เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้(26 ม.ค.)ที่รัฐสภา กลุ่มคนไทยพลัดถิ่นกว่า 10 คน พร้อมด้วย น.ส.รสิตา ชุยยัง เครือข่ายการแก้ปัญหาคืนสัญชาติคนไทย จ.ระนอง จ.ประจวบคีรีขันธ์ (คปคท.)เข้ายื่นหนังสือ ต่อน.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.ในฐานะประธานในฐานะประธานคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและธรรมาภิบาล วุฒิสภา เพื่อทวงถามและเรียกร้องขอให้ สภานำพ.ร.บ.สัญชาติว่าด้วยการคืนสัญชาติให้คนไทยพลัดถิ่น ขึ้นมาพิจารณาให้ทันสมัยประชุมนี้
น.ส.รสิตา กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มคนไทยพลัดถิ่นฯกำลังเดินเท้ามายังรัฐสภาเพื่อมาเรียกร้องโดยจะชุมนุมจนกกว่าร่าง พ .ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งอยู่ในระเบียบวาระสภาในลำดับที่ 52 จะถูกนำขึ้นมาพิจารณา พร้อมกันนี้ขอให้ตั้งคณะกรรมการยกร่างกฎกระทรวงว่าด้วย “การพิสูจน์และรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น” และตั้งคณะกรรมการสำรวจตรวจสอบ แก้ไข ข้อมูลคนไทยพลัดถิ่นในพื้นที่ต่างๆ โดยการมีส่วนร่วมของเครือข่ายฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้คนไทยพลัดถิ่นเหล่านี้ ล้วนเป็นคนสัญชาติไทยตามสืบสายโลหิตทั้งสิ้น
ด้านน.ส.เกติมา ปาทาน อายุ 21 ปี นศ.มหาวิทยาราชภัฏ ปี 4 กลุ่มคนไทยพลัดถิ่น กล่าวทั้งน้ำตาว่า กรณีการไม่มีสัญชาติของตนรวมถึงพี่น้องคนไทยพลัดถิ่น มีปัญหายึดเยื้อเรื้อรัง หลายเรื่อง โดยเฉพาะทางด้านการศึกษา ไม่มีสิทธิ์เข้าไปศึกษาตั้งชั้นอนุบาล ซึ่งตนแม้มีโอกาสได้ศึกษาแต่เมื่อจบการศึกษาจะได้รับปริญญาบัตรหรือไม่ เนื่องจากพวกเราไม่มีเลขทะเบียนประจำตัวใดๆทั้งสิ้น ซึ่งแม้แต่พม่าเข้าเมืองเขายังมีเลขประจำตัวคนต่างด้าว ทำให้ไม่มีสิทธิ์กู้เงินจากสถาบันการเงินทำให้ไม่มีสิทธิ์ได้เรียน การไม่มีบัตรประชาชน ถูกเพื่อนล้อ หรือแม้แต่การแจ้งเกิดแจ้งตาย ก็ไม่มีสิทธิ์แจ้ง เพียงเพราะยังไม่มีสัญชาติไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่มีการแถลงข่าวได้มี ส.ส. และส.ว.ในพื้นที่หลายจังหวัดมารับฟังปัญหา และรวมสมทบทุนบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือการเดินทางมาชุมนุมในครั้งนี้โดย คณะ ส.ว. จำนวน 75,000 บาท คณะ ส.ส.จำนวน 1 แสนบาท
ขณะที่นายธนิตพล ไชยนันท์ ส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวว่า จะรีบผลักดันร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณา ซึ่งวิปรัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนและความชัดเจนในเรื่องการคืนสัญชาติให้ผู้ที่เคยเป็นคนไทย แต่อยากให้ใจเย็นๆ เพราะขณะนี้มีเรื่องค้างที่ให้สภาฯพิจารณาอยู่หลายเรื่อง ที่ยังไม่มีความชัดเจนในการคืนสัญชาติไทยให้นั้นเท่าที่ทราบข้อมูลเนื่องจากมีปัญหาของข้อกฎหมายที่คลุมเครือ ซึ่งจะต้องบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับผู้ปฏิบัติหรือหน่วยราชการในเบื้องต้น ปัญหาของข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ที่ยังไม่ทราบเกี่ยวกับกฎหมายที่ออกมาใหม่และมีจำนวนข้าราชการมีจำนวนไม่พอ เพราะมีคนไทยพลัดถิ่นจำนวนมาก ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐบาลได้ทำการพิสูจน์สัญชาติไทยให้ประชาชนในเขตชายแดนทุกปีเพียงแต่เป็นข้อกฎหมายเก่าทำให้พิสูทธิสิทธิได้ช้า
