xs
xsm
sm
md
lg

อีสท์ วอเตอร์ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เพิ่ม10-13%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน–อีสท์ วอเตอร์ ตั้งเป้าปีนี้ขายน้ำดิบพุ่ง13-14% อยู่ที่ 280 ล้านลบ.ม. หลังโครงการปิโตรเคมีที่มาบตาพุดเริ่มทยอยเดินเครื่องจักรได้ ดันรายได้ปีนี้โต 10-13% จากปีก่อน ตั้งงบลงทุน 1พันล้านบาท ลุยโครงการท่อมาบตาพุดเส้น 3 ขยายธุรกิจน้ำประปาและโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนขนาดเล็ก
นายนำศักดิ์ วรรณวิสูตร รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการเงินและบัญชี บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน)(อีสท์ วอเตอร์) เปิดเผยว่า ปีนี้ได้ตั้งเป้าปริมาณการขายน้ำดิบอยู่ที่ 280 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่มีการขายน้ำดิบอยู่ที่ 245 ล้านลบ.ม. หรือโตขึ้น 13-14% เนื่องจากโครงการลงทุนทั้ง 74 โครงการจาก 76โครงการที่มาบตาพุดได้ทยอยเดินเครื่องจักรในปีนี้ ทำให้มีความต้องการใช้น้ำดิบเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการปิโตรเคมี และโรงกรองน้ำประปาจากชลบุรีอีก 2แห่งก็แล้วเสร็จทำให้มีความต้องการใช้น้ำเช่นกัน
ทั้งนี้ คาดว่ารายได้บริษัทในปีนี้เติบโตขึ้น 10-13% จากปีก่อน แม้ว่าคณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้ปรับลดอัตราน้ำดิบที่จำหน่ายให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทในอัตรา 7.90 บาทต่อลบ.ม. สาหรับการใช้น้ำกลุ่มที่อยู่อาศัยและราชการ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของปริมาณการใช้น้ำทั้งหมดของกปภ. จากอัตราค่าน้ำดิบที่ประกาศใช้ในอัตรา 9.25 บาทต่อลบ.ม. ตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.2554 ทำให้กระทบรายได้จากการขายน้ำดิบในส่วนนี้หายไป 47 ล้านบาทก็ตาม
ขณะเดียวกัน บริษัทไม่มีแผนจะปรับขึ้นราคาน้ำดิบ เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำดิบที่เพิ่มสูงขึ้นและการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพในปีนี้ทำให้ต้นทุนการสูบส่งน้ำไม่มาก แต่เมื่อโครงการวางท่อหนองปลาไหล-มาบตาพุด เส้น 3 มูลค่าเงินลงทุน 2พันล้านบาทแล้วเสร็จ จะมีค่าใช้จ่ายด้านค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นปีละ 40-50 ล้านบาท ทำให้อาจต้องมีการพิจารณาอัตราค่าน้ำดิบใหม่อีกครั้งในต้นปี 2555
ส่วนปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ของอีสท์ วอเตอร์ ก็มีปริมาณที่สูงมาก แต่จะเฝ้าติดตามสถานการณ์สภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด เนื่องจากแหล่งน้ำดิบมีเท่าเดิม แต่ความต้องการใช้ในภาคอุตสาหกรรมมีมากขึ้น ทำให้ต้องมีการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์เข้ามาเสริมเมื่อน้ำต้นทุนจากอ่างดอกกรายและหนองปลาไหลอยู่ระดับต่ำกว่า 160 ล้านลบ.ม. เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำดิบในมาบตาพุด
นายนำศักดิ์กล่าวว่า สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ จะใช้เงินประมาณ 1,000 ล้านบาท ในโครงการวางท่อหนองปลาไหล-มาบตาพุด เส้น 3 ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างไปแล้ว 60-70% คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2554 โดยจะใช้เงินเพิ่มเติมอีก 600-700 ล้านบาท และโครงการขยายธุรกิจประปา เช่น การให้บริการน้ำประปาที่บ่อวินและฉะเชิงเทรา ใช้เงินลงทุน 200-300 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 50-100 ล้านบาทจะใช้ในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก โครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา โดยจะร่วมทุนกับบริษัทลูกของ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (เอ็กโก กรุ๊ป) โดยปีนี้จะเห็นความชัดเจนขึ้น
ทั้งนี้ การตัดสินใจลงทุนด้านพลังงานไฟฟ้า เพื่อบาลานซ์ค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนค่าไฟฟ้าที่คิดเป็น 35% ของต้นทุนค่าน้ำดิบของบริษัท
กำลังโหลดความคิดเห็น