ASTVผู้จัดการรายวัน – โซเชียลเน็ตเวิร์คบูม “โซเชียล ลีฟวิ่ง” สบช่อง ทุ่ม 10 ล้านบาท พัฒนาเว็บไซต์ “ดีลไทยแลนด์” ทำตลาดมอบส่วนลดสินค้า ส่งตรงถึงผู้บริโภค พร้อมต่อยอดธุรกิจ ปลายปีนี้ลุยขายโนวฮาวสู่ต่างประเทศ
นายอธิเบศร์ ตรีสุขี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซเชียล ลีฟวิ่ง จำกัด ผู้บริหารเว็บไซต์ www.dealthailand.com หรือ ดีล ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า จากกระแสโซเชียลเน็ตเวิร์คที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ทางบริษัทได้เล็งเห็นโอกาสในการทำตลาดรูปแบบโซเชียล คอมเมิร์ช หรือ การส่งเสริมการทำตลาดผ่านเว็บไซต์เกี่ยวกับโซเชียลเน็ตเวิร์ค เชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกับต่างประเทศ อย่างในสหรัฐอเมริกา และยุโรป ที่กำลังได้รับการตอบรับสูงขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นทางบริษัทจึงได้ทุ่มงบประมาณกว่า 10 ล้านบาท ในการพัฒนาเว็บไซต์ที่ชื่อ www.dealthailand.com หรือ ดีล ไทยแลนด์ ในการทำหน้าที่เป็นเว็บไซต์ประเภท โซเชียล คอมเมิร์ช รวบรวมส่วนลดเพื่อการซื้อสินค้าและบริการต่างๆ มานำเสนอลูกค้าผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค คาดว่าจะมีส่วนแบ่งรายได้จากการขายส่วนลดกับลูกค้าได้เดือนละประมาณ 1 ล้านบาท หรือภายในปีแรก
บริษัทจะมีรายได้ราว 12 ล้านบาท
ในแต่ละวันนั้น บริษัทจะต้องนำเสนอโปรโมชั่นส่วนลดไม่ต่ำกว่า 30 รายการ เพื่อจะทำให้ต่อเดือนมีส่วนแบ่งรายได้เป็นไปตามที่วางแผนไว้ และนอกจากเว็บไซต์ดังกล่าวแล้ว ทางบริษัทยังได้เสริม เฟซบุ๊กแฟนเพจในชื่อ ดีลไทยแลนด์ และแอคเคาท์ในทวิตเตอร์ เพื่อทำการตลาดเสริมอีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามในประเทศไทย พบว่า เว็บไซต์ในลักษณะโซเชียล คอมเมิร์ช มีอยู่ประมาณ 10 เว็บไซต์ เช่น เอ็นคูปอง ของเครือเนชั่น แน่นอนว่าเมื่อมีผู้เล่นเข้ามามากขึ้น การแข่งขันก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นจุดแข็งของบริษัทที่จะนำเสนอต่อลูกค้า คือ ความหลากหลายในการนำเสนอส่วนลดสินค้าและบริการตั้งแต่ระดับเอสเอ็มอี ไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ โดยมุ่งให้ความสำคัญกับระบบความปลอดภัยในการจ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์ และเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มและตรงจุด ขณะเดียวกันคู่ค้าที่มาทำการตลาดกับบริษัทจะได้รับการแนะนำสินค้าและบริการ การขยายฐานลูกค้าใหม่ และการระบายสินค้าที่เหลือในสต็อก อีกด้วย
นายอธิเบศร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังมีแผนพัฒนารูปแบบเว็บไซต์ขึ้นมาอีกอย่างน้อย 1 เว็บไซต์ โดยจะเป็นเว็บไซต์ในการแนะนำสินค้าและบริการแบบเจาะกลุ่มพื้นที่ที่อยู่อาศัย เช่น แบ่งตลาดเขตทั้ง 50 เขตในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ในประเทศไทย อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ เป็นต้น
ทั้งนี้หากได้รับการตอบรับที่ดี ในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทพร้อมต่อยอดธุรกิจ ด้วยการขายโนวฮาว หรือ ความรู้ ในการทำ เว็บไซต์ด้านโซเชียล คอมเมิร์ช ไปยังต่างประเทศต่อไป ซึ่งขณะนี้ได้มีการเจรจากับผู้ที่สนใจกันไว้บ้างแล้ว เช่น ประเทศไต้หวัน อินโดนีเซีย จีน เป็นต้น คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
