเนื่องจากตัวโครงสร้างพัง

อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนนี้ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกแถลงการณ์ว่า สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเลวร้ายมากยิ่งขึ้น แม้ทหารทั้ง 2 ฝ่ายจะเจรจากันจนได้ข้อตกลงร่วมกัน แต่ฝ่ายไทยยังคงโจมตีกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการกระทำของไทยเป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค ขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อให้ไทยยุติการโจมตี และหวังว่าจะส่งจดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายเวียนเพื่อแจ้งให้ประเทศสมาชิกได้รับทราบอย่างเป็นทางการ

***กองทัพภาค2สั่งปิดชายแดน

ขณะที่ผลกระทบหลังเกิดเหตุการณ์ของสองประเทศทางด้านจังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้แนวชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ ที่มีพื้นที่ติดกับประเทศกัมพูชาด้วยเช่นกันนั้นมีการเข้มงวดกำลังทหารมากขึ้น โดยล่าสุดกองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งปิดด่านช่องจอม และโอร์เสม็ด ไม่มีกำหนด พร้อมประสานผู้จัดการตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ประชาสัมพันธ์ให้พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาทั้งหมดเดินทางกลับประเทศ และประกาศให้ชาวไทยที่ตกค้างในกาสิโนกลับประเทศโดยเร็วเช่นกัน

ทั้งนี้ ทหารพรานกองกำลังสุรนารีได้ตรึงกำลังเข้มบริเวณชายแดนปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย พร้อมเฝ้าจับตาฝ่ายทหารกัมพูชาอย่างใกล้ชิดด้วย

***สหรัฐจับตาวิกฤตไทย-กัมพูชา ใกล้ชิด

นางจูดิธ เบธ เซฟคิน อัครราชทูตที่ปรึกษาและอุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวแสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์การปะทะกันตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา อย่างไรก็ดีคาดว่าน่าจะได้ข้อยุติได้โดยเร็ว อีกทั้งอยากขอให้ทั้งสองฝ่าย ได้ใช้เวทีของการเจรจาให้สัมฤทธิ์ผล ซึ่งทั้งสองประเทศก็กำลังดำเนินการอยู่

ทั้งนี้ นาง จูดิธ ยอมรับว่าทางสหรัฐอเมริกา กำลังจับตาดูสถานการณ์อยู่อย่างใกล้ชิดและคาดหวังว่าจะไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าว ลุกลามบานปลาย

**เผยยอดผู้อพยพยพุ่ง2.2หมื่นคน

นายโชคชัย สายแก้ว นายก อบต.เสาธงชัย กล่าวว่า จากการปะทะกันครั้งใหญ่รอบ 3 เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีบ้านเรือนของชาวบ้านและวัดได้รับความเสียหาย ดังนี้คือ 1.น.ส.อารียา สังข์สิงหา อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 12 บ้านเรือนพังครึ่งหลัง เนื่องจากลูกปืนใหญ่ตกลงข้างบ้าน 2.กุฏิสงฆ์ของวัดป่าธุดงคสถานวิหารเพชร ถูกกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชาพังเสียหาย 2 หลัง 3.ถนนลาดยางทางไปบ้านหนองหว้า เยื้องกับทางเข้าวัดป่าธุดงคสถานวิหารเพชร ถนนลาดยางได้ถูกลูกปืนใหญ่จากฝ่ายกัมพูชาเป็นหลุมลึก ประมาณ 1.50 เมตร กว้าง ประมาณ 3 เมตร ซึ่งตนจะได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้ช่วยเหลือแก้ไขปรับปรุงต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับศูนย์อพยพหนีภัยการสู้รบระหว่างทหารไทย-กัมพูชาใน เขต จ.อุบลราชธานี มีประชาชนจากหมู่บ้านชายแดนเข้ามาอยู่ศูนย์อพยพชั่วคราว ล่าสุด รวมประมาณ 7,000 คน เมื่อรวมกับจำนวนผู้อพยพของ จ.ศรีสะเกษ 21 จุด รวม 15,000 คน ทำให้มีจำนวนผู้อพยพหนีภัยสงครามครั้งนี้กว่า 22,000 คน แล้ว

