อุดรธานี - "เจ้าฟ้าหญิง"ทรงเป็นประธานพิธีถวายน้ำหลวงสรงศพ "หลวงตามหาบัว" ชาวพุทธสุดเศร้าหลวงตาละสังขาร รวมสิริอายุ 97 ปี 5 เดือน 18 วัน แห่กราบไหว้สังขารล้นวัดป่านบ้านตาด เปิดพินัยกรรม"หลวงตา"ห่วงชาติจนวาระสุดท้ายให้นำทองคำที่ได้รับบริจาคนำมาหลอมรวมมอบให้ ธปท.เพื่อเป็นทุนสำรอง "ผอ.พศ."เผยเบื้องต้นสังขารหลวงตาจะอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์เป็นเวลา 7 วัน มีการตั้งสวดอภิธรรมตามปกติ คาดพระราชทานเพลิงศพต้น มี.ค.นี้
เมื่อเวลา 18.00 น.วานนี้ (30 ม.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์มายังวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ทรงเป็นประธานในพิธีถวายน้ำหลวงสรงศพพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด และทรงวางพวงมาลาหลวง พวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพวงมาลาส่วนพระองค์ในการนี้ทรงพระราชทานโกศโถ และทรงรับพิธีธรรมไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานีว่า ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้เสด็จพระดำเนินออกจากที่ประทับในตัวเมืองอุดรธานี ถึงวัดป่าบ้านตาด เพื่อทรงเยี่ยมอาการอาพาธของหลวงตามหาบัว และทรงเฝ้าดูแลหลวงตามหาบัว อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา จนเวลา 03.53 น.วานนี้(30)คณะสงฆ์ ประชาชน ศิษยานุศิษย์ที่อยู่ในวัดที่มารอดูอาการอาพาธของหลวงตามหาบัว ก็ต้องพากันเศร้าโศกเมื่อทราบแน่ชัดแล้วว่า หลวงตามหาบัว ได้ละสังขารแล้ว ท่ามกลางการดูแลอย่างใกล้ชิดของคณะแพทย์
**เผยนาทีหลวงตาละสังขารอย่างสงบ
ต่อมาเวลา 07.00 น. นายแพทย์พิชาติ ดลเฉลิมยุทธนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุดรธานี ได้แถลงว่า "เมื่อเวลา 02.49 น.(ของวันที่ 30 ม.ค.) หลวงตามหาบัว อาการเข้าสู่วิกฤต เวลา 03.25 น.ม่านตาหลวงตามหาบัว ขยาย ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เวลา 03.40 น.ชีพจร 54 ครั้ง ความดันโลหิต 38 ส่วน 19 มิลลิปรอท ออกซิเจนในเลือดเท่ากับ 0 เวลา 03.50 น.ชีพจร 49 ความดันโลหิต 38 ส่วน 16 มิลลิเมตรปรอท ค่าออกซิเจนในเลือดมีค่าเท่ากับศูนย์ 0 กระทั่งเวลา 03.53 น.ความดันโลหิตเท่ากับ 0 หัวใจหยุดเต้น และหยุดหายใจ ศิริอายุรวม 97 ปี 5 เดือน 18 วัน
ต่อมาคณะแพทย์ได้นำศพของหลวงตามหาบัว ออกจากห้องปลอดเชื้อมาที่ห้องพักที่หลวงตา เคยพักอยู่เดิม ซึ่งอยู่ในกุฏิเดียวกันนี้ก่อนหน้าที่จะปรับปรุงเพิ่มห้องปลอดเชื้อแล้วอนุญาตให้ญาติพี่น้องของหลวงตามหาบัว เท่านั้น เข้าไปกราบสักการะขอขมาศพ และหลังจากที่พระสงฆ์ฉันอาหารเช้าเสร็จก็จะให้เข้าสักการะศพ แล้วอัญเชิญศพของหลวงตา มาไว้ที่ชั้นบนของศาลาหลังใหญ่โดยจะไม่ฉีดน้ำยาฟอร์มาลีน นำศพบรรจุลงโลงแล้วนำออกมาตั้งศาลาหลังใหญ่หน้าวัดต่อไป"
