สถานการณ์ไทยกับเขมรนั้นก่อให้เกิดคำถามถึงสังคมไทยมากมาย ถ้าเราจะลำดับเหตุความกันแล้วจะเห็นว่ากลุ่มคนไทยทั้งในนามของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ เริ่มด้วยการออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลปกป้องแผ่นดิน 4.6 ตารางกิโลเมตรที่เขมรเข้ามารุกราน และชี้ให้เห็นว่า ข้อตกลงตามเอ็มโอยู 2543 นั้น ทำให้ไทยเสียเปรียบเขมรเพราะไปยึดโยงอยู่กับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน
และวันนี้ก็พิสูจน์กันแล้วว่า สิ่งที่พันธมิตรฯออกมาพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด กระทรวงการต่างประเทศเองก็เพิ่งออกแถลงการณ์ให้เขมรถอนวัดออกจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรที่เป็นแผ่นดินไทย และเขมรก็ยืนยันหนักแน่นว่าข้อตกลงตามเอ็มโอยู 2543นั้นยึดตามแผนที่ 1ต่อ2แสน
แต่รัฐบาลก็ไม่มีมาตรการอะไรออกไปมากกว่านั้นว่า ถ้าหากยืนยันว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของไทยแล้วเขมรไม่ปฏิบัติการจะดำเนินการอย่างไร และเอ็มโอยู 2543 จะมีประโยชน์อะไรบ้างในการรักษาแผ่นดิน 4.6 ตารางกิโลเมตรและพื้นที่อื่นตามแนวชายแดนที่รัฐบาลเชื่อว่าเป็นแผ่นดินของไทย
และที่ตลกก็คือหลังจากกระทรวงการต่างประเทศออกมาแถลงการณ์ตอบโต้กัมพูชา กระทรวงกลาโหมของไทยกลับออกมาท้วงติงแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานที่ไร้เอกภาพของรัฐบาลอภิสิทธิ์
ทั้งที่อภิสิทธิ์เองก็ออกมายอมรับสอดคล้องกับความเห็นของพันธมิตรฯหลายครั้งว่า พื้นที่รอบปราสาทพระวิหารนั้นเป็นของไทยยกเว้นพื้นที่ที่ตั้งตัวปราสาท แต่คำพูดของอภิสิทธิ์ก็สร้างความสับสนเพราะในแนวทางการปฏิบัติกลับปล่อยให้เขมรเข้ามายึดครองพื้นที่ ไม่มีมาตรการในเชิงนโยบายที่แจ่มชัดในการรักษาอธิปไตยต่างกับท่าทีอันแข็งกร้าวของฮุนเซนที่ต้องการรักษาอธิปไตยของเขมร
การออกมาเคลื่อนไหวของภาคประชาชนนั้นควรเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้การสนับสนุนเพราะเป็นการแสดงจุดยืนของคนไทยในการหวงแหนแผ่นดินและปกป้องอธิปไตยของชาติอันเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน แต่รัฐบาลและคนของรัฐบาลกลับใช้มาตรการตอบโต้กับผู้ชุมนุมที่ออกมาแสดงพลังเพื่อพิทักษ์และหวงแหนดินแดนราวกับเป็นศัตรูของชาติบ้านเมือง
ซ้ำร้ายยังวาดภาพทำให้คนไทยที่ออกมาแสดงพลังนั้นเป็นคนชั่วร้าย เป็นคนที่สร้างความวุ่นวายให้กับแผ่นดิน และเป็นพวกคลั่งชาติกระหายสงคราม ทั้งที่สิ่งที่พันธมิตรฯเรียกร้องนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องทำและเป็นหลักปฏิบัติของรัฐบาลทุกชาติในโลกนี้
คนในรัฐบาลและหน่วยงานรัฐเองกลับเรียกพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้นว่า พื้นที่ทับซ้อนและพื้นที่อ้างสิทธิ์ร่วมกันบ้าง และนายกรัฐมนตรีก็ปล่อยให้หน่วยงานใต้อาณัติดำเนินการเรื่องนี้ไปอย่างขาดเอกภาพ ในขณะทีฝ่ายกัมพูชาพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า พื้นที่ตรงนั้นเป็นของเขาไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนหรือพื้นที่อ้างสิทธิ์