**ชาว“ภูมิซรอล”เสี่ยงตายเฝ้าบ้านไม่อพยพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านซำร่อง ม.13 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีชาวบ้านที่ปักหลักไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่และบางส่วนกลับออกมาจากศูนย์อพยพเพื่อเข้าไปสำรวจดูแลทรัพย์สินภายในบ้านเรือน รวมทั้งสัตว์เลี้ยงที่ทิ้งไว้ตลอดทั้งคืน ต้องวิ่งเข้าหลุมภัยกันอย่างโกลาหลทุกครั้งที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจากบริเวณชายแดนเขาพระวิหาร และพากันออกจากหลุมหลบภัยเมื่อเสียงปืนสงบลง
นายบุญมี ปัทมะ อายุ 59 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ กล่าวขณะนั่งอยู่ในหลุมหลบภัยในหมู่บ้านว่า ตนไม่ได้กินข้าว ไม่ได้หลับได้นอนมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เนื่องจากเมื่อคืนเกิดการปะทะกันอย่างหนักมาก ตนและเพื่อนบ้านที่อยู่ในหลุมหลบภัยอยู่ท่ามกลางวิถีกระสุนทั้ง 2 ฝ่ายที่ยิงถล่มเข้าใส่กันตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา กระทั่งตี 2 เสียงปืนจึงสงบลง แต่พวกเราก็ไม่กล้าออกมาก่อไฟหุงข้าว ทำอาหารกินเพราะกลัวจะเป็นเป้าให้ทหารเขมรยิงได้ และจนขณะนี้ยังไม่กล้าข่มตาหลับเพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร

**เผยเขมรขนเครื่องยิงจรวดประชิดช่องอานม้า

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมจากแหล่งข่าวทางทหารระบุว่า สำหรับที่ตั้งของทหารกัมพูชาที่บ้านโอดาน อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร ซึ่งตั้งอยู่คนละฝั่งกับช่องอานม้า ต.โซง อ.น้ำยืน ของหน่วยทหารพรานจู่โจมที่ 926 กรมทหารพรานที่ 23 ทหารกัมพูชาจากกองพลที่ 4 ของ พล.ท.สรัย ดี๊ก ได้มีการสับเปลี่ยนกำลังเอาทหารที่เคยประจำการอยู่เดิมออกไป แล้วให้ทหารชุดใหม่เข้ามาแทน พร้อมทั้งได้นำรถยิงลูกจรวดบีเอ็ม 21 จำนวน 1 คันเข้าประจำการในจุดที่ตั้งทางทหารด้านนี้ด้วย

แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาทางชายแดน จ.อุบลราชธานี เกิดขึ้นแต่อย่างใด มีเพียงข่าวลือการเตรียมพร้อมของทหารทั้งสองฝ่ายเท่านั้น

ขณะที่กรมทหารราบที่ 23 กองพันทหารราบที่ 4 ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก จ.บุรีรัมย์ (ร.23พัน 4)ได้มีการเคลื่อนกำลังพล 1 กองร้อยเข้าเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยตามถนนสายยุทธศาสตร์ระหว่าง อ.บ้านกรวด-อ.ละหานทราย อย่างเข้มงวดเพื่อเป็นการเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้กัมพูชาเข้ามารุกล้ำอธิปไตยของไทย

**สั่งปิดโรงเรียน 48 แห่ง หนีเหตุปะทะ 3 วัน

นายวรรณะ บุญสุข ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.) ศรีสะเกษ เขต 4 เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งปิดโรงเรียนใน อ.กันทรลักษ์ และ อ. ขุนหาญ ไปแล้ว 48 แห่ง จากเดิมที่สั่งปิดไปแล้ว 20 แห่ง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณแนวชายแดนอ.กันทร โดยเบื้องต้นสั่งปิด 3 วัน ระหว่างวันที่ 7-9 ก.พ.นี้ หลังจากนั้นจะดูรออีกครั้ง

