xs
xsm
sm
md
lg

สสปน.ผนึกเอกชนร่างแผนปี55 บี้ของบกว่า1.6พันล.บ.เพิ่มเท่าตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สสปน.ผนึกเอกชนเห็นชอบร่างแผนปฎิบัติงาน หวังบี้ของบประมาณประจำปี 2555 กว่า 1,605 ล้านบาท ดันเป้าหมาย จำนวนและรายได้ให้อุตสาหกรรมไมซ์โต 20-25% อ้างมี 2 อีเว้นต์ใหญ่รออยู่คืองานประชุมโรตารี่ และการประมูลสิทธิ์เจ้าภาพเวิลด์เอ็กซ์โปร์ ชูแผนงานตั้งศูนย์พัฒนาข้อมูลเสริมแกร่งพร้อมสู้ศึกเสรีอาเซียน

วานนี้(25ม.ค.54) การประชุมร่วมระหว่าง สสปน.กับภาคเอกชนในอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อหารือกรอบแผนงานและงบประมาณไมซ์ประจำปีงบประมาณ 255 นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. กล่าวภายหลังการประชุมว่า สสปน.และภาคเอกชนเห็นชอบร่วมกันกับร่างแผนปฎิบัติงานสสปน.เพื่อใช้ประกอบการยื่นเสนอขอกรอบงบประมาณประจำปี 2555
ต่อสำนักงบประมาณ ในวันที่ 1 ก.พ.54 ในวงเงิน 1,605.4965 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนผู้เดินทางกลุ่มไมซ์เข้ามาประเทศไทยในปี 2555 เป็น 828,000 คน สร้างรายได้เข้าประเทศรวมมูลค่า 70,200 ล้านบาท เติบโตจากปี 2554 ไม่น้อยกว่า 15-20% ทั้งจำนวนและรายได้ โดยในส่วนรายได้อาจโตได้ถึง 25% เพราะมีอีเว้นใหญ่คืองานประชุมโรตารี่สากล

***แจงงบเพิ่มเพราะ มี 2 อีเว้นต์ใหญ่***
ทั้งนี้จากกรอบวงเงินงบประมาณดังกล่าว เป็นวงเงินที่เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2554 ที่ สสปน.ได้รับจัดสรรมาทั้งสิ้น 788 ล้านบาท ทั้งนี้เพราะ ในปี 2555 จะมีโครงการจัดงานใหญ่ 2 งาน ซึ่งต้องใช้เงินเพื่อสนับสนุนมากถึง 530 ล้านบาท ได้แก่ 1. ร่วมสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมโรตารี่ อินเตอร์เนชั่นนัล 2012 คาดว่าจะต้องใช้งบเพื่อสนับสนุนหน่วยงานต่างๆ 230 ล้านบาท คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประชุมราว 30,000 คน และมั่นใจว่าไทยจะได้ประโยนช์ในการต่อยอดธุรกิจภายหลังการเสร็จสิ้นงานไปแล้วด้วย 2.ใช้เพื่อเตรียมงานเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน เวิลด์เอ็กซ์โปร์ 2020 วงเงิน 300 ล้านบาท เพื่อใช้ทำงานด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ประเทศไทย ให้ต่างประเทศทั่วโลกได้รู้จักเพื่อให้การสนับสนุนประเทศไทย

“วงเงิน กว่า 1,605 ล้านบาท เมื่อหักลบกับเงินที่จะสนับสนุน 2 อีเว้นใหญ่ 530 ล้านบาท ก็จะเหลือเป็นงบปกติประจำปี 1,075 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2554 ราว 30% ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนการเพิ่มของจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์และรายได้ที่จะเข้าประเทศตามที่ สสปน.ตั้งไว้นับว่าคุ้มค่าเฉลี่ยแล้วรัฐลงทุนเพียง 2,000 บาทต่อหัวแต่มีรายได้กลับคืนมา 46 เท่าโดยการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์เฉลี่ยที่ 90,000 บาทต่อคนต่อทริป”

