ASTVผู้จัดการรายวัน-“โทลล์เวย์”แนะรัฐออกมาตรการล็อกความเร็วรถสาธารณะ ชี้เป็นการแก้ที่ต้นเหตุ ระบุบนโทลล์เวย์มี CCTV 26 ตัวครอบคลุมทุกตารางนิ้วแล้ว เล็งหา CCTV ประสิทธิภาพสูงมาเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เผยสนใจลงทุนทางด่วน ศรีรัช - วงแหวนฯ เพื่อขยายโครงข่าย หากผลตอบแทนคุ้มค่า
วานนี้ (1 ก.พ.) บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ได้ร่วมกับกองกำกับการ 1 (สายตรวจ) กองบังคับการตำรวจจราจร เปิดโครงการ "กฎหมายจราจรเดลิเวอรี่” โดยรณรงค์แจกคู่มือรวบรวมกฎหมายจราจรและคำแนะนำการขับรถให้ปลอดภัยบนทางยกระดับเพื่อให้ความรู้กับผู้ใช้โทลล์เวย์จำนวน 10,000 เล่ม โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการฝ่าฝืนกฎหมายและลดอุบัติเหตุอย่างยั่งยืน
นายธานินทร์ พานิชชีวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ เปิดเผยว่า บริษัทตระหนักถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ซึ่งกรณีอุบัติเหตุรถตู้บนโทลล์เวย์นั้นมาจากการขับรถเร็ว จึงอยากเสนอให้ภาครัฐใช้มาตรการป้องกันและแก้ปัญหาที่ต้นเหตุมากกว่าแก้ที่ปลายเหตุ โดยเฉพาะรถสาธารณะ ซึ่งในต่างประเทศจะมีกฎหมายจำกัดความเร็วโดยล็อกไว้ที่ 90 กม./ชม. รวมถึงการบังคับผู้โดยสารต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกคน หากไม่ปฏิบัติตามจะออกรถไม่ได้ เป็นต้น
ทั้งนี้ กรณีที่กรมการขนส่งทางบกมีแนวคิดที่จะให้ติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็วบนโทลล์เวย์นั้น เป็นมาตรการที่ดี แต่ในทางปฏิบัติอาจจะไม่ได้ผลมากนัก เนื่องจากสุดท้ายผู้มีอำนาจในการจับกุม คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บริษัททำได้เพียงประมวลผลส่งให้ตำรวจเท่านั้น ในขณะที่ปัจจุบันตำรวจจะสุ่มตรวจจับความเร็วบนโทลล์เวย์ทุกวัน ซึ่งได้ผลมากกว่า อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทันสมัยมาใช้เพิ่มเติม เช่น กล้อง CCTV ที่สามารถวัดความเร็วรถได้ และสามารถซูมจับภาพรถที่ผิดปกติได้ ซึ่งอาจจะนำมาติดตั้งใช้งานคู่กับ CCTV ที่มีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในปี 2555
“ปัจจุบันสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนโทลล์เวย์ลดลงจากปีก่อนประมาณ 30% และหากเปรียบเทียบจากเมื่อ 5 ปีก่อน ลดลงถึง 50% โดยมีอุบัติเหตุเฉลี่ยประมาณ15 ครั้งต่อเดือน โดยหลังจากเกิดอุบัติเหตุรถตู้ ความเร็วเฉลี่ยบนโทลล์เวย์ลดลง ในขณะที่กฎหมายกำหนดให้ใช้ความเร็วบนทางด่วนได้ 80กม./ชม. แต่ส่วนใหญ่มักจะขับเร็ว ดังนั้น การลดอุบัติเหตุ จึงเป็นเรื่องของจิตสำนึกของผู้ขับขี่เอง”นายธานินทร์กล่าว
นายธานินทร์กล่าวว่า ประมาณการณ์ปริมาณจราจรทั้งปี 2554 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปี 2553 ประมาณ 15% โดยขณะนี้มีปริมาณจราจรเฉลี่ยวันละ 6-7 แสน มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 4.8-5 ล้านบาทต่อวัน สำหรับเดือนม.ค.2554 เปรียบเทียบกับเดือนธ.ค. 2553 ที่ผ่านมา ปริมาณจราจรลดลงประมาณ 4-5% ซึ่งสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น แต่งคาดว่าจะเป็นเพียงระยะสั้น
ส่วนปริมาณจราจรในเดือนม.ค.2554เปรียบเทียบกับเดือนม.ค.2553 พบว่าสูงขึ้น 15%
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความสนใจที่จะขยายเส้นทางหรือลงทุนในเส้นทางอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ค่อนข้างมีความพร้อมด้านเงินลงทุนและมีความมั่นคงทางการเงิน เนื่องจากได้ปรับโครงสร้างหนี้เรียบร้อยแล้ว เช่น โครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ระยะทาง 17 กิโลเมตร ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ดำเนินโครงการด้วยวิธีการให้เอกชนร่วมลงทุนกับภาครัฐในรูปแบบ PPP แต่จะต้องศึกษารายละเอียดของโครงการให้ชัดเจนก่อน โดยเฉพาะแนวโน้มปริมาณจราจร อายุในการให้บริหารโครงการเพราะเกี่ยวข้องกับความคุ้มค่าในการเข้าไปลงทุน
