ททท.เพชรบุรี เตรียมกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติครั้งแรก นำร่องโครงการ “ขอบลานวัฒนธรรมเมืองเพชร” ยิงยาว 6 เดือน เริ่มไตรมาสสี่ปีนี้ หวังรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์ ที่มีแนวโน้มโตต่อเนื่อง ด้านโรงแรม”อลีลา” ปรับกลยุทธ์ มุ่งหาพันธมิตร ทั้ง ททท.และ ชุมชน ชูท่องเที่ยวชุมชน เจาะตลาดไฮเอนด์ ฝั่นนั่งแท่นเบอร์หนึ่งด้านราคาในอีก 2 ปี
นางนงนิตย์ เต็งมณีวรรณ ผู้อำนวยสำนักงานเพชรบุรี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ททท.สำนักงานใหญ่ ได้อนุมัติแผนส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.เพชรบุรี ตามที่ทางสำนักงานได้เสนอขอ พร้อมวงเงินงบประมาณซึ่งบรรจุในงบประมาณปี 2555 วงเงิน 1 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการ “ขอบลานวัฒนธรรม เมืองเพชร”
ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีเป้าหมายการจัดเพื่อส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มพำนักระยะยาว หรือลองสเตย์ อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก โดยเป็นการทำงานร่วมกับเทศบาล และ เอกชนท้องถิ่น ระยะจัดงานนาน 6 เดือน เริ่ม ต.ค.54-มี.ค.55 บริเวณชายหาดชะอำใกล้วัด เนรัญชรา แต่ละวันจะมีการแสดงด้านศิลปวัฒนธรรม การออกร้านของสินค้าชุมชน ร้านอาหาร ขณะเดียวกันยังเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำหรับตลาดคนไทยด้วย กิจกรรมนี้จะเป็นโครงการนำร่อง ถ้าผลตอบรับดี ก็จะจัดให้เป็นกิจกรรมถาวร
สำหรับแนวคิดการจัดกิจกรรมนี้เพราะเห็นแนวโน้มการเติบโตของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามายังเพชรบุรี ตั้งแต่ภายหลังการเกิดสึนามิ เติบโตเฉลี่ยปีละ 5-10% โดยปี 2553 มีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 1.1 ล้านคน แบ่งป็นตลาดชาวต่างชาติราว 3 แสนคน เติบโตกว่า 10% ซึ่งในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวที่เกษียณอายุแล้วถึง 50% มีวันพักเฉลี่ยตั้งแต่ 14 วัน ถึง 5 และ 6 เดือน ส่วนใหญ่จะเป็นชาวยุโรป สแกนดิเนเวีย เยอรมัน ซึ่งมีรายได้จากรัฐสวัสดิการ เพราะจุดเด่นของชะอำคือค่าครองชีพถูก เมื่อเทียบกับ ภูเก็ต หรือ สมุย
“ในอดีตกว่า 90% ของชายหาดชะอำและภาพรวมของเพชรบุรีเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทย แต่ หลังเกิด สึนามิ ก็เริ่มมีต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวชะอำและหัวหินเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่มาพำนักระยะยาว ”
”อลีลา”ขอขึ้นตลาดไฮเอนด์อีกครั้ง
ด้านนายทิวา กสวรรณ์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมอลีลา ชะอำ กล่าวว่า ในปี 2554 ทางโรงแรมได้ปรับกลยุทธ์ โดยผนึกพันธมิตรเพื่อทำการตลาด ทั้ง ททท. และ ชุมชน ในการจัดหากิจกรรม ให้เป็นทางเลือกแก่ลูกค้า ในการเข้ามาพักยังโรงแรม อลีลา ขณะเดียวกันยังทำให้ภาพรวมการท่องเที่ยวของชะอำขยายตัวต่อเนื่อง จากเดิมที่มีจุดขายเพียงแค่ทะเลแต่มีเรื่องของท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชุมชน สิ่งแวดล้อม กอล์ฟ