นายอธิเบศร์ ตรีสุขี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซเชียล ลีฟวิ่ง จำกัด ผู้บริหารเว็บไซต์ www.dealthailand.com หรือ ดีล ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า จากกระแสโซเชียลเน็ตเวิร์คที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ทางบริษัทได้เล็งเห็นโอกาสในการทำตลาดรูปแบบโซเชียล คอมเมิร์ช หรือ การส่งเสริมการทำตลาดผ่านเว็บไซต์เกี่ยวกับโซเชียลเน็ตเวิร์ค เชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกับต่างประเทศ อย่างในสหรัฐอเมริกา และยุโรป ที่กำลังได้รับการตอบรับสูงขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นทางบริษัทจึงได้ทุ่มงบประมาณกว่า 10 ล้านบาท ในการพัฒนาเว็บไซต์ที่ชื่อ www.dealthailand.com หรือ ดีล ไทยแลนด์ ในการทำหน้าที่เป็นเว็บไซต์ประเภท โซเชียล คอมเมิร์ช รวบรวมส่วนลดเพื่อการซื้อสินค้าและบริการต่างๆ มานำเสนอลูกค้าผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค คาดว่าจะมีส่วนแบ่งรายได้จากการขายส่วนลดกับลูกค้าได้เดือนละประมาณ 1 ล้านบาท หรือภายในปีแรก
บริษัทจะมีรายได้ราว 12 ล้านบาท
ในแต่ละวันนั้น บริษัทจะต้องนำเสนอโปรโมชั่นส่วนลดไม่ต่ำกว่า 30 รายการ เพื่อจะทำให้ต่อเดือนมีส่วนแบ่งรายได้เป็นไปตามที่วางแผนไว้ และนอกจากเว็บไซต์ดังกล่าวแล้ว ทางบริษัทยังได้เสริม เฟซบุ๊กแฟนเพจในชื่อ ดีลไทยแลนด์ และแอคเคาท์ในทวิตเตอร์ เพื่อทำการตลาดเสริมอีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามในประเทศไทย พบว่า เว็บไซต์ในลักษณะโซเชียล คอมเมิร์ช มีอยู่ประมาณ 10 เว็บไซต์ เช่น เอ็นคูปอง ของเครือเนชั่น แน่นอนว่าเมื่อมีผู้เล่นเข้ามามากขึ้น การแข่งขันก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นจุดแข็งของบริษัทที่จะนำเสนอต่อลูกค้า คือ ความหลากหลายในการนำเสนอส่วนลดสินค้าและบริการตั้งแต่ระดับเอสเอ็มอี ไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ โดยมุ่งให้ความสำคัญกับระบบความปลอดภัยในการจ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์ และเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มและตรงจุด ขณะเดียวกันคู่ค้าที่มาทำการตลาดกับบริษัทจะได้รับการแนะนำสินค้าและบริการ การขยายฐานลูกค้าใหม่ และการระบายสินค้าที่เหลือในสต็อก อีกด้วย
นายอธิเบศร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังมีแผนพัฒนารูปแบบเว็บไซต์ขึ้นมาอีกอย่างน้อย 1 เว็บไซต์ โดยจะเป็นเว็บไซต์ในการแนะนำสินค้าและบริการแบบเจาะกลุ่มพื้นที่ที่อยู่อาศัย เช่น แบ่งตลาดเขตทั้ง 50 เขตในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ในประเทศไทย อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ เป็นต้น
ทั้งนี้หากได้รับการตอบรับที่ดี ในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทพร้อมต่อยอดธุรกิจ ด้วยการขายโนวฮาว หรือ ความรู้ ในการทำ เว็บไซต์ด้านโซเชียล คอมเมิร์ช ไปยังต่างประเทศต่อไป ซึ่งขณะนี้ได้มีการเจรจากับผู้ที่สนใจกันไว้บ้างแล้ว เช่น ประเทศไต้หวัน อินโดนีเซีย จีน เป็นต้น คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า