สื่อมวลชนกัมพูชาทั้งหมดก็พูดเหมือนกับรัฐบาล มีเพียงสื่อมวลชนไทยเท่านั้นที่พูดแบบยกผลประโยชน์ให้เขมรครึ่งหนึ่งว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งหมายความว่ายังไม่ชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ของใคร บางคนพยายามเอาเรื่องโลกไร้พรมแดนมาอธิบายเพื่อชี้ให้เห็นว่า โลกยุคใหม่ไม่ควรมีข้อพิพาทกันในเรื่องชายแดน บางคนบอกว่าควรปล่อยให้รัฐบาลทำงานไป
ในทางกลับกันถ้าพฤติกรรมของรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่กำลังดำเนินการอยู่นี้เกิดขึ้นในรัฐบาลทักษิณ ผมเชื่อว่าสื่อมวลชนเหล่านั้นก็จะออกมาประณามอย่างรุนแรง เช่นเดียวกับแม่ยกอภิสิทธิ์ และจะไม่พูดเหมือนตอนนี้ว่า พันธมิตรฯออกมาทำไม ทำไมไม่ปล่อยให้รัฐบาลทำงาน โดยแกล้งมองไม่เห็นความเสียหายที่อภิสิทธิ์ทำและมีรูปธรรมที่แจ่มชัด
กระทรวงการต่างประเทศเอาเงิน 7.1 ล้านบาทซึ่งเป็นภาษีของประชาชนไปจ้างนักวิชาการโดยไม่สืบภูมิหลังว่านักวิชาการเหล่านั้นมีใจฝักใฝ่ไปทางเขมร และมีแนวคิดที่สอดคล้องกับรัฐบาลฮุนเซน
พอคนไทยถูกเขมรจับกุมในพื้นที่ที่ชาวบ้านยืนยันว่ามีเอกสารสิทธิ์ที่รัฐบาลไทยออกให้ รัฐบาลกลับปล่อยปละละเลยให้เขมรนำตัวไปขึ้นศาลถึงกรุงพนมเปญ ทำให้เขมรใช้อธิปไตยทางศาลบนแผ่นดินตรงนั้น แล้วอภิสิทธิ์ออกมาแถลงแบบถูไถไปว่า การพิพากษา7คนไทยของศาลเขมรนั้นผูกพันเฉพาะตัวบุคคลแต่ไม่ผูกพันกับประเทศ อำนาจศาลเขมรไม่ครอบคลุมถึงประเทศไทย
อภิสิทธิ์คุณพูดไม่ผิดหรอกครับ แต่คำพูดของคุณมันเป็นการยืนยันไงครับว่า ถ้าศาลเขมรตัดสินพิพากษาคนไทยบนแผนดินตรงนั้นได้ และถ้าคุณยอมรับให้เขาพิพากษาโดยไม่เรียกร้องปกป้องสิทธิของคนไทยก็แสดงว่าแผ่นดินตรงนั้นมันเป็นแผ่นดินเขมร
มิหนำซ้ำในขณะที่พันธมิตรฯพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า พื้นที่ที่คนไทยถูกจับนั้นเป็นแผ่นดินของไทย คนในรัฐบาลและคนใกล้ตัวอภิสิทธิ์ทุกคนกลับทำทุกวิถีทางเพื่อพิสูจน์ว่าแผ่นดินตรงนั้นเป็นของเขมร
กระทรวงการต่างประเทศถึงกับออกแถลงการณ์ในเว็บไซต์ของกระทรวงว่า คนไทยถูกจับเพราะล้ำเข้าไปในแผ่นดินเขมร
ศิริโชค โสภา คนที่มีสัมพันธ์แนบชิดอภิสิทธิ์พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อยืนยันว่า แผ่นดินที่คนไทยถูกจับนั้นเป็นแผ่นดินของเขมร และปล่อยให้คนของพรรคและคนในรัฐบาลออกมาพูดจายกแผ่นดินตรงนั้นให้เป็นแผ่นดินของเขมรเกือบทุกคน
ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเพราะถูกเขมรยึดที่ทำกินนำเอกสารสิทธิ์มาพูดคุยกับรัฐบาล อภิสิทธิ์กลับบอกให้ชาวบ้านกลุ่มนั้นเงียบๆเอาไว้ แต่พอชาวบ้านอีกกลุ่มซึ่งไม่ได้รับความเดือดร้อนมาพบและยืนยันว่า แผ่นดินตรงนั้นเป็นของเขมรไม่ใช่ของชาวบ้านที่อ้างสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยกลับให้ชาวบ้านกลุ่มนั้นมาแถลงข่าวและนำไปออกทีวีของรัฐบาลก่อนที่ศาลเขมรจะตัดสินคดีคุณวีระ สมความคิด และคุณราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ เพียงวันเดียว
คุณอภิสิทธิ์ วันนี้คุณก็ยังปล่อยให้ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์เดินสายออกทีวีเพื่อยืนยันว่าคนไทยถูกจับในแผ่นดินเขมร ผมดูส.ส.ผู้หญิงชื่อรัชดา ธนาดิเรกอะไรนั่นแล้วเศร้าใจ เธอบอกด้วยความภูมิใจด้วยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ฝ่ายนิติบัญญัติมีความเป็นเอกภาพ คือเธอระบุว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็เห็นด้วยกับรัฐบาล
เธอพูดเหมือนไม่รู้เลยว่า ทักษิณซึ่งเป็นพ่อของส.ส.พรรคเพื่อไทยนั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกับฮุนเซน และเหมือนไม่รู้ข่าวเลยว่าตอนนี้มีแกนนำเสื้อแดงที่เผาบ้านเผาเมืองได้รับการอุ้มชูจากฮุนเซนอย่างไร
วันนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความง่อนแง่นของคุณออกมาพูดว่า การเดินทางไปเขมรของนายกษิตจะมีการสื่อสารถึงนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ให้มีความเข้าใจว่าประเทศไทยต้องการอยู่อย่างสันติ ไม่ต้องการให้มีการรบกัน ส่วนเรื่องคนไทยที่ถูกศาลกัมพูชาตัดนั้นก็เป็นคนละส่วนกัน
รัฐบาลของคุณทำทุกอย่างเพื่อรักษาไมตรีกับฮุนเซน ในขณะที่ปล่อยให้เขาทำทุกอย่างเพื่อย่ำยีศักดิ์ศรีของประเทศชาติ
อภิสิทธิ์ครับตอนนี้เหลืออยู่อย่างเดียวครับ ผมอยากรู้ว่าเมื่อไหร่คุณจะส่งเครื่องบรรณาการไปถวายสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน
และวันนี้ก็พิสูจน์กันแล้วว่า สิ่งที่พันธมิตรฯออกมาพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด กระทรวงการต่างประเทศเองก็เพิ่งออกแถลงการณ์ให้เขมรถอนวัดออกจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรที่เป็นแผ่นดินไทย และเขมรก็ยืนยันหนักแน่นว่าข้อตกลงตามเอ็มโอยู 2543นั้นยึดตามแผนที่ 1ต่อ2แสน
แต่รัฐบาลก็ไม่มีมาตรการอะไรออกไปมากกว่านั้นว่า ถ้าหากยืนยันว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของไทยแล้วเขมรไม่ปฏิบัติการจะดำเนินการอย่างไร และเอ็มโอยู 2543 จะมีประโยชน์อะไรบ้างในการรักษาแผ่นดิน 4.6 ตารางกิโลเมตรและพื้นที่อื่นตามแนวชายแดนที่รัฐบาลเชื่อว่าเป็นแผ่นดินของไทย
และที่ตลกก็คือหลังจากกระทรวงการต่างประเทศออกมาแถลงการณ์ตอบโต้กัมพูชา กระทรวงกลาโหมของไทยกลับออกมาท้วงติงแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานที่ไร้เอกภาพของรัฐบาลอภิสิทธิ์
ทั้งที่อภิสิทธิ์เองก็ออกมายอมรับสอดคล้องกับความเห็นของพันธมิตรฯหลายครั้งว่า พื้นที่รอบปราสาทพระวิหารนั้นเป็นของไทยยกเว้นพื้นที่ที่ตั้งตัวปราสาท แต่คำพูดของอภิสิทธิ์ก็สร้างความสับสนเพราะในแนวทางการปฏิบัติกลับปล่อยให้เขมรเข้ามายึดครองพื้นที่ ไม่มีมาตรการในเชิงนโยบายที่แจ่มชัดในการรักษาอธิปไตยต่างกับท่าทีอันแข็งกร้าวของฮุนเซนที่ต้องการรักษาอธิปไตยของเขมร