เวลา 10.05 น.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พระอุดมญาณโมลี หรือหลวงปู่จันศรี จันททีโป เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง จ.อุดรธานี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นิมนต์เคลื่อนสรีระหลวงตาบัว จากกุฏิมายังชั้นสองศาลาการเปรียญ โดยสรีระของหลวงตามหาบัว ถูกวางไว้บนเตียง มีพระสงฆ์สายวิปัสสนากรรมฐาน 20 รูปแบกเตียงเคลื่อนไปไว้บนศาลา ตลอดเส้นทาง พุทธศาสนิกชนเปล่งเสียงสาธุ เมื่อสรีระถูกนำไปวางบนเตียงไม้ บริเวณที่หลวงตาใช้เดินจงกรม จากนั้นได้ทำพิธีขอขมา พระสงฆ์อาวุโส ร่วมสงฆ์น้ำศพ
**เปิดพินัยกรรมหลวงตาห่วงชาติ
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสัสโก เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี ได้เปิดพินัยกรรมของหลวงตามหาบัวและ อ่าน โดยพินัยกรรมเขียนไว้ตั้งแต่ 7 พฤษภาคม 2543 มีใจความสรุปดังนี้ 1.ทองคำที่ได้รับบริจาคมาให้นำไปหลอม เงินสดที่ได้รับบริจาคมาให้นำไปซื้อทองคำ นำมาหลอมรวมมอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นทุนสำรอง 2.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อจัดงานศพและดูแลทรัพย์สิน ทั้งทรัพย์สินที่มีอยู่ก่อนและทรัพย์สินที่ได้รับศรัทธาจากญาติโยมในงานศพ โดยให้คณะกรรมการดำเนินงานอย่างเปิดเผย ตามเจตนารมณ์ 3.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแล 9 คน
ประกอบด้วย 1.อาจารย์ฟัก สันติธรรมโม ขณะนี้มรณภาพแล้ว 2.หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสัสโก 3.อาจารย์ปริญญา วัฒโธ 4.อาจารย์วันชัย วิจิตโต 5.ดร.เชาว์ ณ ศีลวันต์ องคมตรี 6.นายศิริ คูสกุล คหบดี จ.อุดรธานี 7.ม.ร.ว.ทองศิริ ทองแถม 8 พ.ต.อ.กฤษดา บูรณะพานิชย์ พ.ต.ปัจจัย นารินรักษ์ 4.ตั้งให้พระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน รองเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด เป็นผู้จัดการมรดก
สำหรับพินัยกรรม ได้จัดทำขึ้น 3 ฉบับมีใจความเหมือนกัน เก็บรักษาไว้ 3 แห่ง ที่วัดป่าบ้านตาด ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จ.อุดรธานี และธนาคารกสิกรไทย จ.อุดรธานี โดยพินัยกรรามดังกล่าวมี พระอาจารย์ปัญญา วัฒโธ เป็นพยาน และมีพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน เป็นพยานและผู้พิมพ์
**ปชช.เรือนแสนแห่กราบไหว้สังขาร
พระครูอรรถกิจ นันทคุณ หรือพระอาจารย์นภดล นนทะโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร แจ้งให้ญาติโยมที่มาร่วมงานว่า หลังจากพระสงฆ์ได้สงฆ์น้ำกราบบูชาหลวงตาแล้ว จะอนุญาตให้พุทธศาสนิกชนขึ้นสงฆ์น้ำและกราบบูชา จนกว่าประชาชนจะบางตา จึงจะบรรจุสรีระหลวงตาลงในหีบไม้ กราบนิมนต์ไปที่ศาลาใหญ่ด้านหน้าวัด สำหรับโกศพระราชทาน ตามสมณะศักดิ์จะตั้งอยู่ด้านหลัง
พระมหาธีรนาถ ธีรธัมโม พระอุปฐากหลวงตามหาบัว กล่าวเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายศพองค์หลวงตามหาบัว ไปยังศาลาใหญ่หน้าวัดป่าบ้านตาดว่า เพื่อรองรับประชาชนที่คาดว่าจะเดินทางมากราบศพหลวงตาอีกมาก เพราะศาลาภายในวัดป่าบ้านตาดมีขนาดเล็ก อาจทรุดตัวได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตลอดทั้งวันวานนี้ ที่วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เนืองแน่นไปด้วยประชาชนญาติธรรมหลวงตามหาบัวและพระชั้นผู้ใหญ่ พระสงฆ์จากทั่วประเทศที่เดินทางมากราบศพหลวงตา
