xs
xsm
sm
md
lg

ยื่นฎีกาขอประกัน“วีระ” มาร์คหวั่นเกมเขมรยื้อคดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ยื่นฎีกาขอประกันตัว “วีระ สมความคิด” แล้ว คาดใช้เวลา 5 วันรู้ผล “มาร์ค”สั่งใช้ทุกช่องทางช่วยเหลือ ส่ง”กต.-กลาโหม” ช่วยประสาน หวั่นเกมเขมร ยื้อคดี 7 คนไทย ไม่ส่งผลดี “เทือก”ผิดหวังศาลเขมรยื้อคดียาวเกินไป ลุ้นวันนี้เขมรพิพากษา 1 ก.พ.หรือไม่ ม็อบหัวใจรักชาติ “วีระ”เสียสละให้ 6 คนไทยประกันตัว บุกสตช.ร้องรวบ “ไชยวัฒน์” เกินกว่าเหตุ

วานนี้(20 ม.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีคดีของคนไทยทั้ง 7 ที่ถูกดำเนินคดีที่ประเทศกัมพูชา ว่า หลังจากได้รับแจ้งว่าจะพิพากษาคดีดังกล่าวในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ เจ้าหน้าที่ทุกระดับที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ได้ประสานพูดคุยกันเพื่อที่จะร้องขอให้พิพากษาคดีให้เร็วขึ้นได้หรือไม่ ทั้งนี้เพราะวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ทิ้งระยะเวลานานเกินไป

ส่วน นายวีระ สมความคิด ขณะนี้ทนายความกำลังดูข้อกฎหมาย เพราะกฎหมายกัมพูชาบางข้อหาไม่สามารถให้ประกันตัวได้ อย่างไรก็ตามทนายความชาวกัมพูชาของฝ่ายไทยได้ยื่นฎีกาต่อศาลสูงสุด เพื่อขอประกันตัวนายวีระ แล้ว คาดว่าจะใช้เวลาประมาณประมาณ 5 วัน เหมือนกับศาลชั้นต้น จึงจะทราบผล

นายชวนนท์ กล่าวว่า ส่วนผลการหารือระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 20 ม.ค. เป็นการรายงานการทำงานในเรื่องดังกล่าวว่า ที่ผ่านมาดำเนินการอย่างไรบ้าง และจะทำอย่างไรให้คนไทยทั้ง 7 คน ได้รับความช่วยเหลือโดยเร็ว รวมทั้งหารือว่า มีทางใดที่ให้ศาลพิพากษาคดีเร็วที่สุด

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กำชับให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมไปหารือ เพื่อใช้ทุกช่องทางที่มีอยู่ในการช่วยเหลือทั้ง 7 คนให้กลับมาเร็วที่สุดและปลอดภัย อย่างไรก็ตาม แนวทางช่วยเหลือที่เคยพูดคุยกันไว้ คือ ขออภัยโทษและโอนตัวนักโทษ ขณะนี้ยังถือว่าไกลไปที่จะพูดเพราะยังไม่รู้ผลคำพิพากษา

ส่วนกรณีที่มีข่าวระบุว่า กัมพูชาได้นำป้ายหินอ่อนมาติดไว้บริเวณวัดแก้วสิขาคีรีสวารา มีเนื้อความเป็นภาษากัมพูชาแปลได้ว่า “จุดนี้เป็นที่ซึ่งคนไทยเคยรุกล้ำเข้ามา” นายชวนนท์ กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมทราบเรื่องแล้ว และกำลังดำเนินการทำความเข้าใจกับทางฝ่ายกัมพูชาว่า สิ่งใดที่จะเป็นเงื่อนไขให้เกิดความไม่เข้าใจกันให้ลดลง ซึ่งเรื่องดังกล่าวในระดับพื้นที่จะเจรจาทำความเข้าใจกันก่อน

**หวั่นยื้อคดี 7 คนไทย ไม่เป็นผลดี

เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมได้ประสานงานและรายงานความก้าวหน้าเพื่อดำเนินการต่อ ซึ่งในวันที่ 21 ม.ค.นี้จะสรุปอีกครั้งหนึ่ง

