ASTVผู้จัดการรายวัน-เปิดขายไข่ไก่ชั่งกิโลวันแรกหงอย "พาณิชย์"ยันราคาถูกกว่าแบบเดิม แต่คนไม่คุ้นเคย เตรียมทดลองตลาด 3 เดือนก่อนเสนอรัฐบาลตัดสินใจเอาไงต่อ ด้านพ่อค้า แม่ค้า ร้านอาหาร ผู้บริโภค บ่นอุบ ยุ่งยาก เสียเวลา มีปัญหาปัดเศษสตางค์
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการออกตรวจสอบการขายไข่แบบชั่งกิโลเป็นวันแรก ที่ตลาดสดยิ่งเจริญ วานนี้ (1 ก.พ.) ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังลังเลกับการเลือกซื้อไข่ไก่คละแบบชั่งกิโล เพราะยังไม่คุ้นเคยกับวิธีการใหม่ ส่วนใหญ่ยังชอบซื้อแบบใส่แผงเหมือนเดิม เพราะสะดวก และรวดเร็วกว่า อีกทั้งยังไม่มีปัญหาการปัดเศษสตางค์ หากซื้อไม่ครบ 1 กิโลกรัม แต่ยืนยันว่าหากเลือกซื้อไข่ไก่คละแบบชั่งกิโลกรัม ที่กำหนดราคากก.ละ 52 บาท จะได้ไข่ประมาณ 17 ฟอง ถูกกว่าแบบที่ใส่แผงขาย เพราะไม่ต้องเสียค่าแรงในการคัดแยกไข่ ซึ่งจะต้องเสียค่าแรงเพิ่มฟองละ 10 สตางค์ และเมื่อมาถึงร้านค้าปลีกก็จะคิดกำไรเพิ่มอีกฟองละ 30-40 สตางค์
“การขายไข่แบบชั่งกิโล เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับประชาชน ที่จะสามารถซื้อไข่ได้ราคาถูกกว่าเดิม และมีโอกาสเลือกซื้อได้ทั้งใบเล็ก และใบใหญ่คละกันไป เพราะกระทรวงฯ กำหนดให้ผู้ค้าจะต้องนำไข่เบอร์ 2 และ 3 ซึ่งเป็นที่นิยมของผู้บริโภค มาวางขายคละรวมกับไข่เบอร์ใหญ่ ทั้ง 0 และ 1 ไม่ใช่เอาแต่ไข่เล็กมาขายเท่านั้น”
ส่วนปัญหาการปัดเศษสตางค์ กรมการค้าภายในกำหนดว่าถ้าเศษสตางค์เกิน 50 สตางค์ให้ผู้ค้าปัดขึ้นเป็น 1 บาท แต่หากไม่ถึง 50 สตางค์ให้ปัดทิ้ง รวมถึงแนะนำให้ผู้ค้าเปลี่ยนมาใช้เครื่องชั่งแบบดิจิตอลแทน ซึ่งจะเที่ยงตรง และแม่นยำ สามารถบอกน้ำหนักและจำนวนเงินได้ชัดเจน และนับจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะประเมินความพึงพอใจของผู้บริโภคต่อมาตรการชั่งไข่ขายเป็นกิโลกรัมภายใน 3 เดือน เพื่อนำเสนอให้รัฐบาลพิจารณาแนวทางดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม่ค้าขายไข่ไก่ ที่ตลาดยิ่งเจริญ ได้ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่เปิดร้านตั้งแต่เช้ามืดถึง 9 โมง เพิ่งขายไข่แบบชั่งกิโลได้เพียงรายเดียวเท่านั้น เพราะไม่สะดวก โดยส่วนใหญ่ยังซื้อไข่แบบแยกขนาดเหมือนเดิม สำหรับเรื่องราคาหากลูกค้าเลือกซื้อไข่ขนาดใหญ่จะแพงขึ้นกก.ละ 1 บาท แต่หากซื้อไข่เล็กจะถูกลงฟองละ 10 สตางค์ ส่วนในฐานะผู้ค้า ไม่ค่อยพอใจกับการขายไข่แบบชั่งกิโล เพราะยุ่งยาก เสี่ยงเกิดปัญหาไขแตกเพิ่ม และที่สำคัญเมื่อไข่เหลือค้างคืนน้ำหนักจะลดลงทำให้ขาดทุนเพิ่ม ดังนั้น ถ้าขายไม่หมดอาจต้องคัดแยกขนาดขายเอง