**ผู้บาดเจ็บ-จากเหตุปะทะล่าสุดรวม 34 รายเสียชีวิต 2 ราย

สถานการณ์จนกระทั่งถึงวันนี้ ผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นทหาร 1 ราย และพลเรือน 1 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 34 ราย เป็นทหาร 30 ราย และพลเรือน 4 ราย ส่วนใหญ่บาดเจ็บเล็กน้อย ต้องนอนพักในโรงพยาบาล 27 ราย เป็นทหาร 26 ราย และพลเรือน 1 ราย สำหรับที่บาดเจ็บหนักมี 1 รายเป็นทหารส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์แล้วตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เวลา 01.30 น. ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่อยู่ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ส่วนที่ยังค้างอยู่ที่โรงพยาบาลกันทรลักษณ์ ขณะนี้มี 4 รายเป็นทหาร 3 ราย พลเรือน 1 ราย และโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อีก 1 ราย

***รัฐบาลออกโรงแจงสถานการณ์

เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (7 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ร่วมกันแถลงข่าว ถึงสถานการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณ ภูมะเขือ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ

นายปณิธาน กล่าวว่า การที่ทหารไทยถูกโจมตีจากประเทศเพื่อนบ้านนั้น เราจำเป็นต้องโต้ตอบ เพื่อป้องกันตนเอง ในลักษณะที่สมเหตุสมผล และมีการโจมตีกลับไปยังจุดที่เป็นพื้นที่ที่มีการใช้อาวุธสงครามเข้ามายังประเทศไทย รวมทั้งขอบคุณประเทศเพื่อบ้าน ที่แสดงความเห็นใจเรา และรับฟังความคิดเห็น ถึงแม้ว่าจะมีการแถลงข่าวในทำนองที่ปรักปรำประเทศไทย แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของประเทศต่างๆ ที่มีความเชื่อมั่นกับเรา จากวิธีทางทางการทูตของเรา ที่เรารักสงบอย่างต่อเนื่อง

** "ฮุนเซน"ทำสงครามหวังร้องยูเอ็น

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ กล่าวชี้แจงว่า ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญเอกอัครราชทูตทั้งหมด 16 ประเทศ มาทำความเข้าใจและได้มีการชี้แจงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า ไม่ได้เป็นการรุกรานจากฝ่ายไทย ตรงกันข้าม เราถูกรุกรานอธิปไตย เราได้ใช้ความอดกลั้นอย่างถึงที่สุด

"มีการปะทะกันอีกเมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา เวลา 18.30 น. ก็ชัดเจนว่า ทางกัมพูชาได้ก่อขึ้นมาก่อน และทำให้ข้อตกลงที่มีกันระหว่าง 2 ประเทศ และทำให้ข้อตกลงที่มีกันระหว่าง 2 ประเทศไม่ถูกนำมาปฏิบัติจริง เราจึงยืนยันว่า การปะทะกันเมื่อวันที่ 6 ก.พ. อาจจะมีเจตนาแอบแฝงของทางฝั่งกัมพูชา ที่ต้องการขยายผลเรื่องนี้ไปสู่เวทีระหว่างประเทศ เนื่องจากจังหวะเวลาเดียวที่มีการปะทะกันนั้น กัมพูชาก็ได้มีหนังสือไปถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในเวลาเดียวกัน ซึ่งค่อยข้างแปลกใจที่หนังสือออกไปได้เร็ว ในขณะที่ยังไม่มีการหยุดปะทะด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นก็ตั้งข้อสังเกตไปยังคณะมนตรีความมั่นคง ว่า นี้เป็นความขยายผลของกัมพูชาในการยกระดับเรื่องนี้ไปสู่เวทีนานาชาติ" นายชวนนท์ กล่าว