สว่นที่เขมรระบุว่า อาจจะให้มีการตัดสินคดีในวันที่ 1 ก.พ. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรากำลังประสานงาน โดยให้เขาเห็นถึงความเร่งด่วนว่าการที่ปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อนั้น ไม่น่าจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย เพราะฉะนั้นทั้งสองกระทรวงก็ทำงานอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากกัมพูชาอ้างว่าเป็นกระบวนการภายในจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราคงไม่ไปแทรกแซงเขาโดยตรง แต่เราก็คุยและเป็นเรื่องภายในของเขา เมื่อถามว่า ทางกัมพูชามีการแถลงนัดวันพิจารณาคดีแล้วเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันที่21 ม.ค.นี้ก็จะทราบ ส่วนข่าวที่ออกมาว่าอยู่ในการพิจารณาหรือการตัดสินนั้นยังไม่มีความชัดเจน เมื่อถามว่า เป็นไปได้ประสานให้เร็วขึ้นในสัปดาห์หน้าได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราพยายามประสานให้เห็นว่าหากสถานการณ์ยืดเยื้อจะไม่เป็นผลดี อะไรที่สามารถทำได้ก็ควรจะทำ

**กห.-กต.เร่งหาทางช่วย 7 คนไทย

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศติดตามเรื่องนิ้โดยได้สื่อสารไปแล้ว และนายกฯ ได้เน้นย้ำว่าการที่จะทำให้เกิดความก้าวหน้าและชัดเจนในคดีนั้น จะเป็นผลดีกับ 2 ประเทศ และหวังว่าจะได้รับการตอบรับในวันนี้ ส่วนที่ศาลกัมพูชาจะตัดสินคดี7คนไทยในวันที่1ก.พ.นั้นก็ถือเป็นกระบวนการของเขา แต่เราก็อยากให้เกิดความชัดเจนเร็วกว่านั้น เพราะจะเป็นผลดีกับ7คนไทยที่ต้องต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชา และคงต้องขอเลี่ยงที่จะให้ความเห็นที่จะกระทบกระเทือนและยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการภายในของกัมพูชา

“เคสที่น่าจะนำมาใช้ได้คือผู้ต้องหาที่ต้องคำพิพากษาแล้ว โดยเรื่องนี้ 2 ประเทศเคยเซ็นแลกเปลี่ยนตัวนักโทษกัมพูชาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว คือ 3 ผู้ต้องหาของไทยในคดีทางภาคใต้ แต่คดีนี้ยังไม่ชัด และต้องรอคำตัดสินของศาลก่อน และรอการสื่อสารและแนวโน้มระหว่าง 2 ประเทศที่ควรถามทางกระทรวงการต่างประเทศที่เกาะติดเรื่องนี้ แต่นโยบายนั้นยังไม่เปลี่ยนเพราะเราต้องการช่วยเหลือคนไทยทั้ง 7 คน”นายปณิธานกล่าว

**กต.สิงคโปร์ถามปัญหาไทย-กัมพูชา

นายปณิธาน กล่าวว่า วันเดียวกันนี้ นายจอร์จ โยว รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ ได้เข้าพบนายกฯ และสอบถามเรื่องนี้โดยนายกฯยืนยันว่า จะพยายามให้ปัญหายุติลงโดยเร็ว ขณะเดียวกันประคับประคองไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในภาพรวม และมั่นใจว่าไม่กระทบกระเทือนต่อความสัมพันธ์ในอาเซียน

**“เทือก”ผิดหวังศาลเขมรยื้อคดี

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ตนได้ติดตามและพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตามรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เห็นว่าศาลกัมพูชานัดพิพากษาพิจารณาคดีในวันที่ 1 ก.พ. ซึ่งรู้สึกว่ามันยาวเกินไป และได้แต่หวังว่าฝ่ายกัมพูชาจะได้ทบทวนเพื่อให้กระบวนการทางศาลจบเร็วขึ้น

ที่ตนพูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าจะไปวิพากษ์วิจารณ์อะไร แต่พูดด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะเป็นประเทศเพื่อนบ้านด้วยกัน และวันนี้ก็เห็นข่าวพม่าจับกุมคนไทย 8 คนอีก หากเราทะเลาะกับประเทศรอบบ้านเราก็ไม่รู้จะอยู่อย่างไร เราต้องพยายามพูดคุยกันและต้องให้ประเทศเพื่อนบ้านเข้าใจเราด้วย คงต้องเหนื่อยกันหน่อย

