วานนี้(7 ก.พ.)น.ส.ปรีชญา ขำเจริญ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เป็น 1 ในส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ที่โหวตสวนมติของพรรคไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ยืนยันคงจุดยืนเดิมไม่สนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระ 3 ที่จะมีการลงมติในวันที่ 11 ก.พ.นี้ พร้อมระบุว่าเรื่องภายในรัฐสภา เป็นเรื่องของประชาชน และการที่ตนมาเป็นส.ส.ได้เพราะประชาชนเลือก ดังนั้นต้องยืนยันในสิ่งที่เคยพูดกับประชาชนไว้
เมื่อถามว่ายืนยันจะไม่ลงมติสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 แม้ว่าผู้ใหญ่ในพรรรคประชาธิปัตย์ ร้องขอใช่หรือไม่ น.ส.ปรีชญา กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ต้องชัดเจนในจุดยืน ทั้งนี้ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ผู้ใหญ่ในพรรค อาทิ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค เคยขอร้อง แต่ตน ได้อธิบายในเหตุผลไปแล้ว เบื้องต้นผู้ใหญ่ในพรรคก็ยอมรับ
รายงานแจ้งว่า ก่อนหน้านั้น น.ส.ปรีชญา ขำเจริญ หรือ องุ่น ส.ส.ราชบุรี พรรค ปชป. เคยประกาศในพรรคว่า “นายกแก้ผ้าเอาหน้ารอด” และจะยกมือสวนมติพรรคฯ เพราะเห็นว่ามติ ครม.ไม่เกี่ยวกับมติพรรคที่ได้ลงไปแล้ว และยังพูดว่า ปชป.เป็นฝ่ายค้านยังจะดีเสียกว่า
**ปธ.วิปรัฐ มั่นใจ 11 ก.พ.แก้รธน.ได้
นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) แถลงผลการประชุมวิปรัฐบาล ว่า ที่ประชุมมีมติให้ลงมติเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ประเด็น ที่จะมีการประชุมพิจารณาวาระสาม ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ ทั้งมาตรา 190 ว่าด้วยหนังสือสัญญา และมาตรา 93-98 เรื่องที่มาส.ส.ตามที่ที่ประชุมรัฐสภา ลงมติรับรองวาระสอง ทั้งนี้ การลงมติจะมีเพียงรับหรือไม่รับเท่านั้น หากที่ประชุมรัฐสภาไม่เห็นชอบ ก็จะกลับไปใช้มาตรา 190 แบบเดิม เช่นเดียวกับที่มา ส.ส.ที่จะกลับไปใช้สูตร ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.สัดส่วน 80 คน ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550
เมื่อถามว่า ได้ประเมินท่าที่ของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) หรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า พล.ต.สนั่นคงทำตามที่ให้สัมภาษณ์ไว้ เพราะท่านได้เดินแนวทางนี้มาตั้งแต่วาระหนึ่ง ท่านเป็นผู้ใหญ่มีหลักการ ต้องให้เกียรติ และการลงมติเป็นเอกสารของ ส.ส.
**ปูดสว.“อัพราคา”แลกโหวต 1 ล้าน
วันเดียวกัน ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมประธานได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กรณีที่จะมีการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ในวันที่ 11 ก.พ. ตนได้รับแจ้งจากส.ส.คนหนึ่งและได้เช็คข่าวแล้วว่า สมาชิกสภาสูงจำนวน 40 คนจะลงมติรับร่างร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ไม่ทราบว่าข่าวดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ รวมถึงมีข่าวเรื่องผลประโยชน์แลกเปลี่ยนการลงมติที่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากราย 5 แสนบาท เป็นรายละ 1 ล้านบาท เรื่องนี้ไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือไม่อย่างไรอยากให้มีการตรวจสอบ
**“ประสพสุข” ปัดข่าวซื้อเสียงส.ว.
ที่รัฐสภา นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ออกมาระบุถึงกระแสข่าวเรื่องการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระ 3 วันที่ 11 ก.พ.ซึ่งได้รับแจ้งว่ามีส.ว.จำนวน 40 คนจะลงมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระ 3 รวมถึงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับการโหวตลงมติ ที่จากเดิมให้ค่าตอบแทนจากราย 5 แสนบาท เป็นรายละ 1 ล้านบาท ว่า ตนไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เป็นไปไม่ได้ ไม่มีมูล เรื่องนี้ต้องถามนายเรืองไกรดูว่าได้รับข้อมูลมาจากไหน
นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ที่ผ่านมาตนเคยบอกว่ามีการให้ผลประโยชน์ตอบแทนส.ว.เป็นเงิน 6 หลัก ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ยินมาอีกต่อหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยตนเองว่ามีการแลกผลประโยชน์กันจริง ซึ่งหากจะให้ตนวิเคราะห์ว่ามีการแลกผลประโยชน์กันจริงหรือไม่ ตนคิดว่าเป็นไปได้ เนื่องจากการโหวตให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านในวาระ 3 นั้นประชาชนไม่ได้ให้ความสนใจมากนั้น อีกทั้งไม่ได้มีผลกระทบกับประชาชน รวมถึงทำให้ส.ว.มีบุญคุณกับรัฐบาลอีกด้วย ตนเชื่อว่า ส.ว.สรรหา ส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาล และเป็นองคาพยพของการปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549 .