**พศ.เผยวงการสงฆ์สูญเสียครั้งใหญ่
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวถึงการละสังขารของหลวงตามหาบัว ว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการสงฆ์ เพราะเป็นพระเถระผู้ใหญ่ นอกจากนี้ ยังทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างมาก โดยเฉพาะการทอดผ้าป่าช่วยชาติ ตั้งกองทุน สร้างโรงพยาบาล ตลอดจนเป็นพระที่จะเทศน์สอนให้กับญาติโยมตลอดเวลา
ทั้งนี้ เบื้องต้นศพของหลวงตามหาบัว จะอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์เป็นเวลา 7 วัน มีการตั้งสวดอภิธรรมตามปกติ และคาดว่าน่าจะพระราชทานเพลิงศพประมาณต้นเดือน มี.ค.นี้ โดยในส่วนของ พศ.ได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานี เข้าไปมีส่วนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการเคลื่อนย้ายศพหลวงตามหาบัว ไปให้ศิษยานุศิษย์ได้ทำความเคารพ ซึ่งขณะนี้ พศ.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเกี่ยวกับพิธีธรรม ของหลวงตามหาบัวแล้ว
ด้านพระครูสังฆสิทธิกร หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวแสดงความตกใจทันทีที่ทราบข่าวการละสังขาร เพราะขณะนี้รับกิจนิมนต์อยู่ไต้หวัน ทั้งนี้ เคยไปกราบหลวงตามหาบัว หลายครั้ง รู้สึกเสียดาย เพราะเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นตัวอย่างของการเดินตามรอยพระพุทธองค์ ด้วยความสมถะและยึดถือพระวินัยอย่างเคร่งครัด
นอกจาก จะเป็นพระที่เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธในประเทศแล้วยังแผ่ไพศาลไปยังชาวพุทธนานาประเทศ อย่างไรก็ตาม แม้ร่างของท่านจะละสังขารไปแล้ว แต่คุณงามความดี สิ่งที่ได้ปฏิบัติไว้ ยังคงอยู่ตลอดไป
**เปิดประวัติโดยย่อ"หลวงตามหาบัว"
สำหรับประวัติ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กำเนิดในครอบครัวชาวนาผู้มีอันจะกิน ณ บ้านตาด จ.อุดรธานี เกิดเมื่อ 12 สิงหาคม พ.ศ.2456 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 9 ปีฉลู ณ บ้านตาด อ.หมากแข้ง จ.อุดรธานี บิดานายทองดี โลหิตดี มารดานางแพงศรี โลหิตดี พี่น้องทั้งหมด 16 คน
สมัยเด็กหลวงตา มีศรัทธาเคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้ทำบุญตักบาตรกับผู้ใหญ่อยู่เสมอ ขณะที่ในวัยหนุ่มเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ขยันขันแข็ง ทำงานอะไรทำจริงจังเป็นที่ไว้วางใจของพ่อแม่ในการงานทั้งปวง
สมัยเด็ก หลวงตา มีศรัทธาเคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา โดยได้ร่วมทำบุญตักบาตรกับผู้ใหญ่อยู่เสมอ วัยหนุ่ม เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ขยันขันแข็ง ทำงานอะไรทำจริงๆ จังๆ เป็นที่ไว้วางใจของพ่อแม่ในการงานทั้งปวง เดิมไม่เคยคิดจะบวช เพราะอยากมีครอบครัว แต่มักมีอุปสรรคให้แคล้วคลาดทุกทีไป