น.ส.รสิตา กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มคนไทยพลัดถิ่นฯกำลังเดินเท้ามายังรัฐสภาเพื่อมาเรียกร้องโดยจะชุมนุมจนกกว่าร่าง พ .ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งอยู่ในระเบียบวาระสภาในลำดับที่ 52 จะถูกนำขึ้นมาพิจารณา พร้อมกันนี้ขอให้ตั้งคณะกรรมการยกร่างกฎกระทรวงว่าด้วย “การพิสูจน์และรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น” และตั้งคณะกรรมการสำรวจตรวจสอบ แก้ไข ข้อมูลคนไทยพลัดถิ่นในพื้นที่ต่างๆ โดยการมีส่วนร่วมของเครือข่ายฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้คนไทยพลัดถิ่นเหล่านี้ ล้วนเป็นคนสัญชาติไทยตามสืบสายโลหิตทั้งสิ้น
ด้านน.ส.เกติมา ปาทาน อายุ 21 ปี นศ.มหาวิทยาราชภัฏ ปี 4 กลุ่มคนไทยพลัดถิ่น กล่าวทั้งน้ำตาว่า กรณีการไม่มีสัญชาติของตนรวมถึงพี่น้องคนไทยพลัดถิ่น มีปัญหายึดเยื้อเรื้อรัง หลายเรื่อง โดยเฉพาะทางด้านการศึกษา ไม่มีสิทธิ์เข้าไปศึกษาตั้งชั้นอนุบาล ซึ่งตนแม้มีโอกาสได้ศึกษาแต่เมื่อจบการศึกษาจะได้รับปริญญาบัตรหรือไม่ เนื่องจากพวกเราไม่มีเลขทะเบียนประจำตัวใดๆทั้งสิ้น ซึ่งแม้แต่พม่าเข้าเมืองเขายังมีเลขประจำตัวคนต่างด้าว ทำให้ไม่มีสิทธิ์กู้เงินจากสถาบันการเงินทำให้ไม่มีสิทธิ์ได้เรียน การไม่มีบัตรประชาชน ถูกเพื่อนล้อ หรือแม้แต่การแจ้งเกิดแจ้งตาย ก็ไม่มีสิทธิ์แจ้ง เพียงเพราะยังไม่มีสัญชาติไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่มีการแถลงข่าวได้มี ส.ส. และส.ว.ในพื้นที่หลายจังหวัดมารับฟังปัญหา และรวมสมทบทุนบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือการเดินทางมาชุมนุมในครั้งนี้โดย คณะ ส.ว. จำนวน 75,000 บาท คณะ ส.ส.จำนวน 1 แสนบาท
ขณะที่นายธนิตพล ไชยนันท์ ส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวว่า จะรีบผลักดันร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณา ซึ่งวิปรัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนและความชัดเจนในเรื่องการคืนสัญชาติให้ผู้ที่เคยเป็นคนไทย แต่อยากให้ใจเย็นๆ เพราะขณะนี้มีเรื่องค้างที่ให้สภาฯพิจารณาอยู่หลายเรื่อง ที่ยังไม่มีความชัดเจนในการคืนสัญชาติไทยให้นั้นเท่าที่ทราบข้อมูลเนื่องจากมีปัญหาของข้อกฎหมายที่คลุมเครือ ซึ่งจะต้องบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับผู้ปฏิบัติหรือหน่วยราชการในเบื้องต้น ปัญหาของข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ที่ยังไม่ทราบเกี่ยวกับกฎหมายที่ออกมาใหม่และมีจำนวนข้าราชการมีจำนวนไม่พอ เพราะมีคนไทยพลัดถิ่นจำนวนมาก ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐบาลได้ทำการพิสูจน์สัญชาติไทยให้ประชาชนในเขตชายแดนทุกปีเพียงแต่เป็นข้อกฎหมายเก่าทำให้พิสูทธิสิทธิได้ช้า
