“อำนวย”เผยคดี“แพรวา”ซิ่งซีวิคเสยรถตู้ตกโทลล์เวย์จนมีผู้เสียชีวิตรวม 9 ศพ ชัดเจนไม่มีเงื่อนงำ รับประเด็นสำคัญอยู่ที่การเจรจาค่าเสียหาย ส่วนรถซีวิคคันเจ้าปัญหาไม่มีการสวมทะเบียน และเจ้าของให้เพื่อนยืมไปอีกต่อ คนให้แพรวายืมรถหลบสื่อดอดเสียค่าปรับ
วานนี้(19 ม.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานสอบสวน เปิดเผยถึงความคืบหน้าสำนวนคดีที่ น.ส.อรชร หรือแพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา อายุ 17 ปี ขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิคสีขาว ชนท้ายรถตู้โดยสารบนทางด่วนโทลล์เวย์ ก่อนถึงทางลงบางเขน ฝั่งขาเข้า ทำให้มีผู้โดยสารในรถกระเด็นออกมาเสียชีวิตทั้งหมด 9 ราย และบาดเจ็บอีกหลายราย เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า การสอบสวนคดีดังกล่าวมีความคืบหน้าไป 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเจ้าของรถเก๋งฮอนด้าซีวิคสีขาวได้ติดตามมาสอบปากคำแล้ว ส่วนคนที่ให้ยืมรถไปหรือครอบครองรถครั้งสุดท้ายก่อนที่จะให้ น.ส.แพรวา ขับรถคันดังกล่าวไปนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามตัวมาสอบปากคำแล้วพนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาเพื่อแจ้งข้อหา ว่าให้คนที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่นำรถไปใช้ มีอัตราโทษปรับ 2,000 บาท สำหรับคดีนี้ จุดสำคัญของคดีคือการเจรจาค่าเสียหาย โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดประชุมผู้ที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด ได้แก่ ญาติผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ญาติเจ้าของรถคันที่เสียหาย ฯลฯ
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า หลังจากนี้ไปคาดว่าทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะติดต่อผ่านตนเพื่อนัดกับฝ่ายของ น.ส.แพรวา เพื่อนัดวันเจรจา ซึ่งจะจัดเตรียมความเรียบร้อยไว้ให้ ขณะนี้รอการนัดหมายจากทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าพร้อมที่จะนัดการเจรจาเมื่อใด และทางฝ่ายญาติของ น.ส.แพรวา ยินดีที่จะชดใช้ค่าเสียหาย ส่วนสำนวนที่ยังค้างอยู่คือเรื่องผลการตรวจพิสูจน์บาดแผล ชันสูตรศพ เพราะยังมีผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ คงต้องรอดูผลอีกสักระยะ ซึ่งหากแพทย์รายงานผลมาให้ตำรวจและสอบปากคำคาดว่าคดีก็จะเสร็จสิ้นทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่าการยืมรถเก๋งฮอนด้าซีวิคสีขาว มีการยืมกันกี่ทอด พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนว่า เจ้าของรถให้นายบอย (นามสมมติ) ยืม และจากบอยไปสู่ น.ส.แพรวา ส่วนที่มีข่าวว่ารถที่เกิดเหตุมีการสวมทะเบียนนั้น จากการตรวจสอบไม่มีการเปลี่ยนแปลงทะเบียนแต่อย่างใด คดีมีความชัดเจนมาก และไม่มีเงื่อนงำใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนการเจรจา พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า การเจรจายังไม่เริ่ม แต่จากการที่ยินดีร่วมเจรจาถือว่าสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่หากว่าทั้งสองฝ่ายไม่ยินดีเจรจาด้วย ก็ถือว่าล้มโต๊ะตั้งแต่ครั้งแรก ทั้งหมดเป็นกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นมากในความขัดแย้ง
พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กลันทปุระ รอง ผบก.จร. เปิดเผยว่า สำหรับคดีดังกล่าวได้มีการสอบปากคำพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องไปจนครบถ้วนแล้ว เหลือเพียงหลักฐานบางอย่างจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และการเจรจากับญาติของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเกี่ยวกับการชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้อาสาที่จะเป็นคนกลางในการเจรจากับญาติของผู้เสียหายทั้งหมด หากตรงนี้ครบถ้วนก็จะสามารถสรุปสำนวนได้
“ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เชิญตัวนายบอยมาให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการเปรียบเทียบปรับ เนื่องจากยังไม่ชัดเจนในบางประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการ “ให้ยืม” หรือ “ไม่ให้ยืม” ซึ่ง น.ส.แพรวา อาจจะขับรถคันดังกล่าวออกมาโดยที่ไม่ได้บอกกับนายบอยก็เป็นได้ ทำให้ต้องสอบปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ผู้บังคับบัญชาได้กำชับให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนที่ทำคดีก็ไม่ได้หนักใจ ทุกอย่างว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ยืนยันว่าไม่มีมวยล้มต้มคนดูตามที่มีการตั้งข้อสังเกตแน่นอน”
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันเดียวกัน ตำรวจได้นัดหมายให้นายบอย ซึ่งเป็นคนที่ให้ น.ส.แพรวา ยืมรถคันที่เกิดเหตุไปใช้ มาเสียค่าปรับในข้อหาให้คนที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่นำรถไปใช้ ซึ่งมีอัตราโทษปรับ 2,000 บาท ในเวลา 10.00 น.ที่ สน.วิภาวดี ตรงข้ามกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 บรรดาผู้สื่อข่าวจึงไปรอกันจำนวนมาก แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลานัด นายบอยไม่ได้เดินทางไป ในขณะเดียวกัน พล.ต.ต.อำนวยได้ให้สัมภาษณ์ที่ บช.น.ว่า นายบอยได้เดินทางมาเสียค่าปรับไปแล้ว แต่ไม่ได้ชี้แจงละเอียดว่านายบอยเดินทางมาวัน เวลาไหน อย่างไร
วานนี้(19 ม.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานสอบสวน เปิดเผยถึงความคืบหน้าสำนวนคดีที่ น.ส.อรชร หรือแพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา อายุ 17 ปี ขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิคสีขาว ชนท้ายรถตู้โดยสารบนทางด่วนโทลล์เวย์ ก่อนถึงทางลงบางเขน ฝั่งขาเข้า ทำให้มีผู้โดยสารในรถกระเด็นออกมาเสียชีวิตทั้งหมด 9 ราย และบาดเจ็บอีกหลายราย เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า การสอบสวนคดีดังกล่าวมีความคืบหน้าไป 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเจ้าของรถเก๋งฮอนด้าซีวิคสีขาวได้ติดตามมาสอบปากคำแล้ว ส่วนคนที่ให้ยืมรถไปหรือครอบครองรถครั้งสุดท้ายก่อนที่จะให้ น.ส.แพรวา ขับรถคันดังกล่าวไปนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามตัวมาสอบปากคำแล้วพนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาเพื่อแจ้งข้อหา ว่าให้คนที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่นำรถไปใช้ มีอัตราโทษปรับ 2,000 บาท สำหรับคดีนี้ จุดสำคัญของคดีคือการเจรจาค่าเสียหาย โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดประชุมผู้ที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด ได้แก่ ญาติผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ญาติเจ้าของรถคันที่เสียหาย ฯลฯ
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า หลังจากนี้ไปคาดว่าทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะติดต่อผ่านตนเพื่อนัดกับฝ่ายของ น.ส.แพรวา เพื่อนัดวันเจรจา ซึ่งจะจัดเตรียมความเรียบร้อยไว้ให้ ขณะนี้รอการนัดหมายจากทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าพร้อมที่จะนัดการเจรจาเมื่อใด และทางฝ่ายญาติของ น.ส.แพรวา ยินดีที่จะชดใช้ค่าเสียหาย ส่วนสำนวนที่ยังค้างอยู่คือเรื่องผลการตรวจพิสูจน์บาดแผล ชันสูตรศพ เพราะยังมีผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ คงต้องรอดูผลอีกสักระยะ ซึ่งหากแพทย์รายงานผลมาให้ตำรวจและสอบปากคำคาดว่าคดีก็จะเสร็จสิ้นทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่าการยืมรถเก๋งฮอนด้าซีวิคสีขาว มีการยืมกันกี่ทอด พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนว่า เจ้าของรถให้นายบอย (นามสมมติ) ยืม และจากบอยไปสู่ น.ส.แพรวา ส่วนที่มีข่าวว่ารถที่เกิดเหตุมีการสวมทะเบียนนั้น จากการตรวจสอบไม่มีการเปลี่ยนแปลงทะเบียนแต่อย่างใด คดีมีความชัดเจนมาก และไม่มีเงื่อนงำใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนการเจรจา พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า การเจรจายังไม่เริ่ม แต่จากการที่ยินดีร่วมเจรจาถือว่าสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่หากว่าทั้งสองฝ่ายไม่ยินดีเจรจาด้วย ก็ถือว่าล้มโต๊ะตั้งแต่ครั้งแรก ทั้งหมดเป็นกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นมากในความขัดแย้ง
พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กลันทปุระ รอง ผบก.จร. เปิดเผยว่า สำหรับคดีดังกล่าวได้มีการสอบปากคำพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องไปจนครบถ้วนแล้ว เหลือเพียงหลักฐานบางอย่างจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และการเจรจากับญาติของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเกี่ยวกับการชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้อาสาที่จะเป็นคนกลางในการเจรจากับญาติของผู้เสียหายทั้งหมด หากตรงนี้ครบถ้วนก็จะสามารถสรุปสำนวนได้
“ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เชิญตัวนายบอยมาให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการเปรียบเทียบปรับ เนื่องจากยังไม่ชัดเจนในบางประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการ “ให้ยืม” หรือ “ไม่ให้ยืม” ซึ่ง น.ส.แพรวา อาจจะขับรถคันดังกล่าวออกมาโดยที่ไม่ได้บอกกับนายบอยก็เป็นได้ ทำให้ต้องสอบปากคำเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ผู้บังคับบัญชาได้กำชับให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนที่ทำคดีก็ไม่ได้หนักใจ ทุกอย่างว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ยืนยันว่าไม่มีมวยล้มต้มคนดูตามที่มีการตั้งข้อสังเกตแน่นอน”
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันเดียวกัน ตำรวจได้นัดหมายให้นายบอย ซึ่งเป็นคนที่ให้ น.ส.แพรวา ยืมรถคันที่เกิดเหตุไปใช้ มาเสียค่าปรับในข้อหาให้คนที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่นำรถไปใช้ ซึ่งมีอัตราโทษปรับ 2,000 บาท ในเวลา 10.00 น.ที่ สน.วิภาวดี ตรงข้ามกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 บรรดาผู้สื่อข่าวจึงไปรอกันจำนวนมาก แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลานัด นายบอยไม่ได้เดินทางไป ในขณะเดียวกัน พล.ต.ต.อำนวยได้ให้สัมภาษณ์ที่ บช.น.ว่า นายบอยได้เดินทางมาเสียค่าปรับไปแล้ว แต่ไม่ได้ชี้แจงละเอียดว่านายบอยเดินทางมาวัน เวลาไหน อย่างไร