เหตุที่บวช เมื่ออายุครบ 20 ปี พ่อแม่ขอร้องให้บวชตามประเพณีอยู่หลายครั้ง ท่านก็ทำเฉย ๆ ตลอดมา ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด ในครั้งสุดท้ายนี้ ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า หวังพึ่งใบบุญจากการบวชของลูกให้ได้ ถึงกับทำให้พ่อแม่น้ำตาร่วง ครั้งนี้ท่านรู้สึกสะเทือนใจและเห็นใจพ่อแม่มาก จึงตัดสินใจ และยอมบวชตามประเพณี เพื่อตอบแทนพระคุณพ่อแม่ โดยตั้งใจไว้ในตอนต้นนี้ว่า จะบวชเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น วันบวช 12 พฤษภาคม พ.ศ.2477 ณ วัดโยธานิมิตร จ.อุดรธานี
พระอุปัชฌาย์ ชื่อ ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พันธุโล)วัดโพธิสมภรณ โดยมีท่านพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล)เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายานามว่า "ญาณสมฺปนฺโน" แปลว่า "ถึงพร้อมแล้วด้วยการหยั่งรู้" ในพรรษาแรกท่านได้ตั้งสัจอธิษฐานว่า ในการทำวัตรเช้า-เย็นรวมและการบิณฑบาต จะไม่ให้มีวันใดขาดเลย และท่านก็ทำได้ตามที่ตั้งคำสัตย์ไว้ เรียนปริยัติ เมื่อได้เรียนหนังสือทางธรรม ตั้งแต่นวโกวาท พุทธประวัติ ประวัติพระสาวกอรหันต์ ที่ท่านมาจากสกุลต่างๆตั้งแต่พระราชา เศรษฐี พ่อค้า จนถึงประชาชน
หลังจากฟังพระพุทธโอวาทแล้วต่างก็เข้าบำเพ็ญเพียร ในป่าเขาอย่างจริงจัง ท่านตั้งสัจจะไว้ว่า จะขอเรียนบาลีให้จบแค่เปรียญ 3 ประโยคเท่านั้น ส่วนนักธรรมแม้จะไม่จบชั้นก็ไม่เป็นไร จากนั้นจะออกปฏิบัติกรรมฐานโดยถ่ายเดียว จะไม่ยอมศึกษาและสอบประโยคต่อไปเป็นอันขาด เรียนจบ ท่านสอบได้ทั้งนักธรรมเอก และเปรียญ 3 ประโยคในปีที่ท่านบวชได้ 7 พรรษา ณ วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ และสถานที่แห่งนี้เอง เป็นที่แรกที่ท่านได้มีโอกาสพบเห็นท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
**ช่วยชาติจนกระทั่งละสังขาร
หลวงตามหาบัว นอกจากกิจด้านการศาสนาที่เต็มไปด้วยปฏิปทาและคุณูปการอันยิ่งใหญ่แล้ว ด้านสังคมสงเคราะห์ที่หลวงตามหาบัว ก็ยังได้เมตตาช่วยชาติในยามวิกฤตเศรษฐกิจ ด้วยโครงการที่หลายคนคุ้นหูคือโครงการ "ผ้าป่าช่วยชาติ" ตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 อันเป็นปีที่ประเทศไทยเริ่มประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้ประเทศไทยพ้นจากภาวะวิกฤตดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ในการนี้มีหน่วยงานต่างๆ จำนวนมากทั่วประเทศ ได้นิมนต์หลวงตามหาบัวไปรับผ้าป่าช่วยชาติโดยหลวงตามหาบัว ตั้งเป้าจะนำ "ทองคำ" เข้าคลังหลวงให้ได้ 10 ตัน หรือ 10,000 กิโลกรัม ซึ่งที่ผ่านมา สินทรัพย์ที่ "โครงการช่วยชาติ โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน" บริจาคตั้งแต่ 12 เมษายน 2541 ถึง 9 มกราคม 2553 ได้นำเข้าคลังหลวงแล้วทั้งสิ้น 15 ครั้ง รวมทองคำและดอลลาร์ที่มอบเข้าคลังหลวงไปแล้วทั้งสิ้น เป็นทองคำ 967 แท่ง น้ำหนักรวม 12,087.50 กิโลกรัม และเงินดอลลาร์ (รวมดอกเบี้ย) จำนวน 10,803,600 เหรียญสหรัฐ.