การออกมาเคลื่อนไหวของภาคประชาชนนั้นควรเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้การสนับสนุนเพราะเป็นการแสดงจุดยืนของคนไทยในการหวงแหนแผ่นดินและปกป้องอธิปไตยของชาติอันเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน แต่รัฐบาลและคนของรัฐบาลกลับใช้มาตรการตอบโต้กับผู้ชุมนุมที่ออกมาแสดงพลังเพื่อพิทักษ์และหวงแหนดินแดนราวกับเป็นศัตรูของชาติบ้านเมือง
ซ้ำร้ายยังวาดภาพทำให้คนไทยที่ออกมาแสดงพลังนั้นเป็นคนชั่วร้าย เป็นคนที่สร้างความวุ่นวายให้กับแผ่นดิน และเป็นพวกคลั่งชาติกระหายสงคราม ทั้งที่สิ่งที่พันธมิตรฯเรียกร้องนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องทำและเป็นหลักปฏิบัติของรัฐบาลทุกชาติในโลกนี้
คนในรัฐบาลและหน่วยงานรัฐเองกลับเรียกพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้นว่า พื้นที่ทับซ้อนและพื้นที่อ้างสิทธิ์ร่วมกันบ้าง และนายกรัฐมนตรีก็ปล่อยให้หน่วยงานใต้อาณัติดำเนินการเรื่องนี้ไปอย่างขาดเอกภาพ ในขณะทีฝ่ายกัมพูชาพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า พื้นที่ตรงนั้นเป็นของเขาไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนหรือพื้นที่อ้างสิทธิ์
สื่อมวลชนกัมพูชาทั้งหมดก็พูดเหมือนกับรัฐบาล มีเพียงสื่อมวลชนไทยเท่านั้นที่พูดแบบยกผลประโยชน์ให้เขมรครึ่งหนึ่งว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งหมายความว่ายังไม่ชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ของใคร บางคนพยายามเอาเรื่องโลกไร้พรมแดนมาอธิบายเพื่อชี้ให้เห็นว่า โลกยุคใหม่ไม่ควรมีข้อพิพาทกันในเรื่องชายแดน บางคนบอกว่าควรปล่อยให้รัฐบาลทำงานไป
ในทางกลับกันถ้าพฤติกรรมของรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่กำลังดำเนินการอยู่นี้เกิดขึ้นในรัฐบาลทักษิณ ผมเชื่อว่าสื่อมวลชนเหล่านั้นก็จะออกมาประณามอย่างรุนแรง เช่นเดียวกับแม่ยกอภิสิทธิ์ และจะไม่พูดเหมือนตอนนี้ว่า พันธมิตรฯออกมาทำไม ทำไมไม่ปล่อยให้รัฐบาลทำงาน โดยแกล้งมองไม่เห็นความเสียหายที่อภิสิทธิ์ทำและมีรูปธรรมที่แจ่มชัด
กระทรวงการต่างประเทศเอาเงิน 7.1 ล้านบาทซึ่งเป็นภาษีของประชาชนไปจ้างนักวิชาการโดยไม่สืบภูมิหลังว่านักวิชาการเหล่านั้นมีใจฝักใฝ่ไปทางเขมร และมีแนวคิดที่สอดคล้องกับรัฐบาลฮุนเซน
พอคนไทยถูกเขมรจับกุมในพื้นที่ที่ชาวบ้านยืนยันว่ามีเอกสารสิทธิ์ที่รัฐบาลไทยออกให้ รัฐบาลกลับปล่อยปละละเลยให้เขมรนำตัวไปขึ้นศาลถึงกรุงพนมเปญ ทำให้เขมรใช้อธิปไตยทางศาลบนแผ่นดินตรงนั้น แล้วอภิสิทธิ์ออกมาแถลงแบบถูไถไปว่า การพิพากษา7คนไทยของศาลเขมรนั้นผูกพันเฉพาะตัวบุคคลแต่ไม่ผูกพันกับประเทศ อำนาจศาลเขมรไม่ครอบคลุมถึงประเทศไทย