เมื่อถามว่ายืนยันจะไม่ลงมติสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 แม้ว่าผู้ใหญ่ในพรรรคประชาธิปัตย์ ร้องขอใช่หรือไม่ น.ส.ปรีชญา กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ต้องชัดเจนในจุดยืน ทั้งนี้ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ผู้ใหญ่ในพรรค อาทิ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค เคยขอร้อง แต่ตน ได้อธิบายในเหตุผลไปแล้ว เบื้องต้นผู้ใหญ่ในพรรคก็ยอมรับ
รายงานแจ้งว่า ก่อนหน้านั้น น.ส.ปรีชญา ขำเจริญ หรือ องุ่น ส.ส.ราชบุรี พรรค ปชป. เคยประกาศในพรรคว่า “นายกแก้ผ้าเอาหน้ารอด” และจะยกมือสวนมติพรรคฯ เพราะเห็นว่ามติ ครม.ไม่เกี่ยวกับมติพรรคที่ได้ลงไปแล้ว และยังพูดว่า ปชป.เป็นฝ่ายค้านยังจะดีเสียกว่า
**ปธ.วิปรัฐ มั่นใจ 11 ก.พ.แก้รธน.ได้
นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) แถลงผลการประชุมวิปรัฐบาล ว่า ที่ประชุมมีมติให้ลงมติเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ประเด็น ที่จะมีการประชุมพิจารณาวาระสาม ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ ทั้งมาตรา 190 ว่าด้วยหนังสือสัญญา และมาตรา 93-98 เรื่องที่มาส.ส.ตามที่ที่ประชุมรัฐสภา ลงมติรับรองวาระสอง ทั้งนี้ การลงมติจะมีเพียงรับหรือไม่รับเท่านั้น หากที่ประชุมรัฐสภาไม่เห็นชอบ ก็จะกลับไปใช้มาตรา 190 แบบเดิม เช่นเดียวกับที่มา ส.ส.ที่จะกลับไปใช้สูตร ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.สัดส่วน 80 คน ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550
เมื่อถามว่า ได้ประเมินท่าที่ของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) หรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า พล.ต.สนั่นคงทำตามที่ให้สัมภาษณ์ไว้ เพราะท่านได้เดินแนวทางนี้มาตั้งแต่วาระหนึ่ง ท่านเป็นผู้ใหญ่มีหลักการ ต้องให้เกียรติ และการลงมติเป็นเอกสารของ ส.ส.
**ปูดสว.“อัพราคา”แลกโหวต 1 ล้าน
วันเดียวกัน ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมประธานได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กรณีที่จะมีการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ในวันที่ 11 ก.พ. ตนได้รับแจ้งจากส.ส.คนหนึ่งและได้เช็คข่าวแล้วว่า สมาชิกสภาสูงจำนวน 40 คนจะลงมติรับร่างร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ไม่ทราบว่าข่าวดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ รวมถึงมีข่าวเรื่องผลประโยชน์แลกเปลี่ยนการลงมติที่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากราย 5 แสนบาท เป็นรายละ 1 ล้านบาท เรื่องนี้ไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือไม่อย่างไรอยากให้มีการตรวจสอบ
**“ประสพสุข” ปัดข่าวซื้อเสียงส.ว.
ที่รัฐสภา นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ออกมาระบุถึงกระแสข่าวเรื่องการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระ 3 วันที่ 11 ก.พ.ซึ่งได้รับแจ้งว่ามีส.ว.จำนวน 40 คนจะลงมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระ 3 รวมถึงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับการโหวตลงมติ ที่จากเดิมให้ค่าตอบแทนจากราย 5 แสนบาท เป็นรายละ 1 ล้านบาท ว่า ตนไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เป็นไปไม่ได้ ไม่มีมูล เรื่องนี้ต้องถามนายเรืองไกรดูว่าได้รับข้อมูลมาจากไหน
นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ที่ผ่านมาตนเคยบอกว่ามีการให้ผลประโยชน์ตอบแทนส.ว.เป็นเงิน 6 หลัก ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ยินมาอีกต่อหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยตนเองว่ามีการแลกผลประโยชน์กันจริง ซึ่งหากจะให้ตนวิเคราะห์ว่ามีการแลกผลประโยชน์กันจริงหรือไม่ ตนคิดว่าเป็นไปได้ เนื่องจากการโหวตให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านในวาระ 3 นั้นประชาชนไม่ได้ให้ความสนใจมากนั้น อีกทั้งไม่ได้มีผลกระทบกับประชาชน รวมถึงทำให้ส.ว.มีบุญคุณกับรัฐบาลอีกด้วย ตนเชื่อว่า ส.ว.สรรหา ส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาล และเป็นองคาพยพของการปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549 .