เมื่อเวลา 18.00 น.วานนี้ (30 ม.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์มายังวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ทรงเป็นประธานในพิธีถวายน้ำหลวงสรงศพพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด และทรงวางพวงมาลาหลวง พวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพวงมาลาส่วนพระองค์ในการนี้ทรงพระราชทานโกศโถ และทรงรับพิธีธรรมไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานีว่า ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้เสด็จพระดำเนินออกจากที่ประทับในตัวเมืองอุดรธานี ถึงวัดป่าบ้านตาด เพื่อทรงเยี่ยมอาการอาพาธของหลวงตามหาบัว และทรงเฝ้าดูแลหลวงตามหาบัว อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา จนเวลา 03.53 น.วานนี้(30)คณะสงฆ์ ประชาชน ศิษยานุศิษย์ที่อยู่ในวัดที่มารอดูอาการอาพาธของหลวงตามหาบัว ก็ต้องพากันเศร้าโศกเมื่อทราบแน่ชัดแล้วว่า หลวงตามหาบัว ได้ละสังขารแล้ว ท่ามกลางการดูแลอย่างใกล้ชิดของคณะแพทย์
**เผยนาทีหลวงตาละสังขารอย่างสงบ
ต่อมาเวลา 07.00 น. นายแพทย์พิชาติ ดลเฉลิมยุทธนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุดรธานี ได้แถลงว่า "เมื่อเวลา 02.49 น.(ของวันที่ 30 ม.ค.) หลวงตามหาบัว อาการเข้าสู่วิกฤต เวลา 03.25 น.ม่านตาหลวงตามหาบัว ขยาย ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เวลา 03.40 น.ชีพจร 54 ครั้ง ความดันโลหิต 38 ส่วน 19 มิลลิปรอท ออกซิเจนในเลือดเท่ากับ 0 เวลา 03.50 น.ชีพจร 49 ความดันโลหิต 38 ส่วน 16 มิลลิเมตรปรอท ค่าออกซิเจนในเลือดมีค่าเท่ากับศูนย์ 0 กระทั่งเวลา 03.53 น.ความดันโลหิตเท่ากับ 0 หัวใจหยุดเต้น และหยุดหายใจ ศิริอายุรวม 97 ปี 5 เดือน 18 วัน
ต่อมาคณะแพทย์ได้นำศพของหลวงตามหาบัว ออกจากห้องปลอดเชื้อมาที่ห้องพักที่หลวงตา เคยพักอยู่เดิม ซึ่งอยู่ในกุฏิเดียวกันนี้ก่อนหน้าที่จะปรับปรุงเพิ่มห้องปลอดเชื้อแล้วอนุญาตให้ญาติพี่น้องของหลวงตามหาบัว เท่านั้น เข้าไปกราบสักการะขอขมาศพ และหลังจากที่พระสงฆ์ฉันอาหารเช้าเสร็จก็จะให้เข้าสักการะศพ แล้วอัญเชิญศพของหลวงตา มาไว้ที่ชั้นบนของศาลาหลังใหญ่โดยจะไม่ฉีดน้ำยาฟอร์มาลีน นำศพบรรจุลงโลงแล้วนำออกมาตั้งศาลาหลังใหญ่หน้าวัดต่อไป"
เวลา 10.05 น.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พระอุดมญาณโมลี หรือหลวงปู่จันศรี จันททีโป เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง จ.อุดรธานี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นิมนต์เคลื่อนสรีระหลวงตาบัว จากกุฏิมายังชั้นสองศาลาการเปรียญ โดยสรีระของหลวงตามหาบัว ถูกวางไว้บนเตียง มีพระสงฆ์สายวิปัสสนากรรมฐาน 20 รูปแบกเตียงเคลื่อนไปไว้บนศาลา ตลอดเส้นทาง พุทธศาสนิกชนเปล่งเสียงสาธุ เมื่อสรีระถูกนำไปวางบนเตียงไม้ บริเวณที่หลวงตาใช้เดินจงกรม จากนั้นได้ทำพิธีขอขมา พระสงฆ์อาวุโส ร่วมสงฆ์น้ำศพ