ขณะที่ผู้ค้าไข่ไก่แบบชั่งกิโล ที่นำมาจำหน่ายในงาน มหกรรมสินค้าเกษตร ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ที่กระทรวงพาณิชย์ ให้ความเห็นว่า ได้นำไข่ไก่มาขายแบบชั่งกิโลในราคากก.ละ 48 บาท ถูกกว่าท้องตลาดที่กก.ละ 52 บาท โดยการขายแบบใหม่นี้ ถูกกว่าการขายแบบเก่า ซึ่งผู้บริโภคจะได้ประโยชน์ แต่ในฐานะที่เป็นคนขาย ไม่ชอบ เพราะยุ่งยาก และยังมีปัญหาเรื่องการปัดเศษสตางค์
สำหรับเสียงของร้านอาหารตามสั่ง ส่วนใหญ่ให้ข้อมูลตรงกันว่า ไม่สนใจซื้อไข่ไก่แบบชั่งกิโลกรัม และยังซื้อไข่แบบแยกขนาดเหมือนเดิม เพราะนำไปขายได้ง่ายว่า หากซื้อแบบไข่คละ อาจถูกลูกค้าต่อว่าได้ ทำไมบางคนได้ไข่ฟองใหญ่ ฟองเล็ก และตอนนี้ ราคาสินค้าส่วนใหญ่แพงมาก น้ำมันพืชเพิ่มถึงขวดละ 60 บาท อาจขายราคาเดิมไม่ไหว ต่อไปอาจต้องขึ้นราคาไข่ดาว ไข่เจียวเป็น 7-8 บาท จากเดิม 5 บาท ไม่เช่นนั้นก็ขาดทุน
ทางด้านประชาชนผู้บริโภค ระบุว่า ไม่ค่อยชอบ เพราะไม่สะดวก เนื่องจากต้องเสียเวลาเลือกไข่ ขณะที่แบบเดิมที่ใส่แผงไว้แล้ว สามารถหยิบได้ทันทื อีกอย่างในการเลือกซื้อ บางร้านก็เอาใส่แผงแบบคละขนาดไว้เลย และส่วนใหญ่จะเป็นไข่เบอร์เล็ก ไม่ใช่เป็นการเอามาขายแบบกองรวมกันจำนวนมาก ทำให้ผู้ซื้อไม่สามารถเลือกซื้อเองได้ตามใจชอบ อีกทั้ง ยังมีปัญหาเรื่องการปัดเศษสตางค์ และอยากให้รัฐบาลเข้าไปดูแลด้านต้นทุนการผลิตมากกว่า
นายวิชัย โภชนกิจ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้มีตลาดสด แสดงความจำนงขายไข่ไก่แบบชั่งกิโล 19 แห่ง เช่น ตลาดยิ่งเจริญ มีนบุรี รังสิต อ่อนนุช ส่วนในต่างจังหวัดมอบหมายสำนักงานกรมการค้าภายในไปหาตลาดที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ โดยภายในเดือนหน้าจะสามารถสรุปรายละเอียดโครงการนี้ได้ทั้งหมด
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการออกตรวจสอบการขายไข่แบบชั่งกิโลเป็นวันแรก ที่ตลาดสดยิ่งเจริญ วานนี้ (1 ก.พ.) ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังลังเลกับการเลือกซื้อไข่ไก่คละแบบชั่งกิโล เพราะยังไม่คุ้นเคยกับวิธีการใหม่ ส่วนใหญ่ยังชอบซื้อแบบใส่แผงเหมือนเดิม เพราะสะดวก และรวดเร็วกว่า อีกทั้งยังไม่มีปัญหาการปัดเศษสตางค์ หากซื้อไม่ครบ 1 กิโลกรัม แต่ยืนยันว่าหากเลือกซื้อไข่ไก่คละแบบชั่งกิโลกรัม ที่กำหนดราคากก.ละ 52 บาท จะได้ไข่ประมาณ 17 ฟอง ถูกกว่าแบบที่ใส่แผงขาย เพราะไม่ต้องเสียค่าแรงในการคัดแยกไข่ ซึ่งจะต้องเสียค่าแรงเพิ่มฟองละ 10 สตางค์ และเมื่อมาถึงร้านค้าปลีกก็จะคิดกำไรเพิ่มอีกฟองละ 30-40 สตางค์
“การขายไข่แบบชั่งกิโล เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับประชาชน ที่จะสามารถซื้อไข่ได้ราคาถูกกว่าเดิม และมีโอกาสเลือกซื้อได้ทั้งใบเล็ก และใบใหญ่คละกันไป เพราะกระทรวงฯ กำหนดให้ผู้ค้าจะต้องนำไข่เบอร์ 2 และ 3 ซึ่งเป็นที่นิยมของผู้บริโภค มาวางขายคละรวมกับไข่เบอร์ใหญ่ ทั้ง 0 และ 1 ไม่ใช่เอาแต่ไข่เล็กมาขายเท่านั้น”