**วีระยอมเสียสละให้6คนได้ประกันตัว

นายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ แถลงความคืบหน้ากรณีการช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และคนไทย 6 คน ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมว่า หลังจากที่นายการุณ ใสงาม นายณฐพร โตประยูร และ ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ เดินทางไปกัมพูชา และได้พบพูดคุยกับนายวีระ และคนไทยทั้ง 6 คน ซึ่งนายวีระ นางราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ และนางนฤมล จิตรวะรัตนา ยืนยันจะสู้คดีต่อ โดยมอบหมายให้นายณัฐพร เป็นผู้จัดหาทนายความชาวกัมพูชาและล่ามให้ ซึ่งไม่ใช่ทนายความที่ทางสถานทูตไทยในกัมพูชาจัดให้

ทั้งนี้ นายวีระได้ฝากคำพูดมายังเครือข่ายว่า ยืนยันว่าตนนั้นถูกจับบนแผ่นดินไทย ที่ต้องเข้าไปเพราะชาวบ้านร้องเรียนมาว่ามีใบสค. 1 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยูเอ็น เอสซีอาร์ เคยใช้เป็นศูนย์อพยพชั่วคราว และนายวีระขอเสียสละให้คนไทยอีก 6 คนได้รับการประกันตัว โดยเจ้าตัวจะขอต่อสู้คดีต่อเพียงคนเดียว นอกจากนี้นายวีระยังฝากขอบคุณคนไทยทั้งประเทศที่ให้กำลังใจ และขอยืนยันว่าจะขอต่อสู้ทุกคดี ทั้งบุกรุกเขตแดน เข้าพื้นที่ทหาร และจารกรรมข้อมูล แม้ว่าจะใช้เวลานานเท่าใดก็ตาม

**”มาร์ค”สั่ง ตร.เคลียร์วันละ 2 รอบ

อีกด้านหนึ่งเรื่องการชุมนุมของ “เครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ”หน้าทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องพยายามเปิดการจราจรให้ได้เป็นปกติ ซึ่งได้บอกไปแล้วว่า การชุมนุมไม่ควรจะเป็นการรบกวนประชาชนทั่วไป ขณะนี้ตนได้ย้ำกับเจ้าหน้าที่วันละ 2 รอบ ให้พยายามเปิดพื้นที่การจราจรให้เป็นปกติให้ได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ใช้วิธีการเจรจาอยู่

เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ เพราะในวันที่ 23 ม.ค.กลุ่มคนเสื้อแดง ก็จะมีการมาชุมนุมในบริเวณใกล้เคียง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนได้บอกกับเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่า ถ้าไม่เร่งดำเนินการก็จะเป็นปัญหาในระยะยาว ก็ต้องพยายามไปทำความเข้าใจ ก็มีการรายงานว่ามีความคืบหน้าไปโดยลำดับ และพยายามให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด เมื่อถามว่า ไม่กลัวถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกเดียวกันจึงปล่อยให้อยู่อย่างนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ไม่หรอกครับ พวกเดียวกันคงไม่พูดถึงกันอย่างนี้หรอกครับ”

**“เทือก” ติงม็อบคนไทยฯอย่าขยายผล

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง กล่าวว่า การปิดถนนในประเทศไทยเพื่อกดดันกัมพูชาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คนไทยคงรู้สึกไม่ดี และ ตนได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ไปดูแล ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ดำเนินการตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก ตนไม่อยากให้เหตุการณ์ในบ้านเมืองกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่เอาเรื่องเล็ก ไปขยายเป็นเรื่องใหญ่ ขยายจนไปเป็นปัญหาของบ้านเมือง อย่างไรก็ตามตนเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทน และต้องมุ่งมั่นรักษากฎหมา ยปกป้องคนส่วนใหญ่ไว้ให้ได้ ทั้งนี้ตนจะติดตามดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ หากสั่งการไปแล้วประชาชนยังเดือดร้อนอยู่ ก็คงต้องเรียกมาทบทวน