**เปิดพินัยกรรมหลวงตาห่วงชาติ
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสัสโก เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี ได้เปิดพินัยกรรมของหลวงตามหาบัวและ อ่าน โดยพินัยกรรมเขียนไว้ตั้งแต่ 7 พฤษภาคม 2543 มีใจความสรุปดังนี้ 1.ทองคำที่ได้รับบริจาคมาให้นำไปหลอม เงินสดที่ได้รับบริจาคมาให้นำไปซื้อทองคำ นำมาหลอมรวมมอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นทุนสำรอง 2.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อจัดงานศพและดูแลทรัพย์สิน ทั้งทรัพย์สินที่มีอยู่ก่อนและทรัพย์สินที่ได้รับศรัทธาจากญาติโยมในงานศพ โดยให้คณะกรรมการดำเนินงานอย่างเปิดเผย ตามเจตนารมณ์ 3.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแล 9 คน
ประกอบด้วย 1.อาจารย์ฟัก สันติธรรมโม ขณะนี้มรณภาพแล้ว 2.หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสัสโก 3.อาจารย์ปริญญา วัฒโธ 4.อาจารย์วันชัย วิจิตโต 5.ดร.เชาว์ ณ ศีลวันต์ องคมตรี 6.นายศิริ คูสกุล คหบดี จ.อุดรธานี 7.ม.ร.ว.ทองศิริ ทองแถม 8 พ.ต.อ.กฤษดา บูรณะพานิชย์ พ.ต.ปัจจัย นารินรักษ์ 4.ตั้งให้พระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน รองเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด เป็นผู้จัดการมรดก
สำหรับพินัยกรรม ได้จัดทำขึ้น 3 ฉบับมีใจความเหมือนกัน เก็บรักษาไว้ 3 แห่ง ที่วัดป่าบ้านตาด ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จ.อุดรธานี และธนาคารกสิกรไทย จ.อุดรธานี โดยพินัยกรรามดังกล่าวมี พระอาจารย์ปัญญา วัฒโธ เป็นพยาน และมีพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน เป็นพยานและผู้พิมพ์
**ปชช.เรือนแสนแห่กราบไหว้สังขาร
พระครูอรรถกิจ นันทคุณ หรือพระอาจารย์นภดล นนทะโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร แจ้งให้ญาติโยมที่มาร่วมงานว่า หลังจากพระสงฆ์ได้สงฆ์น้ำกราบบูชาหลวงตาแล้ว จะอนุญาตให้พุทธศาสนิกชนขึ้นสงฆ์น้ำและกราบบูชา จนกว่าประชาชนจะบางตา จึงจะบรรจุสรีระหลวงตาลงในหีบไม้ กราบนิมนต์ไปที่ศาลาใหญ่ด้านหน้าวัด สำหรับโกศพระราชทาน ตามสมณะศักดิ์จะตั้งอยู่ด้านหลัง
พระมหาธีรนาถ ธีรธัมโม พระอุปฐากหลวงตามหาบัว กล่าวเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายศพองค์หลวงตามหาบัว ไปยังศาลาใหญ่หน้าวัดป่าบ้านตาดว่า เพื่อรองรับประชาชนที่คาดว่าจะเดินทางมากราบศพหลวงตาอีกมาก เพราะศาลาภายในวัดป่าบ้านตาดมีขนาดเล็ก อาจทรุดตัวได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตลอดทั้งวันวานนี้ ที่วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เนืองแน่นไปด้วยประชาชนญาติธรรมหลวงตามหาบัวและพระชั้นผู้ใหญ่ พระสงฆ์จากทั่วประเทศที่เดินทางมากราบศพหลวงตา
