xs
xsm
sm
md
lg

ชายแดนเครียด เขมรขนทหารประชิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา-เขมรย่ามใจ เสริมกำลังทหารพร้อมอาวุธ สร้างบังเกอร์ ถนน บ้านพักประชิดชายแดนไทยตลอดแนวด้านปราสาทตาเมือนธม-ตาควาย ส่วนทหารไทยทำได้แค่เตรียมพร้อม ขณะที่พระวิหารตึงเครียดเช่นกัน ทหาร 2 ฝ่ายเตรียมพร้อมเต็มที่ มทภ.2 ย้ำให้เขมรรื้อถอนป้ายแผ่นหินด่าไทยรุกล้ำดินแดนออกโดยเร็วที่สุด ด้านสว.คำนูณ ขอเปิดอภิปรายทั่วไปถกปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา
 
วานนี้ (25 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการเดินทางลงพื้นที่ล่าสุดพบว่า ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ทางทหารกัมพูชาได้สร้างถนนตรงเข้ามายังปราสาทตาเมือนธม พร้อมทั้งสร้างบังเกอร์ ประชิดเข้ามายังตัวปราสาทมากขึ้น โดยบังเกอร์ที่ทหารกัมพูชาสร้างเข้ามาอยู่ห่างจากบันไดขึ้นปราสาทตาเมือนธมเพียง 100 เมตรเท่านั้น และทหารกัมพูชาได้เดินทางเข้ามานั่งพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทหารพราน ประจำฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม กองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 960

แหล่งข่าวทางทหารระบุว่า ทหารกัมพูชาได้ใช้เครื่องจักรกลสร้างถนนเข้ามายังปราสาทตาเมือนธม อยู่ห่างจากตัวปราสาทเพียง 100 เมตร สามารถมองเห็นได้จากตัวปราสาท นอกจากนั้นยังเสริมกำลังทหารกว่า 300 นาย พร้อมอาวุธหนักเข้าประจำการที่ฐานปฏิบัติการบ้านตาเมือนใหม่ ห่างจากปราสาทตาเมือนธมไป 500 เมตร ซึ่งขณะนี้ทหารกัมพูชาได้เร่งทำการก่อสร้างทุกวัน ทั้งบ้านพัก บังเกอร์ ตลอดแนวชายแดนใกล้ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งได้ยินเสียงทหารกัมพูชาและการก่อสร้างต่างๆ อย่างชัดเจนจากฝั่งไทย

ในส่วนทางทหารไทยประจำฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม กองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 960 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้ส่งกำลังทหารพรานเข้าประจำการตลอดพื้นที่ชายแดน ใกล้ปราสาทตาเมือนธม พร้อมกำชับกำลังพลให้อยู่สภาพเตรียมพร้อมในการปฏิบัติงานได้ทุกเวลา

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โดยรวมทั่วไปที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ยังเป็นปกติ ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเข้าเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธมได้โดยมีชุดเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนชาวไทยและนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธมอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งเตรียมจัดสร้างห้องน้ำและห้องสุขาเพื่อความอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวเพิ่มเติมด้วย โดยกำลังพลของกองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 960 ได้ปรับพื้นที่ป่าริมทาง ใกล้ฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม เพื่อสร้างห้องน้ำ สิ่งอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนชาวไทยและนักท่องเที่ยว รวมทั้งขอรับบริจาคจากประชาชนคนไทยผู้รักชาติมาช่วยกันสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ เพื่อแสดงถึงความเป็นเจ้าของดินแดนไทยอย่างแท้จริง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านปราสาทตาควาย บ้านไทยสันติสุข ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้กองทัพภาคที่ 2 และทหารช่าง กองพลทหารราบที่ 6 ได้สร้างเส้นทางเดินเท้าเข้าไปยังปราสาทตาควาย ทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้น จากที่เคยเดินทางด้วยเท้าขึ้นเขา ระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร (กม.) ล่าสุดสามารถเดินทางเท้าเข้าไปยังปราสาทตาควาย ด้วยระยะเพียง 1 กม. ทำให้การเดินทางเข้าออกพื้นที่ปราสาทตาควายสะดวกมากขึ้น

เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปยังปราสาทตาควาย พบว่า พื้นที่ทั่วไปโดยรอบปราสาทตาควายได้มีการแผ้วถางหญ้า ต้นไม้ขนาดเล็กออกไป ทำให้สามารถเดินเที่ยวชมปราสาทตาควายได้สะดวกขึ้น โดยกองร้อยทหารพราน ที่ 2602 และกองร้อยทหารพรานที่ 2606 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้จัดกำลังทหารพราน เข้าดูแลพื้นที่ตลอดเวลา

ส่วนทางฝ่ายทหารกัมพูชาก็ได้สร้างถนนขึ้นเขาเข้ามาจ่อปราสาทตาควาย ห่างจากตัวปราสาทเพียง 50 เมตร พร้อมส่งกำลังทหารและอาวุธเข้าประจำการใกล้ปราสาทตาควายกว่า 50 นาย และได้ก่อสร้างบังเกอร์ที่พักทหารไว้ใกล้ปราสาทตาควาย ซึ่งหากมองจากปราสาทตาควายเข้าไปในฝั่งกัมพูชาก็สามารถมองเห็นเลื่อยยนต์ และการก่อสร้างของทหารกัมพูชาได้อย่างชัดเจน

แหล่งข่าวทางทหารระบุว่า ฝ่ายกัมพูชาพยายามประโคมข่าวว่า ประเทศกัมพูชาเป็นเจ้าของปราสาทตาควาย พร้อมทั้งสร้างถนนเข้ามาใกล้ปราสาทตาควาย ประชิดชายแดนไทย และเปิดให้ชาวกัมพูชาเดินทางเข้ามาชมปราสาทตาควายได้ เป็นผลให้ชาวกัมพูชาเดินทางเข้ามาเที่ยวชมปราสาทตาควายเป็นจำนวนมาก ขณะที่ประชาชนชาวไทยเดินทางเข้ามาเที่ยวปราสาทตาควายค่อนข้างน้อย เพราะยังไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบ

***บริเวณเขาวิหารตรึงเครียด

ส่วนบรรยากาศที่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทหารไทยพร้อมอาวุธปืนครบมือได้ตั้งด่านตรวจเข้มบุคคลที่ผ่านเข้า-ออกบริเวณชายแดนเขาพระวิหาร เนื่องจากสถานการณ์ความไม่ปกติกรณีฝ่ายกัมพูชาจัดทำป้ายประณามทหารไทย ทำให้ทหารไทยมีการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขึ้นไปบริเวณชายแดนเขาพระวิหารอย่างเด็ดขาด

ตรวจสอบสถานการณ์จากแหล่งข่าวสายทหาร เผยว่า จากการตรวจจับความเคลื่อนไหวของกองกำลังกัมพูชาพบว่ามีการเสริมกำลังเข้ามาประชิดชายแดนอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนมากกว่าปกติ ฝ่ายไทยเองขณะนี้ได้มีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาสูงสุด ให้เตรียมความพร้อม 100% และได้มีคำสั่งเรียกกำลังพลที่ลา และหยุดพักกลับเข้ารายงานตัวต่อต้นสังกัดหมดแล้ว ทั้งทหารพราน และทหารลายพราง และมีคำสั่งสำหรับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าบนเขาพระวิหารห้ามลา ห้ามขาดเด็ดขาด พร้อมทั้งสั่งให้ตรวจสอบความพร้อมของอาวุธทุกชนิดทั้งอาวุธหนัก และอาวุธเบา โดยเฉพาะอาวุธประจำกายเพื่อป้องกันเหตุการณ์รุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้