อภิสิทธิ์คุณพูดไม่ผิดหรอกครับ แต่คำพูดของคุณมันเป็นการยืนยันไงครับว่า ถ้าศาลเขมรตัดสินพิพากษาคนไทยบนแผนดินตรงนั้นได้ และถ้าคุณยอมรับให้เขาพิพากษาโดยไม่เรียกร้องปกป้องสิทธิของคนไทยก็แสดงว่าแผ่นดินตรงนั้นมันเป็นแผ่นดินเขมร
มิหนำซ้ำในขณะที่พันธมิตรฯพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า พื้นที่ที่คนไทยถูกจับนั้นเป็นแผ่นดินของไทย คนในรัฐบาลและคนใกล้ตัวอภิสิทธิ์ทุกคนกลับทำทุกวิถีทางเพื่อพิสูจน์ว่าแผ่นดินตรงนั้นเป็นของเขมร
กระทรวงการต่างประเทศถึงกับออกแถลงการณ์ในเว็บไซต์ของกระทรวงว่า คนไทยถูกจับเพราะล้ำเข้าไปในแผ่นดินเขมร
ศิริโชค โสภา คนที่มีสัมพันธ์แนบชิดอภิสิทธิ์พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อยืนยันว่า แผ่นดินที่คนไทยถูกจับนั้นเป็นแผ่นดินของเขมร และปล่อยให้คนของพรรคและคนในรัฐบาลออกมาพูดจายกแผ่นดินตรงนั้นให้เป็นแผ่นดินของเขมรเกือบทุกคน
ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเพราะถูกเขมรยึดที่ทำกินนำเอกสารสิทธิ์มาพูดคุยกับรัฐบาล อภิสิทธิ์กลับบอกให้ชาวบ้านกลุ่มนั้นเงียบๆเอาไว้ แต่พอชาวบ้านอีกกลุ่มซึ่งไม่ได้รับความเดือดร้อนมาพบและยืนยันว่า แผ่นดินตรงนั้นเป็นของเขมรไม่ใช่ของชาวบ้านที่อ้างสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยกลับให้ชาวบ้านกลุ่มนั้นมาแถลงข่าวและนำไปออกทีวีของรัฐบาลก่อนที่ศาลเขมรจะตัดสินคดีคุณวีระ สมความคิด และคุณราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ เพียงวันเดียว
คุณอภิสิทธิ์ วันนี้คุณก็ยังปล่อยให้ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์เดินสายออกทีวีเพื่อยืนยันว่าคนไทยถูกจับในแผ่นดินเขมร ผมดูส.ส.ผู้หญิงชื่อรัชดา ธนาดิเรกอะไรนั่นแล้วเศร้าใจ เธอบอกด้วยความภูมิใจด้วยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ฝ่ายนิติบัญญัติมีความเป็นเอกภาพ คือเธอระบุว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็เห็นด้วยกับรัฐบาล
เธอพูดเหมือนไม่รู้เลยว่า ทักษิณซึ่งเป็นพ่อของส.ส.พรรคเพื่อไทยนั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกับฮุนเซน และเหมือนไม่รู้ข่าวเลยว่าตอนนี้มีแกนนำเสื้อแดงที่เผาบ้านเผาเมืองได้รับการอุ้มชูจากฮุนเซนอย่างไร
วันนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความง่อนแง่นของคุณออกมาพูดว่า การเดินทางไปเขมรของนายกษิตจะมีการสื่อสารถึงนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ให้มีความเข้าใจว่าประเทศไทยต้องการอยู่อย่างสันติ ไม่ต้องการให้มีการรบกัน ส่วนเรื่องคนไทยที่ถูกศาลกัมพูชาตัดนั้นก็เป็นคนละส่วนกัน
รัฐบาลของคุณทำทุกอย่างเพื่อรักษาไมตรีกับฮุนเซน ในขณะที่ปล่อยให้เขาทำทุกอย่างเพื่อย่ำยีศักดิ์ศรีของประเทศชาติ
อภิสิทธิ์ครับตอนนี้เหลืออยู่อย่างเดียวครับ ผมอยากรู้ว่าเมื่อไหร่คุณจะส่งเครื่องบรรณาการไปถวายสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน