xs
xsm
sm
md
lg

นอนฟังเครื่องไฟ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เด็ดดอกไม้รายทาง
โดย...อัญชะลี ไพรีรัก

นับว่าการข่าวของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ขี้หมู-ขี้หมา ไก่กาอาราเร่เหมือนพรรคอื่นๆเขา อย่างน้อยการออกมาร้องแรกแหกกระเฌอราวเจ็กตื่นไฟของเทพไท เสนพงศ์ว่า “พันธมิตรฯคิดการณ์ใหญ่ หมายออกบัตรเชิญให้ทหารลากรถถังออกมาปฏิวัติ” ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ลึกล้ำ แต่จะแก้ไขให้รอดพ้นภัยไปถึงเลือกตั้งได้อย่างไรต้องติดตาม

สุ้มเสียงของพรรคประชาธิปัตย์สอดคล้องกับอาการลิงโลดของพรรคเพื่อไทย สายเสื้อแดง ที่ตู่-จตุพร รับหน้าที่ปูดข่าว “ขุนทหาร” เจี๊ยะโต๊ะจีนก่อนวันตรุษจีน แล้วโยนกลองให้เสื้อแดง กลุ่มบอกอ ลายจุดออกมาเสเสร้งเล่นบท “ต่อต้าน”

แต่แท้ที่จริงแล้ววงในพูดกันขรมว่าคนฝ่ายนี้ก็อยาก “ปฏิวัติ” ตัวสั่น พอๆกับอยากเลือกตั้งไม่น้อย เพราะมองไกลๆว่า กฏหมายสำคัญที่เกี่ยวพันกับคดีทักษิณหลายฉบับอาจถูกฉีกด้วยปืนและรถถัง บางทีความผิดของทรราชไร้แผ่นดินจากหนักอาจเป็นเบา ไม่งั้นเจ้าตัวคงไม่ปากบอนทวิตเตอร์เพ้อเจ้อว่า “อีกไม่นานจะกลับมา” …กลับมาในคาร์โก้นะสิไม่ว่า

จับอาการได้ว่าเวลานี้พรรคประชาธิปัตย์เร่งเครื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้รีบจบก่อนครบรอบเผาเมืองในเดือนเมษายนนี้ และดีไม่ดีอาจมียุบสภาก่อนเมษายนเสียด้วยซ้ำ เพื่อชิงความได้เปรียบและ ติดเบรคปฏิวัติ-รัฐประหาร

เมื่อมีสารพัดม๊อบออกมาทุบตีล้อมกรอบอย่างนี้ ทางที่ดีที่สุดก่อนแก้รัฐธรรมนูญเสร็จ จึงต้องส่งท้าวมาลีวราช “พนิช วิกิตเศรษฐ” ศิษย์เก่าร่วมรุ่น “เปรยซอว์” กับ”แซมดินและตายแน่ มุ่งมาจน” ดอดเข้าเจรจากับ “พ่อท่านโพธิรักษ์” และส่ง “พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ” รมว.กลาโหมที่ยืนยันไม่มีปฏิวัติไปจับเข่าคุยกับ “ลุงจำลอง”

ผลที่ออกมาล้มเหลวไม่เป็นท่าทั้งสองสาย ตราบใดที่รัฐบาลยังมองไม่ออกว่า MOU 43 ทำให้ไทยเสียดินแดนอย่างไร

เอาอย่างนี้...เอาง่ายๆให้นายกฯอภิสิทธิ์ไปนอนที่ “ศรีษะอโศก” สักคืน-สองคืน แล้วมองออกไปไกลๆที่ผืนนาป่าร้าง ซึ่งอดีตเคยเป็นของคนไทยได้ไถ-หว่าน แต่มาบัดนี้ไม่มีใครโผล่ออกออกไปทำไร่ไถนาได้ เพราะเขมรรุกเข้ามายืดครองไป และ รุกคืบเข้ามาเรื่อยๆไม่หยุดยั้ง ไม่ใช่แปลงสองแปลง หรือคนสองคน อย่างที่ฝ่ายรัฐเข้าใจ แต่เป็นร้อยเป็นพันหลังคาเรือน และมีจำนวนนับล้านไร่ อย่างนี้ไม่เรียกว่าเสียดินแดนแล้วจะเรียกว่าอะไร จะให้คนเดือดร้อนนั่งเฉยหรือ?