** ไม่มีการยึดปราสาทโดนตวล

เมื่อถามว่า อยากให้ยันยืนข่าวที่กัมพูชา ยึดปราสาทโดนตวล พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่มีการเข้ามาบุกยึดตามข้อมูลข่าวสาร ที่เป็นข่าวกันอยู่ ยังอยู่ในความควบคุมเจ้าหน้าที่ทหารของเรา เพราะเป็นเขตพื้นที่ของเรา ยืนยันว่า ทุกพื้นที่ที่เป็นอาณาเขตของเรา ยังไม่มีกำลังของกัมพูชาเข้ามายึดพื้นที่ตามที่เป็นข่าวมาโดยตลอดทั้งคืน

เมื่อถามว่า กรณีการจับกุมตัวทหารไทย 1 คนที่ถูกกัมพูชาจับตัวไป และเผยแพร่ภาพถ่ายตอนนี้ขั้นตอนถึงไหนอย่างไร พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า หลังจากที่เปิดด่าน และมีการตรวจยอด พบว่ามีนายทหารนาย 1 พลัดหลงเข้าไป ในขั้นการคุยของ พล.อ.เตียบัน กับ รมว.กลาโหม เขายอมรับว่ารับตัวไว้จริงๆ แล้วจะส่งตัวให้โดยเร็ว แต่ตอนหลังมีข่าวว่า จะนำไปขึ้นศาล ตนไปดูข้อกฎหมาย ทราบว่ามีข้อกฎหมายที่เรียกกันว่า การขัดกันด้วยอาวุธ หรือกฎหมายที่เกี่ยวกับสงคราม ประกอบกับอนุสัญญาเจนีวา เขาบอกว่า ถ้ามีการจับตัวกันได้ในระหว่างที่มีการปะทะเขาเรียกว่าเชลยศึก สิ่งที่ทำได้คือควบคุมตัวไว้จนกระทั่งการขัดกันด้วยสงคราม จึงจะคืนตัว หรือถ้าหาก 2ประเทศสามารถตกลงกันได้ ก็สามารถคืนตัวได้ก่อนการขัดกันทางสงครามสิ้นสุดลง และไม่สามารถนำตัวไปขึ้นศาลใดๆได้ นี่คือหลักกฎหมาย ฉะนั้นเรายึดกรอบนี้ในการเจรจากับกัมพูชา เพื่อขอตัวกลับมา

** ชี้เทือก-ประวิตรสมคบ"ฮุนเซน"
สร้างสถานการณ์ป้ายสีพันธมิตรฯ

เวลา 17.00 น. วานนี้ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่า สถานการณ์การปะทะ ระหว่างไทยกับกัมพูชาในขณะนี้ มีการสมคบคิดกันระหว่างฮุนเซน กับนักการเมืองไทย ซึ่งเป็นการซ้ำประวัติศาสตร์เมื่อปี 2505 เพราะฮุนเซน กลัวว่าไทยจะยกข้อสงวนสิทธิ์ ขึ้นมาใช้ในการทวงคืนปราสาทเขาพระวิหาร และยังหวาดระแวงการชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่มีการตั้งกองทุนทวงคืนปราสาทเขาพระวิหาร จนมีการถาม และกดดันมาที่นายกฯอภิสิทธิ์ ว่าเหตุใดปล่อยให้พันธมิตรฯ ชุมนุมโดยไม่ห้ามปราม เพราะฝ่ายกัมพูชารู้เรื่องว่า ข้อเท็จจริงที่เรานำเสนอในการชุมนุม เป็นประโยชน์กับฝ่ายไทยในการทวงคืนปราสาทพระวิหารด้วย