ส่วนปัญหาการปัดเศษสตางค์ กรมการค้าภายในกำหนดว่าถ้าเศษสตางค์เกิน 50 สตางค์ให้ผู้ค้าปัดขึ้นเป็น 1 บาท แต่หากไม่ถึง 50 สตางค์ให้ปัดทิ้ง รวมถึงแนะนำให้ผู้ค้าเปลี่ยนมาใช้เครื่องชั่งแบบดิจิตอลแทน ซึ่งจะเที่ยงตรง และแม่นยำ สามารถบอกน้ำหนักและจำนวนเงินได้ชัดเจน และนับจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะประเมินความพึงพอใจของผู้บริโภคต่อมาตรการชั่งไข่ขายเป็นกิโลกรัมภายใน 3 เดือน เพื่อนำเสนอให้รัฐบาลพิจารณาแนวทางดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม่ค้าขายไข่ไก่ ที่ตลาดยิ่งเจริญ ได้ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่เปิดร้านตั้งแต่เช้ามืดถึง 9 โมง เพิ่งขายไข่แบบชั่งกิโลได้เพียงรายเดียวเท่านั้น เพราะไม่สะดวก โดยส่วนใหญ่ยังซื้อไข่แบบแยกขนาดเหมือนเดิม สำหรับเรื่องราคาหากลูกค้าเลือกซื้อไข่ขนาดใหญ่จะแพงขึ้นกก.ละ 1 บาท แต่หากซื้อไข่เล็กจะถูกลงฟองละ 10 สตางค์ ส่วนในฐานะผู้ค้า ไม่ค่อยพอใจกับการขายไข่แบบชั่งกิโล เพราะยุ่งยาก เสี่ยงเกิดปัญหาไขแตกเพิ่ม และที่สำคัญเมื่อไข่เหลือค้างคืนน้ำหนักจะลดลงทำให้ขาดทุนเพิ่ม ดังนั้น ถ้าขายไม่หมดอาจต้องคัดแยกขนาดขายเอง
ขณะที่ผู้ค้าไข่ไก่แบบชั่งกิโล ที่นำมาจำหน่ายในงาน มหกรรมสินค้าเกษตร ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ที่กระทรวงพาณิชย์ ให้ความเห็นว่า ได้นำไข่ไก่มาขายแบบชั่งกิโลในราคากก.ละ 48 บาท ถูกกว่าท้องตลาดที่กก.ละ 52 บาท โดยการขายแบบใหม่นี้ ถูกกว่าการขายแบบเก่า ซึ่งผู้บริโภคจะได้ประโยชน์ แต่ในฐานะที่เป็นคนขาย ไม่ชอบ เพราะยุ่งยาก และยังมีปัญหาเรื่องการปัดเศษสตางค์
สำหรับเสียงของร้านอาหารตามสั่ง ส่วนใหญ่ให้ข้อมูลตรงกันว่า ไม่สนใจซื้อไข่ไก่แบบชั่งกิโลกรัม และยังซื้อไข่แบบแยกขนาดเหมือนเดิม เพราะนำไปขายได้ง่ายว่า หากซื้อแบบไข่คละ อาจถูกลูกค้าต่อว่าได้ ทำไมบางคนได้ไข่ฟองใหญ่ ฟองเล็ก และตอนนี้ ราคาสินค้าส่วนใหญ่แพงมาก น้ำมันพืชเพิ่มถึงขวดละ 60 บาท อาจขายราคาเดิมไม่ไหว ต่อไปอาจต้องขึ้นราคาไข่ดาว ไข่เจียวเป็น 7-8 บาท จากเดิม 5 บาท ไม่เช่นนั้นก็ขาดทุน
ทางด้านประชาชนผู้บริโภค ระบุว่า ไม่ค่อยชอบ เพราะไม่สะดวก เนื่องจากต้องเสียเวลาเลือกไข่ ขณะที่แบบเดิมที่ใส่แผงไว้แล้ว สามารถหยิบได้ทันทื อีกอย่างในการเลือกซื้อ บางร้านก็เอาใส่แผงแบบคละขนาดไว้เลย และส่วนใหญ่จะเป็นไข่เบอร์เล็ก ไม่ใช่เป็นการเอามาขายแบบกองรวมกันจำนวนมาก ทำให้ผู้ซื้อไม่สามารถเลือกซื้อเองได้ตามใจชอบ อีกทั้ง ยังมีปัญหาเรื่องการปัดเศษสตางค์ และอยากให้รัฐบาลเข้าไปดูแลด้านต้นทุนการผลิตมากกว่า
นายวิชัย โภชนกิจ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้มีตลาดสด แสดงความจำนงขายไข่ไก่แบบชั่งกิโล 19 แห่ง เช่น ตลาดยิ่งเจริญ มีนบุรี รังสิต อ่อนนุช ส่วนในต่างจังหวัดมอบหมายสำนักงานกรมการค้าภายในไปหาตลาดที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ โดยภายในเดือนหน้าจะสามารถสรุปรายละเอียดโครงการนี้ได้ทั้งหมด