ASTVผู้จัดการรายวัน - “เมอร์ค” มั่นใจตลาดไทย เพิ่มงบลงทุนเท่าตัวเป็น 6 พันล. หวดันไทยฮับกระจายสินค้าและเคมีภัณฑ์
นายคาร์ล ลุดวิก ไคลย์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท เมอร์ค เคจีเอเอ ประเทศเยอรมัน กล่าวในโอกาสมาเยือนประเทศไทยว่า บริษัทฯเชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะธุรกิจด้านอาหารและยาในประเทศไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจด้านอาหารที่ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการผลิตอาหาร ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเรากระจายไปสู่ธุรกิจหลายแขนง รวมทั้งอาหารด้วย
แผนลงทุนใน 3 ปีจากนี้ เมอร์คจะเพิ่มการลงทุนจากปัจจุบันที่ใช้งบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปีไปเป็น 2,000 ล้านบาทต่อปี (หรือเพิ่มขึ้นรวม 3,000 ล้านบาทรวมเป็น 6,000 ล้านบาท) โดยการลงทุนนั้น ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนด้านบุคลากร ทั้งนี้เพราะผลิตภัณฑ์ของเมอร์คนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อให้เป้าหมายยอดขาย 4,000 ล้านบาทใน 3 ปีข้างหน้าบรรลุผล
บริษัท เมอร์ค จำกัด ก่อตั้งขึ้นในไทยเ ปี2534 โดยร่วมทุนระหว่างบริษัท เมอร์ค เคจีเอเอ ประเทศเยอรมนี และกลุ่ม บี กริม (ประเทศไทย) ถือเป็นการขยายกิจการของกลุ่มบริษัท เมอร์ค ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในประเทศเยอรมนี ที่มียอดขายถึง 7.7 พันล้านยูโรในปี 2552 และมีประวัติยาวนานถึง 343 ปี มีพนักงานประมาณ 40,000 คน ใน 64 ประเทศทั่วโลก เมอร์ค ประเทศไทย เป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ และเวชภัณฑ์ เพื่อจัดจำหน่ายให้กับโรงพยาบาล สถาบันการศึกษา และอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทย โดยมีธุรกิจหลัก 2 ส่วน ได้แก่ฝ่ายเคมีภัณฑ์ สัดส่วน 45% และฝ่ายเวชภัณฑ์ สัดส่วน 55% โดยเมื่อปี 2553 มียอดขายในประเทศไทยประมาณ 2 พันล้านบาท
ปัจจุบัน 80% ของเวชภัณฑ์ที่จำหน่ายในไทยผลิตภายในประเทศ ขณะที่เคมีภัณฑ์นำเข้า 100% มีศูนย์กระจายสินค้าที่ย่านบางปู ที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดของเมอร์ค โดยนับจากนี้ประเทศไทยจะเป็นฐานการกระจายสินค้าไปยังประเทศใกล้เคียงได้แก่พม่า ลาว กัมพูชาและจีนตอนใต้
“เรื่องการเปิดเสรีอาเซียนในอีก 5 ปีข้างหน้า เราปรับองค์กรรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยประเทศสิงคโปร์จะเป็นศูนย์กลางด้านห้องปฏิบัติการ ส่วนไทยจะเป็นศูนย์กลางทางด้านเคมีภัณฑ์ และอีกด้านหนึ่งเริ่มศึกษากลยุทธ์ในการรุกตลาดอาเซียน เพื่อใช้ปี 2012 – 2020” นายไคลย์กล่าว
นายคาร์ล ลุดวิก ไคลย์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท เมอร์ค เคจีเอเอ ประเทศเยอรมัน กล่าวในโอกาสมาเยือนประเทศไทยว่า บริษัทฯเชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะธุรกิจด้านอาหารและยาในประเทศไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจด้านอาหารที่ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการผลิตอาหาร ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเรากระจายไปสู่ธุรกิจหลายแขนง รวมทั้งอาหารด้วย
แผนลงทุนใน 3 ปีจากนี้ เมอร์คจะเพิ่มการลงทุนจากปัจจุบันที่ใช้งบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปีไปเป็น 2,000 ล้านบาทต่อปี (หรือเพิ่มขึ้นรวม 3,000 ล้านบาทรวมเป็น 6,000 ล้านบาท) โดยการลงทุนนั้น ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนด้านบุคลากร ทั้งนี้เพราะผลิตภัณฑ์ของเมอร์คนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อให้เป้าหมายยอดขาย 4,000 ล้านบาทใน 3 ปีข้างหน้าบรรลุผล
บริษัท เมอร์ค จำกัด ก่อตั้งขึ้นในไทยเ ปี2534 โดยร่วมทุนระหว่างบริษัท เมอร์ค เคจีเอเอ ประเทศเยอรมนี และกลุ่ม บี กริม (ประเทศไทย) ถือเป็นการขยายกิจการของกลุ่มบริษัท เมอร์ค ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในประเทศเยอรมนี ที่มียอดขายถึง 7.7 พันล้านยูโรในปี 2552 และมีประวัติยาวนานถึง 343 ปี มีพนักงานประมาณ 40,000 คน ใน 64 ประเทศทั่วโลก เมอร์ค ประเทศไทย เป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ และเวชภัณฑ์ เพื่อจัดจำหน่ายให้กับโรงพยาบาล สถาบันการศึกษา และอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทย โดยมีธุรกิจหลัก 2 ส่วน ได้แก่ฝ่ายเคมีภัณฑ์ สัดส่วน 45% และฝ่ายเวชภัณฑ์ สัดส่วน 55% โดยเมื่อปี 2553 มียอดขายในประเทศไทยประมาณ 2 พันล้านบาท
ปัจจุบัน 80% ของเวชภัณฑ์ที่จำหน่ายในไทยผลิตภายในประเทศ ขณะที่เคมีภัณฑ์นำเข้า 100% มีศูนย์กระจายสินค้าที่ย่านบางปู ที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดของเมอร์ค โดยนับจากนี้ประเทศไทยจะเป็นฐานการกระจายสินค้าไปยังประเทศใกล้เคียงได้แก่พม่า ลาว กัมพูชาและจีนตอนใต้
“เรื่องการเปิดเสรีอาเซียนในอีก 5 ปีข้างหน้า เราปรับองค์กรรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยประเทศสิงคโปร์จะเป็นศูนย์กลางด้านห้องปฏิบัติการ ส่วนไทยจะเป็นศูนย์กลางทางด้านเคมีภัณฑ์ และอีกด้านหนึ่งเริ่มศึกษากลยุทธ์ในการรุกตลาดอาเซียน เพื่อใช้ปี 2012 – 2020” นายไคลย์กล่าว