เมื่อถามว่า กลุ่มคนเสื้อแดงก็เตรียมนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันที่ 23 ม.ค. เกรงว่าจะมีการเอาแบบอย่างในการปิดถนนหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่พวกเราต้องช่วยกันแก้ไข และทางเจ้าหน้าที่คงต้องพูดจาทำความเข้าใจกันต่อไป

**ม็อบหน้าทำเนียบยอมเปิด 1 ช่องทางให้สัญจร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุม เป็นวันที่ 6 ที่หน้าทำเนียบฯ ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักและตั้งเต๊นท์อยู่สองฝั่งถ.พิษณุโลก โดยแกนนำได้ผลัดกันขึ้นปราศรัยอย่างต่อเนื่อง และกล่าวโจมตีรัฐบาล กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจับนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ สำหรับการจราจรตั้งแต่แยกพาณิชยการ ถึงสวนมิสกวัน ทางกลุ่มเครือข่ายฯ ได้เปิดช่องจราจรให้ประชาชนสัญจร ผ่านได้ 1 ช่องทาง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เจรจาเพื่อขอให้กลุ่มเครือข่ายฯ เปิดช่องจราจร 2 ช่องทาง โดยมีการนำแผงเหล็กมากั้นไว้ สำหรับ การจราจรนั้นจะเปิดให้ประชาชนผ่านได้ 2 ช่วงเวลา คือ 06.00-10.00 น. และ 15.00-18.00 น. เท่านั้น

**ม็อบบุกสตช.ร้องจับไชยวัฒน์เกินเหตุ

เมื่อเวลา 13.00 น. กลุ่มเครือข่ายกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ได้เคลื่อนขบวนไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อร้องเรียนกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมนายไชยวัฒน์ทำการกระทำเกินกว่าเหตุ

ขณะที่ช่วงเช้ากลุ่มเครือข่ายฯ ได้เปิดคลิปวิดีโอที่อ้างว่าเป็นภาพการเข้าจับกุมนายไชยวัฒน์ และนายสมบูรณ์ ที่ร้านอาหารเอ็มเคสุกี้ สาขาโลตัสพระราม 1 เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า การจับกุมตัวครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำเกินกว่าเหตุและถือว่าหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นคนอย่างมาก เครือข่ายจึงมีมติคัดค้านการฝากขังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่แค่นำตัวนายไชยวัฒน์ไปสอบสวนแล้วต้องปล่อยตัว แต่กลับขออำนาจศาลฝากขัง ทั้งนี้ มอบหมายให้นายณฐพร โตประยูร ทำหน้าที่ทนายเพื่อยื่นอุธรณ์ต่อศาลให้ปล่อยตัวนายไชยวัฒน์ และนายสมบูรณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงนางสาวพรทิพา ได้แสดงใบรับรองแพทย์ระบุว่าตนเองได้รับบาดเจ็บจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมนายไชยวัฒน์ โดยจะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับผิด โดยจะต่อสู้ตามขั้นตอนกฎหมาย นอกจากนี้ นางสาวพรทิพา ยังกล่าวพาดพิงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นญาติกับแม่ของตน และตนก็รู้เบื้องหลังของนายสุเทพดี

**ผบ.เรือนจำ สั่งจัดระเบียบแกนนำ

วันเดียวกันนายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เรือนจำได้จัดระเบียบผู้ต้องหา2แกนนำกลุ่มเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในแดนที่ 1 โดยกำหนดเวลาการเข้าเยี่ยมให้เป็นคนละช่วงเวลากับประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาเข้าเยี่ยมแกนนำ กลุ่ม นปช.ที่ถูกคุมขังไว้ก่อนหน้านี้ เพราะเกรงว่าอาจเกิดการปะทะกันได้ จึงได้จัดเวลาเข้าเยี่ยม โดยกลุ่มนปช. สามารถเยี่ยมแกนนำได้ตั้งแต่เวลา 11.00-11.30น. ทุกวันนับจากนี้ ส่วนกลุ่มประชาชนคนไทยให้เข้าเยี่ยมได้ในช่วงเวลาประมาณ 13.00น. เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน หรือทะเลาะเบาะแว้งกัน
ทั้งนี้ที่ปรึกษากฎหมายกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ได้ยื่นอุธรณ์คำสั่งศาลอาญาที่ยกคำร้องขอประกันตัว นายไชยวัฒน์ และ นายสมบรูณ์ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น