กลยุทธ์ “อลีลา”ปีนี้ หันมาจับตลาดระดับบน อีกครั้ง จากก่อนนี้ที่เคยปรับไปจับตลาดกลาง เพื่อใสร้างแบรนด์ให้ลูกค้ารู้จักมาระยะหนึ่งแล้ว เพราะความจริงโพซิชั่นนิ่งเราเป็นโรงแรมที่จับตลาดไฮเอนด์ แต่เพราะเจอวิกฤตเศรษฐกิจ และ ผลกระทบจากการเมือง ทำให้ต้องหันมาจับตลาดกลาง และตลาดคอปอเรทบ้าง ทำให้ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ธุรกิจมีการเติบโตต่อเนื่อง มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 50-60%
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ นักท่องเที่ยวจากยุโรป เช่น เยอรมัน สแกนดิเนเวีย ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เน้นกลุ่มครอบครัวและผู้ที่มองหาโรงแรมที่มีดีไซน์ ส่วนตลาดเอเชีย จะเน้นจับตลาด ที่เศรษบกิจดี อินเดีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ตลาดภายในประเทศ จับกลุ่มลูกค้าองค์กร ที่จับอินเซนทีฟ หรือ กรุ๊ปสัมมนา ตั้งเป้าสัดส่วนลูกค้า 60% เป็นตลาดคนไทย อีก 40% เป็นต่างชาติ
โดยชูจุดขายเรื่องของการบริการ การเพิ่มมูลค่าด้วยการออกแบบกิจกรรม ให้แก่แขกผู้มาพักได้เลือกทำ ตามความถนัดในรูปแบบของ CSR เช่น ขี่จักรยาน การปลูกป่าชายเลน การช่วยเหลือโรงเรียนในชุมชน ซึ่งโรงแรมจะได้ทั้งภาพลักษณ์ และ ได้โฆษณาโดยการบอกต่อของนักท่องเที่ยวเองด้วย ปีนี้ตั้งเป้าอัตราเข้าพักที่ 60% โดยช่วงไตรมาสแรกปีนี้คาดจะมีอัตรเข้าพักสูงถึง 69% ส่วนภาพรวมปีก่อนทำได้ราว 50%
อย่างไรก็ตาม อลีลา มีเป้าหมายที่จะผลักดันอัตราเฉลี่ยราคาห้องพักให้ขึ้นเป็นอันดับ 1 ภายใน 2 ปีนับจากนี้ มีราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มเป็น 5 พันบาทต่อคืน จากปัจจุบันอยู่ที่ 4 พันบาทต่อคืน โดยปีนี้จะปรับขึ้นราคาค่าห้องประมาณ 15%
นางนงนิตย์ เต็งมณีวรรณ ผู้อำนวยสำนักงานเพชรบุรี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ททท.สำนักงานใหญ่ ได้อนุมัติแผนส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.เพชรบุรี ตามที่ทางสำนักงานได้เสนอขอ พร้อมวงเงินงบประมาณซึ่งบรรจุในงบประมาณปี 2555 วงเงิน 1 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการ “ขอบลานวัฒนธรรม เมืองเพชร”
ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีเป้าหมายการจัดเพื่อส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มพำนักระยะยาว หรือลองสเตย์ อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก โดยเป็นการทำงานร่วมกับเทศบาล และ เอกชนท้องถิ่น ระยะจัดงานนาน 6 เดือน เริ่ม ต.ค.54-มี.ค.55 บริเวณชายหาดชะอำใกล้วัด เนรัญชรา แต่ละวันจะมีการแสดงด้านศิลปวัฒนธรรม การออกร้านของสินค้าชุมชน ร้านอาหาร ขณะเดียวกันยังเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำหรับตลาดคนไทยด้วย กิจกรรมนี้จะเป็นโครงการนำร่อง ถ้าผลตอบรับดี ก็จะจัดให้เป็นกิจกรรมถาวร