**มทภ.2จี้เขมรถอนป้ายด่าไทยรุกล้ำ

พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงปัญหาที่กัมพูชาขึ้นป้ายประท้วงทหารไทยภายในวัดแก้วสิขาคีรีสวาระ ทางด้านทิศตะวันตกของปราสาทเขาพระวิหารว่า ขณะนี้การดำเนินการอยู่ในช่วงของการประสานงานกับฝ่ายกัมพูชา แต่การดำเนินการจะเป็นไปในทิศทางใดก็ต้องขึ้นอยู่กับทางผู้นำของฝ่ายกัมพูชาที่จะสั่งการออกมา ขอยืนยันว่า สถานการณ์และความสัมพันธ์ระหว่างทหารตามแนวชายแดนทั้งไทยและกัมพูชายังอยู่ในภาวะปกติ

"การสั่งการทุกอย่างของฝ่ายกัมพูชาต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสมเด็จฮุนเซน ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ โดยในเบื้องต้นทางฝ่ายกัมพูชาออกมาอ้างว่า ที่มีการขึ้นป้ายต่อต้านทหารไทยนั้นเป็นการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ในส่วนของฝ่ายทหารก็ไม่มีอำนาจที่จะเข้าไปแก้ไขในส่วนนี้ได้ จึงจำเป็นต้องรอรับคำสั่งจากทางสมเด็จฮุนเซน และกระทรวงการต่างประเทศของฝ่ายกัมพูชาว่าจะดำเนินการจัดการอย่างไรกับปัญหาที่เกิดขึ้น"

แม่ทัพภาที่ 2 กล่าวอีกว่า ในส่วนการดำเนินการของฝ่ายไทยนั้นทางกองทัพภาคที่ 2 ได้ประสานกับทางฝ่ายกัมพูชาเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นว่าให้เร่งรีบดำเนินการแก้ไข แต่ก็ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาว่าต้องเสร็จสิ้นในเวลาใด ซึ่งในรายละเอียดที่ได้รับรายงานมานั้น ป้ายดังกล่าวถูกติดตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2554 ซึ่งเมื่อมีการตรวจพบทางกองทัพภาคที่ 2 ก็ได้มีการประท้วงด้วยวาจากับผู้นำทหารในพื้นที่มาโดยตลอด แต่ได้รับคำตอบว่าการดำเนินการทุกอย่างทางกระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาเป็นผู้ดำเนินการ โดยเป็นการประดิษฐ์ป้ายจากฝั่งกัมพูชาแล้วนำมาติดตั้งในพื้นที่ จากนั้นก็มีการเขียนข้อความที่ก้อนหินภายในวัด ซึ่งเมื่อได้ทราบ ดังนั้น ทางกองทัพภาคที่ 2 ก็ได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศของไทยให้ดำเนินการส่งหนังสือประท้วงเป็นลายลักษณ์อักษรไปแล้ว ส่วนทางกองทัพภาคที่ 2 เองก็จะดำเนินการเจรจาทางทหารควบคู่ไปด้วย

*** ผบ.ทบ.ขอเวลาเจรจาเขมรถอนป้าย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการพูดคุยเจรจากันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น อย่าถามว่าเมื่อไร แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลาพอสมควร หากพูดกันไปมาจะไม่จบ ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงานสักระยะ ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมทำมาโดยตลอด รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งถือเป็น 2 ช่องทางในการเจรจาพูดคุยกัน โดยการแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดนมีอยู่ 3 มาตรการ คือ 1.เจรจา 2.เพิ่มมาตรการ และ 3.การใช้กำลัง