**พศ.เผยวงการสงฆ์สูญเสียครั้งใหญ่
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวถึงการละสังขารของหลวงตามหาบัว ว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการสงฆ์ เพราะเป็นพระเถระผู้ใหญ่ นอกจากนี้ ยังทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างมาก โดยเฉพาะการทอดผ้าป่าช่วยชาติ ตั้งกองทุน สร้างโรงพยาบาล ตลอดจนเป็นพระที่จะเทศน์สอนให้กับญาติโยมตลอดเวลา
ทั้งนี้ เบื้องต้นศพของหลวงตามหาบัว จะอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์เป็นเวลา 7 วัน มีการตั้งสวดอภิธรรมตามปกติ และคาดว่าน่าจะพระราชทานเพลิงศพประมาณต้นเดือน มี.ค.นี้ โดยในส่วนของ พศ.ได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานี เข้าไปมีส่วนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการเคลื่อนย้ายศพหลวงตามหาบัว ไปให้ศิษยานุศิษย์ได้ทำความเคารพ ซึ่งขณะนี้ พศ.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเกี่ยวกับพิธีธรรม ของหลวงตามหาบัวแล้ว
ด้านพระครูสังฆสิทธิกร หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวแสดงความตกใจทันทีที่ทราบข่าวการละสังขาร เพราะขณะนี้รับกิจนิมนต์อยู่ไต้หวัน ทั้งนี้ เคยไปกราบหลวงตามหาบัว หลายครั้ง รู้สึกเสียดาย เพราะเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นตัวอย่างของการเดินตามรอยพระพุทธองค์ ด้วยความสมถะและยึดถือพระวินัยอย่างเคร่งครัด
นอกจาก จะเป็นพระที่เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธในประเทศแล้วยังแผ่ไพศาลไปยังชาวพุทธนานาประเทศ อย่างไรก็ตาม แม้ร่างของท่านจะละสังขารไปแล้ว แต่คุณงามความดี สิ่งที่ได้ปฏิบัติไว้ ยังคงอยู่ตลอดไป
**เปิดประวัติโดยย่อ"หลวงตามหาบัว"
สำหรับประวัติ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กำเนิดในครอบครัวชาวนาผู้มีอันจะกิน ณ บ้านตาด จ.อุดรธานี เกิดเมื่อ 12 สิงหาคม พ.ศ.2456 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 9 ปีฉลู ณ บ้านตาด อ.หมากแข้ง จ.อุดรธานี บิดานายทองดี โลหิตดี มารดานางแพงศรี โลหิตดี พี่น้องทั้งหมด 16 คน
สมัยเด็กหลวงตา มีศรัทธาเคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้ทำบุญตักบาตรกับผู้ใหญ่อยู่เสมอ ขณะที่ในวัยหนุ่มเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ขยันขันแข็ง ทำงานอะไรทำจริงจังเป็นที่ไว้วางใจของพ่อแม่ในการงานทั้งปวง
สมัยเด็ก หลวงตา มีศรัทธาเคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา โดยได้ร่วมทำบุญตักบาตรกับผู้ใหญ่อยู่เสมอ วัยหนุ่ม เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ขยันขันแข็ง ทำงานอะไรทำจริงๆ จังๆ เป็นที่ไว้วางใจของพ่อแม่ในการงานทั้งปวง เดิมไม่เคยคิดจะบวช เพราะอยากมีครอบครัว แต่มักมีอุปสรรคให้แคล้วคลาดทุกทีไป