** "จำลอง" ชี้ต้องผลักดันก่อนเจรจา

ด้านพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงการที่มีผู้ระบุว่า พันธมิตรฯเป็นต้นเหตุทำให้เกิดการปะทะบริเวณชายแดนว่า เป็นการกล่าวหาพันธมิตรฯ เพราะสิ่งที่พันธมิตรฯเรียกร้อง ไม่ได้ทำให้เกิดสงคราม ไม่ว่าจะเป็นการถอนตัวจากภาคีมรดกโลก และยกเลิก MOU 2543 ไม่มีเหตุให้เกิดการปะทะ แต่เมื่อทำไปแล้ว จะไม่เกิดการปะทะแน่นอน ซึ่งหากรัฐบาลไม่ทำในวันนี้ ก็จะเกิดเหตุใหญ่กว่านี้อีก เพราะปัญหาพอกไปเรื่อยๆ โดยการปะทะที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นความผิดพลาดของผู้บังคับบัญชา ที่เมื่อทหารกัมพูชายิงมาก่อน แถมอยู่ในดินแดนไทย เหตุใดจึงไม่ใช้เป็นเหตุในการผลักดันออกไปจากพื้นที่ให้หมดก่อน ถึงค่อยเจรจา

** ยื่นฟ้อง"ฮุนเซน"อาชญากรสงคราม

ในการประชุมวุฒิสภา เมื่อวานนี้ ( 7 ก.พ.) ช่วง ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ได้หารือถึงเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา การที่นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งการให้ทหารจงใจยิงจรวดถล่มบ้านภูมิสรอล ทำให้ชาวบ้านต้องเสียชีวิต และบาดเจ็บ เพื่อต้องการให้คนไทยอมศิโรราบ เพื่อให้รัฐบาลขอเจรจา ยอมเสียดินแดน 4.6 ตาราง กม. การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ตน และคนไทยคนอื่นจะร่วมกันยื่นฟ้องนายฮุนเซน ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ ในฐานะอาชญากรรมสงคราม เพราะมีความจงใจ ยิงอาวุธสงครามเข้าใส่เพื่อทำร้ายประชาชนโดยตรง

**นานาชาติร้องกัมพูชา-ไทย“อดกลั้น”

สำนักงานของ บันคีมุน เลขาธิการยูเอ็น ออกคำแถลงลงวันที่วันอาทิตย์(6) บอกว่า บัน “มีความกังวลห่วงใยอย่างลึกซึ้ง” เกี่ยวกับการสู้รบข้ามชายแดนระหว่างกัมพูชากับไทย พร้อมกับขอร้องให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินการให้ได้ผลในการระงับความเป็นศัตรูกันและในการใช้ความอดกลั้นอย่างถึงที่สุด คำแถลงของบันยังเรียกร้องให้ ประเทศทั้งสองเสาะแสวงหาหนทางแก้ไข “โดยผ่านกลไกและข้อตกลงต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว ตลอดจนจิตวิญญาณแห่งการพูดจาสนทนากัน และความสัมพันธ์ฉันเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน”
ทางด้าน หง เล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศผู้หนึ่งของสิงคโปร์ ก็ออกคำแถลงเมื่อวานนี้(7) โดยมีเนื้อหามุ่งแสดงความวิตกกังวล ตลอดจนเรียกร้องให้กัมพูชาและไทยใช้ความอดกลั้น และแก้ปัญหาโดยผ่านการเจรจาหารือกัน

ส่วนทางด้าน มาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศประธานของสมาคมอาเซียนวาระปัจจุบัน ได้เข้าเจรจาหารือกับ ฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ที่กรุงพนมเปญวานนี้ จากนั้นก็แถลงว่า เขาหวังว่าสถานการณ์คราวนี้จะสามารถ “คลี่คลายไปได้อย่างสันติโดยผ่านการสนทนาและการเจรจากัน”

เขาบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “ผมไม่เห็นว่าจะต้องมองโลกในแง่ร้าย” และกล่าวด้วยว่าเขายังจะเดินทางมาที่กรุงเทพฯเพื่อเจรจากับฝ่ายไทยด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น