โดยวงเงินที่เสนอขอจะแบ่งเป็นงบบริหารงาน 177.39 ล้านบาท หรือ 11.05% ของงบรวม และเป็นงบเพื่อดำเนินการตามภารกิจของสสปน. 1,428.10 ล้านบาท คิดเป็น 88.95% ของงบรวมในจำนวนนี้เป็นงบดึงงานเข้า ประเทศ 807.85 ล้านบาท งบประชาสัมพันธ์ 317.05 ล้านบาท และงานด้านการพัฒนา 249.20 ล้านบาท

***ตั้งของบโดเมสติกไมซ์ปีแรก***
อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ 2555 สสปน.ได้มีการจัดทำกรอบงบประมาณสำหรับกระตุ้นตลาดในประเทศ หรือโดเมสติกไมซ์ อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก เพื่อเตรียมรองรับการตั้งแผนส่งเสริมการประชุมภายในประเทศอย่างเป็นทางการ พร้อมมีกรอบแผนการทำงานซึ่งบรรจุอยู่ในแผนปฎิบัติงาน ที่หารือร่วมกับภาคเอกชนในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน โดยที่ผ่านมาการส่งเสริมโดเมสติกไมซ์ มาจากการจัดสรรงบบ้างส่วนของสสปน. และ งบพิเศษจากรัฐบาล เพื่อให้อุตสาหกรรมไมซ์ได้มีส่วนช่วยฟืนื้ฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งได้พบว่าตลาดนี้มีศักยภาพสูง มีอัตราเติบโตดี จากตัวเลขปี 2552 เม็ดเงินที่ได้จากโดเมสติกไมซ์ อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท และปี 2553 คาดว่าเติบโตเท่าตัว

***ตั้งศูนย์ข้อมูลเสริมแกร่งรับศึกอาเซียน***
สำหรับแผนปฎิบัติงานภายใต้กรอบงบประมาณปี 2555 ซึ่งเห็นชอบร่วมกันระหว่างสสปน.และเอกชนในอุตสาหกรรมไมซ์ ได้แก่ การพัฒนาฐานข้อมูลอุตสาหกรรมไมซ์ทั้งระบบ(Intelligence Center) งบจั้ตั้งเบื้องต้น 50 ล้านบาท เพื่อการใช้ประโยชน์ต่อภาครัฐและเอกชน โดยเป็นโครงการต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาขีดความสามารถให้ไทยมีความพร้อมแข่งขันภาหลังการเปิดเสรีอาเซียนในปี 2558ซึ่งจะต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นอีกราว 5-10 เท่า, การจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการในภาวะวิกฤติ หรือ ไครซีทแมเนจเม้นต์ เซ็นเตอร์ ใช้งบ 10 ล้านบาท, โครงการพัฒนาบุคคลากรในอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE Education) เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจและรองรับการเปิดเสรีอาเซียน โดยต้องจัดทำหลักสูตรไมซ์ทั้งในระดับอาชีวัศึกษาและอุดมศึกษา โดยข้อมูลทั้งหมดจะจัดทำร่วมกับสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย)หรือทิก้า, สมาคมอุตสาหกรรมนิทรรศการระดับโลก (UFI) ,สทท. ,ททท, และ สมาคมโรงแรมไทย เป็นต้น

***จี้คลังบังคับหน่วยราชการจัดประชุมในประเทศ***
ส่วนงานส่งเสริมตลาดโดเมสติกไมซ์ จะเน้นสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกับสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม และ หน่วยงานรัฐ องค์กรปกคอรงท้องถิ่น ในการส่งเสริมให้เดินทางประชุมภายในประเทศ ซึ่งสสปน.จะต้องจัดแคมเปญให้อินเซนทีฟเพื่อจูงใจในแต่ละหน่วยงานให้เลือกเดินทางจัดประชุมสัมนาภายในประเทศ รวมถึงการประสานไปยังกระทรวงการคัลง และ สภาผู้แทนราษฎร ถึงการออกข้อบังคับให้หน่วยราชการจัดประชุมภายในประเทศด้วย นอกจากนั้นยังต้องเร่งผลักดันให้ระเบียบข้อบังคับเรื่องค่าใช้จ่ายค่าอาหาร ที่พัก คอฟฟี่เบรค ที่รัฐบาลได้ปรับราคากลาขึ้นแล้ว ให้มีผลฃบังคับใช้ โดยจากห้องพักคืนละ 800 บาทต่อคน เพิ่มเป็น 1,200-1,500 บาท เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น