ทีนายกฯเองยังไม่นั่งเฉยเลย...ดูอย่างที่บ้านท่านนายกฯ กลางซอยสุขุมวิท 39 นั่นปะไร ยังมีตำรวจทองหล่อ - ทหารราบ 11 และล้อมรั้วเหล็กกันเสื้อแดงบุกรุก แต่นี่ชาวบ้านชาวช่องเขาไม่มีอะไรสักอย่าง นอกจากชีวิตราคาถูกและจิตใจที่ว่างเปล่าปวดร้าว เขาแค่ต้องการที่ดินทำกินคืนมาจากเขมรจอมเขมืยบ เมื่อรัฐบาลปัดเป่าทุกข์ร้อนให้เขามิได้ ทางเดียวที่ประชาชนมี คือ สิทธิในการชุมนุม!!!

รัฐบาลอภิสิทธิ์โชคดีมากที่มาบริหารประเทศในช่วงที่สังคมไทยอ่อนแอในทุกด้านอย่างถึงที่สุด ดังนั้นเมื่อรัฐนาวาชุดนี้โกงกินกันมโหฬารแค่ไหน ภาคใต้จะลุกเป็นไฟอย่างไร จึงไม่มีใครสนอกสนใจสักเท่าไร แถมเมื่อมีม๊อบมาปิดถนน แค่รถติดนิดติดหน่อยก็บ่นเบื่อ บ่นเหม็น แล้ววันๆ เอาแต่ติดละคร ติดเกม ติดยา และติดสัด ไม่สนใจอ่านหนังสือหนังหาหรือติดตามข่าวสารการบ้านการเมือง ไม่มีแล้วสังคมอุดมการณ์

ดังนั้นอารมย์รักชาติ รักบ้านเกิด และหวงแหนแผ่นดินจึงร่อยหรอ สู้ชวนให้ไปชูป้ายเชียร์เอ เอฟ จะง่ายกว่าให้ออกมา “ทวงคืนแผ่นดิน” หรือ จัดระเบียบประเทศไทย

แต่ประชาธิปัตย์ก็ไม่มีทางตามทันนกรู้อย่าง “ท่านเน” (เรียกตามข้าราชการในสำนักพระราชวัง และ หม่ำ จ๊กมก)ได้แน่ เพราะเวลานี้เขาเตรียมรับมือกับศึกเลือกตั้งจ้าละหวั่น ตั้งแต่โยกย้ายข้าราชการฝ่ายปกครอง ทหารและตำรวจ รวมถึงการซื้อ สส.โสเภณีจากพรรคของเพื่อนต้อนเข้าพรรคตัวเองอย่างทรนงองอาจ

ความยิ่งใหญ่ของท่านเนฯ ดูได้จากการทำเนียนๆ โหมประชาสัมพันธ์ตัวเอง เพื่อเข้าไปยึดพื้นที่สื่อหน้ากีฬา ผ่านสโมสรฟุตบอล และ หน้าบันเทิง จากงบเฉลิมพระเกียรติทั้งหนัง ละคร มัลติมีเดีย และดนตรี ...เหล่านี้เป็นกลยุทธที่เคยเสนอให้ทักษิณทำและประสพความสำเร็จมาแล้ว โดยมี “กู๋” กับ “เฮีย” ช่วยกันคนไม้คนละมือ ถึงตอนนี้ก็ตามมาช่วยท่านเนฯอีกทั้งยังเอามือซ้าย-ขวาของทักษิณมาใช้งานด้วย แล ะเดินตามรอยทักษิณทุกประการ ยกเว้น “ปากบอน”กับ “ล้มเจ้า”

หลังตั้งพรรคใหม่ท่านเนฯจึงเกิดอาการหว่านเงินสกปรกที่โกงชาวบ้านให้หมดไปไม่อั้นกับการเอาอกเอาใจสื่อมวลชนและสร้างสื่อเทียม และ มองการเมืองด้วยหลักการตลาด

ตอนนี้นักการเมืองแทบทุกคนที่ถูกห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และคนรุ่นใหม่ ใช้วิธีนี้กันถ้วนหน้า คือ ซื้อสื่อกระแสหลัก สร้างสื่อเทียมในท้องถิ่น และ ตั้งทีมฟุตบอล ไม่ใช่เพื่ออะไรแต่เพื่อปกป้องตัวเอง เอาใจหัวคะแนน ซื้อเสียง ฟอกเงิน และ จัดตั้งมวลชน ไม่มีอีกแล้วกับการหิ้วเงินสดๆไปซื้อกันจะๆในคืนวันหมาหอน...โบราณ!!!