วานนี้ (1 ก.พ.) บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ ได้ร่วมกับกองกำกับการ 1 (สายตรวจ) กองบังคับการตำรวจจราจร เปิดโครงการ "กฎหมายจราจรเดลิเวอรี่” โดยรณรงค์แจกคู่มือรวบรวมกฎหมายจราจรและคำแนะนำการขับรถให้ปลอดภัยบนทางยกระดับเพื่อให้ความรู้กับผู้ใช้โทลล์เวย์จำนวน 10,000 เล่ม โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการฝ่าฝืนกฎหมายและลดอุบัติเหตุอย่างยั่งยืน
นายธานินทร์ พานิชชีวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ เปิดเผยว่า บริษัทตระหนักถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ซึ่งกรณีอุบัติเหตุรถตู้บนโทลล์เวย์นั้นมาจากการขับรถเร็ว จึงอยากเสนอให้ภาครัฐใช้มาตรการป้องกันและแก้ปัญหาที่ต้นเหตุมากกว่าแก้ที่ปลายเหตุ โดยเฉพาะรถสาธารณะ ซึ่งในต่างประเทศจะมีกฎหมายจำกัดความเร็วโดยล็อกไว้ที่ 90 กม./ชม. รวมถึงการบังคับผู้โดยสารต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกคน หากไม่ปฏิบัติตามจะออกรถไม่ได้ เป็นต้น
ทั้งนี้ กรณีที่กรมการขนส่งทางบกมีแนวคิดที่จะให้ติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็วบนโทลล์เวย์นั้น เป็นมาตรการที่ดี แต่ในทางปฏิบัติอาจจะไม่ได้ผลมากนัก เนื่องจากสุดท้ายผู้มีอำนาจในการจับกุม คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บริษัททำได้เพียงประมวลผลส่งให้ตำรวจเท่านั้น ในขณะที่ปัจจุบันตำรวจจะสุ่มตรวจจับความเร็วบนโทลล์เวย์ทุกวัน ซึ่งได้ผลมากกว่า อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทันสมัยมาใช้เพิ่มเติม เช่น กล้อง CCTV ที่สามารถวัดความเร็วรถได้ และสามารถซูมจับภาพรถที่ผิดปกติได้ ซึ่งอาจจะนำมาติดตั้งใช้งานคู่กับ CCTV ที่มีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในปี 2555
“ปัจจุบันสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนโทลล์เวย์ลดลงจากปีก่อนประมาณ 30% และหากเปรียบเทียบจากเมื่อ 5 ปีก่อน ลดลงถึง 50% โดยมีอุบัติเหตุเฉลี่ยประมาณ15 ครั้งต่อเดือน โดยหลังจากเกิดอุบัติเหตุรถตู้ ความเร็วเฉลี่ยบนโทลล์เวย์ลดลง ในขณะที่กฎหมายกำหนดให้ใช้ความเร็วบนทางด่วนได้ 80กม./ชม. แต่ส่วนใหญ่มักจะขับเร็ว ดังนั้น การลดอุบัติเหตุ จึงเป็นเรื่องของจิตสำนึกของผู้ขับขี่เอง”นายธานินทร์กล่าว
นายธานินทร์กล่าวว่า ประมาณการณ์ปริมาณจราจรทั้งปี 2554 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปี 2553 ประมาณ 15% โดยขณะนี้มีปริมาณจราจรเฉลี่ยวันละ 6-7 แสน มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 4.8-5 ล้านบาทต่อวัน สำหรับเดือนม.ค.2554 เปรียบเทียบกับเดือนธ.ค. 2553 ที่ผ่านมา ปริมาณจราจรลดลงประมาณ 4-5% ซึ่งสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น แต่งคาดว่าจะเป็นเพียงระยะสั้น
ส่วนปริมาณจราจรในเดือนม.ค.2554เปรียบเทียบกับเดือนม.ค.2553 พบว่าสูงขึ้น 15%
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความสนใจที่จะขยายเส้นทางหรือลงทุนในเส้นทางอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ค่อนข้างมีความพร้อมด้านเงินลงทุนและมีความมั่นคงทางการเงิน เนื่องจากได้ปรับโครงสร้างหนี้เรียบร้อยแล้ว เช่น โครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ระยะทาง 17 กิโลเมตร ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ดำเนินโครงการด้วยวิธีการให้เอกชนร่วมลงทุนกับภาครัฐในรูปแบบ PPP แต่จะต้องศึกษารายละเอียดของโครงการให้ชัดเจนก่อน โดยเฉพาะแนวโน้มปริมาณจราจร อายุในการให้บริหารโครงการเพราะเกี่ยวข้องกับความคุ้มค่าในการเข้าไปลงทุน