เหตุที่บวช เมื่ออายุครบ 20 ปี พ่อแม่ขอร้องให้บวชตามประเพณีอยู่หลายครั้ง ท่านก็ทำเฉย ๆ ตลอดมา ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด ในครั้งสุดท้ายนี้ ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า หวังพึ่งใบบุญจากการบวชของลูกให้ได้ ถึงกับทำให้พ่อแม่น้ำตาร่วง ครั้งนี้ท่านรู้สึกสะเทือนใจและเห็นใจพ่อแม่มาก จึงตัดสินใจ และยอมบวชตามประเพณี เพื่อตอบแทนพระคุณพ่อแม่ โดยตั้งใจไว้ในตอนต้นนี้ว่า จะบวชเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น วันบวช 12 พฤษภาคม พ.ศ.2477 ณ วัดโยธานิมิตร จ.อุดรธานี
พระอุปัชฌาย์ ชื่อ ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พันธุโล)วัดโพธิสมภรณ โดยมีท่านพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล)เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายานามว่า "ญาณสมฺปนฺโน" แปลว่า "ถึงพร้อมแล้วด้วยการหยั่งรู้" ในพรรษาแรกท่านได้ตั้งสัจอธิษฐานว่า ในการทำวัตรเช้า-เย็นรวมและการบิณฑบาต จะไม่ให้มีวันใดขาดเลย และท่านก็ทำได้ตามที่ตั้งคำสัตย์ไว้ เรียนปริยัติ เมื่อได้เรียนหนังสือทางธรรม ตั้งแต่นวโกวาท พุทธประวัติ ประวัติพระสาวกอรหันต์ ที่ท่านมาจากสกุลต่างๆตั้งแต่พระราชา เศรษฐี พ่อค้า จนถึงประชาชน
หลังจากฟังพระพุทธโอวาทแล้วต่างก็เข้าบำเพ็ญเพียร ในป่าเขาอย่างจริงจัง ท่านตั้งสัจจะไว้ว่า จะขอเรียนบาลีให้จบแค่เปรียญ 3 ประโยคเท่านั้น ส่วนนักธรรมแม้จะไม่จบชั้นก็ไม่เป็นไร จากนั้นจะออกปฏิบัติกรรมฐานโดยถ่ายเดียว จะไม่ยอมศึกษาและสอบประโยคต่อไปเป็นอันขาด เรียนจบ ท่านสอบได้ทั้งนักธรรมเอก และเปรียญ 3 ประโยคในปีที่ท่านบวชได้ 7 พรรษา ณ วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ และสถานที่แห่งนี้เอง เป็นที่แรกที่ท่านได้มีโอกาสพบเห็นท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
**ช่วยชาติจนกระทั่งละสังขาร
หลวงตามหาบัว นอกจากกิจด้านการศาสนาที่เต็มไปด้วยปฏิปทาและคุณูปการอันยิ่งใหญ่แล้ว ด้านสังคมสงเคราะห์ที่หลวงตามหาบัว ก็ยังได้เมตตาช่วยชาติในยามวิกฤตเศรษฐกิจ ด้วยโครงการที่หลายคนคุ้นหูคือโครงการ "ผ้าป่าช่วยชาติ" ตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 อันเป็นปีที่ประเทศไทยเริ่มประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้ประเทศไทยพ้นจากภาวะวิกฤตดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ในการนี้มีหน่วยงานต่างๆ จำนวนมากทั่วประเทศ ได้นิมนต์หลวงตามหาบัวไปรับผ้าป่าช่วยชาติโดยหลวงตามหาบัว ตั้งเป้าจะนำ "ทองคำ" เข้าคลังหลวงให้ได้ 10 ตัน หรือ 10,000 กิโลกรัม ซึ่งที่ผ่านมา สินทรัพย์ที่ "โครงการช่วยชาติ โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน" บริจาคตั้งแต่ 12 เมษายน 2541 ถึง 9 มกราคม 2553 ได้นำเข้าคลังหลวงแล้วทั้งสิ้น 15 ครั้ง รวมทองคำและดอลลาร์ที่มอบเข้าคลังหลวงไปแล้วทั้งสิ้น เป็นทองคำ 967 แท่ง น้ำหนักรวม 12,087.50 กิโลกรัม และเงินดอลลาร์ (รวมดอกเบี้ย) จำนวน 10,803,600 เหรียญสหรัฐ.