สำหรับแนวคิดการจัดกิจกรรมนี้เพราะเห็นแนวโน้มการเติบโตของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามายังเพชรบุรี ตั้งแต่ภายหลังการเกิดสึนามิ เติบโตเฉลี่ยปีละ 5-10% โดยปี 2553 มีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 1.1 ล้านคน แบ่งป็นตลาดชาวต่างชาติราว 3 แสนคน เติบโตกว่า 10% ซึ่งในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวที่เกษียณอายุแล้วถึง 50% มีวันพักเฉลี่ยตั้งแต่ 14 วัน ถึง 5 และ 6 เดือน ส่วนใหญ่จะเป็นชาวยุโรป สแกนดิเนเวีย เยอรมัน ซึ่งมีรายได้จากรัฐสวัสดิการ เพราะจุดเด่นของชะอำคือค่าครองชีพถูก เมื่อเทียบกับ ภูเก็ต หรือ สมุย
“ในอดีตกว่า 90% ของชายหาดชะอำและภาพรวมของเพชรบุรีเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทย แต่ หลังเกิด สึนามิ ก็เริ่มมีต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวชะอำและหัวหินเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่มาพำนักระยะยาว ”
”อลีลา”ขอขึ้นตลาดไฮเอนด์อีกครั้ง
ด้านนายทิวา กสวรรณ์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมอลีลา ชะอำ กล่าวว่า ในปี 2554 ทางโรงแรมได้ปรับกลยุทธ์ โดยผนึกพันธมิตรเพื่อทำการตลาด ทั้ง ททท. และ ชุมชน ในการจัดหากิจกรรม ให้เป็นทางเลือกแก่ลูกค้า ในการเข้ามาพักยังโรงแรม อลีลา ขณะเดียวกันยังทำให้ภาพรวมการท่องเที่ยวของชะอำขยายตัวต่อเนื่อง จากเดิมที่มีจุดขายเพียงแค่ทะเลแต่มีเรื่องของท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชุมชน สิ่งแวดล้อม กอล์ฟ
กลยุทธ์ “อลีลา”ปีนี้ หันมาจับตลาดระดับบน อีกครั้ง จากก่อนนี้ที่เคยปรับไปจับตลาดกลาง เพื่อใสร้างแบรนด์ให้ลูกค้ารู้จักมาระยะหนึ่งแล้ว เพราะความจริงโพซิชั่นนิ่งเราเป็นโรงแรมที่จับตลาดไฮเอนด์ แต่เพราะเจอวิกฤตเศรษฐกิจ และ ผลกระทบจากการเมือง ทำให้ต้องหันมาจับตลาดกลาง และตลาดคอปอเรทบ้าง ทำให้ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ธุรกิจมีการเติบโตต่อเนื่อง มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 50-60%
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ นักท่องเที่ยวจากยุโรป เช่น เยอรมัน สแกนดิเนเวีย ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เน้นกลุ่มครอบครัวและผู้ที่มองหาโรงแรมที่มีดีไซน์ ส่วนตลาดเอเชีย จะเน้นจับตลาด ที่เศรษบกิจดี อินเดีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ตลาดภายในประเทศ จับกลุ่มลูกค้าองค์กร ที่จับอินเซนทีฟ หรือ กรุ๊ปสัมมนา ตั้งเป้าสัดส่วนลูกค้า 60% เป็นตลาดคนไทย อีก 40% เป็นต่างชาติ
โดยชูจุดขายเรื่องของการบริการ การเพิ่มมูลค่าด้วยการออกแบบกิจกรรม ให้แก่แขกผู้มาพักได้เลือกทำ ตามความถนัดในรูปแบบของ CSR เช่น ขี่จักรยาน การปลูกป่าชายเลน การช่วยเหลือโรงเรียนในชุมชน ซึ่งโรงแรมจะได้ทั้งภาพลักษณ์ และ ได้โฆษณาโดยการบอกต่อของนักท่องเที่ยวเองด้วย ปีนี้ตั้งเป้าอัตราเข้าพักที่ 60% โดยช่วงไตรมาสแรกปีนี้คาดจะมีอัตรเข้าพักสูงถึง 69% ส่วนภาพรวมปีก่อนทำได้ราว 50%
อย่างไรก็ตาม อลีลา มีเป้าหมายที่จะผลักดันอัตราเฉลี่ยราคาห้องพักให้ขึ้นเป็นอันดับ 1 ภายใน 2 ปีนับจากนี้ มีราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มเป็น 5 พันบาทต่อคืน จากปัจจุบันอยู่ที่ 4 พันบาทต่อคืน โดยปีนี้จะปรับขึ้นราคาค่าห้องประมาณ 15%