แต่อะไรที่มากไปก็คงสะดุดเข้าสักวัน เมื่อท่านเนฯ ซึ่งฟาดได้ทุกอย่างไม่เว้นเขากระโดง คงหูเบาหลงเชื่อหมอผีหรือบริวารปัญญาต่ำมากไปหน่อย ดันทะลึ่งไป “ทาสี” องค์พระพุทธรูปหลวงพ่อพระสุภัทรบพิตร พระศักดสิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวบุรีรัมย์ จากขาวเป็นทองอร่าม แถมยังสั่งการให้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนภัทรบพิตร มาเป็นสวนกุหลาบวิทยาลัย บุรีรัมย์!!!

เรื่องเล็กจึงเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อครู อาจารย์และนักเรียนรวมถึงศิษย์เก่าไม่พอใจพากันเดินขบวนประท้วงจนเป็นเรื่องราว ผลคือ ผู้ว่าราชการจังหวัด เด็กท่านเนฯ ออกอาการหน้าเหวอเดินสายเคลียร์ขาขวิด เพราะท่านเนฯ ศิษย์เก่าสวนกุหลาบไม่ยอม ดึงดันจะเอา “สวนกุหลาบ บุรีรัมย์” ให้จงได้…อยากได้อะไรต้องได้...ได้ยินไหม?

กระนั้นประกาศิตท่าเนฯ ยังไม่เท่าโองการของทักษิณ ซึ่งเร็วๆนี้มี “นายทุน” สมัยที่กอดคอกันมาแต่พรรคไทยรักไทยกลุ่มหนึ่งเดินทางไปจับเข่าคุยกับทักษิรถึงดูไบเพื่อพลิกฟื้นความแข็งแกร่งของพรรคเพื่อไทยขึ้นมาใหม่ เอาไว้สู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังมาถึง

นายทุนเงินหนากลุ่มนี้มั่นใจว่า ในภาคพื้นอีสานไม่มีใครเปล่งบารมีเท่าทักษิณและถ้าได้ร่วมมือกับท่านเนฯที่กำลังเรืองอำนาจด้วยแล้วก็เท่ากับ พยัคฆติดปีก ดีๆนี่เอง นายทุนกลุ่มนี้จึงเจรจาหย่าศึกกับท่านเนฯ ...นี่คือที่มาของวาจาน่าคิดของ “อนุทิน” ที่ว่า “ให้อภัยทักษิณเถิด”

ไม่เพียงเท่านี้นายทุนกลุ่มนี้ยังประสานรอยร้าวภายในพรรคเพื่อไทย ใช้เงินกวักมือเรียกสส.หน้าเก่าที่ไปกินวงข้าววงเหล้าของท่านเนฯกลับมาเข้าคอกเดิม ลดทอดอำนาจเฉลิมและดันเจ้มิ่งขึ้นแท่นชั่วคราวในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจฉบับแอ๊บปรองดอง

ทุกประการที่เสนอไป ได้รับการอนุมัติจากทักษิณโดยดี และ ร่วมควักเงินออกมาลงขันกันกองมหึมา ยกเว้นว่า เมื่อชนะการเลือกตั้งแล้ว มีข้อแม้ 3 อย่างคือ 1. ถ้าต้องมีพรรคร่วมไม่เอาประชาธิปัตย์ 2.เรียกพรรคร่วมทุกพรรคมาตั้งรัฐบาลต่อหน้าที่ดูไบ และ 3. ทักษิณเลือกนายกรัฐมนตรีเอง ซึ่งต้องไม่เอา “มิ่งขวัญ” แม้จะรู้ว่าภักดี แต่เก่งแต่ปาก

ฟังหนอนบ่อนไส้ทักษิณคาบข่าวมาฝากแล้วต้องรีบเองกิ่งทับทิมล้างหู ล้างหน้า

ก็ไปเจรจากันเสียขนาดนี้แล้ว ถามพี่ๆขุนทหารที่นอนฟังปราศรัยทุกค่ำคืนด้วยความขื่นขมที่มัฆวานก่อนหรือยัง?

จะหาว่าไม่เตือน...ช่วงนี้ใครว่างๆ ไปเยี่ยมลูกหลานที่เมืองนอกดีกว่ามั้ง อย่ามาเดินเกะกะ เพราะพี่ๆเขาจะจัดระเบียบประเทศไทยกัน

กำลังโหลดความคิดเห็น