"เราจะข้าม 1 ไป 3 คงไม่ได้ เราอยู่ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ต้องพูดคุยกันให้รู้เรื่อง ประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย ไม่อยากเห็นการสู้รบกันตามแนวชายแดน เจ้าหน้าที่ไม่ว่าฝ่ายใด ไม่ใช่นึกจะทำอะไรก็ทำ คงไม่ได้ จะต้องมีคนรับผิดชอบและมีคนสั่งการ โดยเฉพาะปัญหาระหว่างประเทศเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องสั่งการเป็นความรับผิดชอบ เป็นกรอบเป็นสายการบังคับบัญชาที่ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ได้หมายความว่า เราจะโยนไปให้ใครรับผิดชอบ มันเป็นหน้าที่เป็นกฎหมาย จึงอยากเรียนให้สังคมทั่วไปได้รับทราบ"

***"คำนูณ"ขอเปิดอภิปรายปัญหาไทย-กัมพูชา

นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนและส.ว. ส่วนหนึ่ง ได้ร่วมกันลงชื่อเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่ลงมติ ตามาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญเพื่อให้คณะรัฐมนตรีได้ชี้แจงถึงการบริหารงานราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีภาคประชาชนกำลังเคลื่อนไหวนอกสภาอยู่ในขณะนี้ ส่วนจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาเมื่อไรนั้นขึ้นอยู่กับประธานวุฒิสภาจะประสานไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อกำหนดให้รัฐบาลได้ร่วมประชุม

***ร้องกก.สิทธิฯช่วยเข้าไปทำมาหากิน

นายธิติพัทธ์ เสมาทอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่หนองไทร จ.สระแก้ว พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านหมู่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จำนวน 20 คน กล่าวว่า ได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอให้ช่วยเหลือให้สามารถเข้าไปทำกินในที่ดินที่เป็นข้อพิพาทระหว่างชายไทย-กัมพูชา เพราะตนและชาวบ้านทั้งหมด ถือเอกสารสิทธิ สค.1 สค.2 ในที่ดินบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 46-47-48 ที่ได้รับตกทอดจากบรรพบุรษมาตั้งแต่ปี 2498 รวมพื้นที่ทั้งหมดราว 300-400 ไร่ แต่กลับไม่สามารถเข้าไปทำกินได้ เนื่องจากถูกรัฐบาลและชาวกัมพูชา ยึดพื้นที่มาตั้งแต่ปี 2518 จนถึงปัจจุบัน โดยมีการล้อมรั้วลวดหนาม ทั้งที่ตลอดเวลา 30 ปี ตนและชาวบ้านต่างก็เสียภาษีที่นามาโดยตลอด และเมื่อปลายปี 2553 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ที่ดินจ.สระแก้ว ประกาศว่าให้ชาวบ้านที่ถือครองเอกสารสิทธิ สค.1 สค.2 มายื่นเอกสารสิทธิเพื่อที่ราชการจะออกโฉนดให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้ลงพื้นที่จะไปรังวัดให้กับชาวบ้าน แต่ปรากฎว่าไม่สามารถเข้าไปรังวัดพื้นที่ดังกล่าวได้ เนื่องจากว่าทางการเขมรไม่ยินยอมให้เข้าไป จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกรรมการสิทธิเข้าไปช่วยแก้ปัญหา เพื่อให้ได้พื้นที่ทำกิน เพราะปัจจุบันต้องไปเช่าที่ทำกินอย่างยากลำบาก
นายปริญญา ศิริสารการ กรรมการสิทธิฯ กล่าวว่า จะรับเรื่องไปตรวจสอบ แต่เรื่องดังกล่าวมีความเปราะบาง อ่อนไหว และไม่รู้ว่ารัฐบาลจะกล้าดำเนินการหรือไม่ แต่ท่าทีของรัฐบาลเหมือนเกรงใจฝ่ายกัมพูชา เพราะถ้ามีปัญหาอย่างที่เกิดขึ้นรัฐฐาลก็น่าจะประท้วงหรือทำอะไรสักอย่าง แต่ท่าทีที่ออกมาหน่อมแน้มเหมือนมีอะไรซ่อนเร้น
กำลังโหลดความคิดเห็น