เจ้าของฮอนด้าซีวิค 9 ศพ เก็บตัวเงียบยังไม่มารับทราบข้อกล่าวหา และเปรียบเทียบปรับ 2 พันบาทตามหมายเรียก ชี้หากเจ้าของรถตัวจริงมาให้ปากคำจะรู้ที่มาที่ไปเหตุให้ “แพรวา” นำรถมาขับ แต่ถ้าไม่มาตามนัดต้องดำเนินการตามกฎหมาย ขณะที่รอง ผบก.จร.ยันเก๋งฮอนด้าไม่มีการสวมทะเบียน พร้อมประสานญาติผู้ตาย-บาดเจ็บเจรจาค่าเสียหาย ด้านสถานพินิจฯ เผยขั้นตอนสอบปากคำ "แพรวา" เสร็จสิ้นแล้ว คาดสำนวนเสร็จทันใน 30 วัน
วันนี้ (13 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กลันทปุระ รอง ผบก.จร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี น.ส.อรชร หรือแพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา อายุ 16 ปี 6 เดือน ขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิคชนกับรถตู้บนโทลล์เวย์ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชวิต 9 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก ว่า ในวันนี้ผู้บังคับบัญชาได้มอบหมายให้ตนมาติดตามความคืบหน้าของคดี ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานไปแล้ว 6 ปาก คาดว่าน่าจะครบถ้วนแล้ว แต่อาจจะยังมีข้อมูลในบางประเด็นที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนเจ้าของรถเก๋งฮอนด้าที่แท้จริงทางพนักงานสอบสวนก็ทราบแล้วว่าเป็นใคร แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งได้มีการออกหมายเรียกไปแล้ว หากเจ้าของรถตัวจริงมาให้ปากคำก็จะรู้ที่มาที่ไปในการให้ น.ส.แพรวานำรถมาขับ
พ.ต.อ.ชัยวัฒน์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ารถเก๋งฮอนด้ามีการสวมทะเบียน ตนยืนยันว่าไม่มี เพียงแต่เป็นการเช่าซื้อมาจากบริษัทแห่งหนึ่ง แต่ทั้งนี้ประเด็นหลักในการสอบปากคำเจ้าของรถจะเป็นเรื่องการยินยอมให้ผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่นำรถมาขับ ซึ่งหากเจ้าของรถเข้ามาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกก็จะแจ้งข้อหาให้ทราบ และเปรียบเทียบปรับ 2,000 บาท แต่ถ้าไม่มาก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ส่วนกรณีของ น.ส.แพรวานั้น รอง ผบก.จร.กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของสถานพินิจฯ ในการที่จะนัดหมายมาให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะต้องรอข้อมูลจากสถานพินิจฯ เพื่อนำมาประกอบสำนวนด้วย นอกจากนี้ทางตำรวจยังได้ประสานญาติของผู้ตายและผู้บาดเจ็บให้มาเจรจาตกลงกันถึงความต้องการในเรื่องค่าเสียหายแล้ว แต่หากไม่ยินยอม หรือไม่สามารถตกลงกันได้ก็ต้องดำเนินการฟ้องร้องกันในชั้นศาลต่อไป และขอยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีมวยล้มคนดูแน่นอน
ขั้นตอนสอบปากคำ "แพรวา" เสร็จสิ้นแล้ว
ด้าน นายสุนทร เพิงมาก รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทางสถานพินิจฯ ได้เรียก น.ส.แพรวา เข้ามาตรวจสภาพร่างกายโดยแพทย์ และตรวจสภาพจิตใจ โดยนักจิตวิทยาได้เรียกแม่ของ น.ส.แพรวามาสอบปากคำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือว่าขั้นตอนดังกล่าวของทางสถานพินิจฯ ได้เสร็จสิ้นแล้ว แต่ทางพนักงานคุมประพฤติจะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการรวบรวมข้อมูลว่ามีความละเอียดมากน้อยแค่ไหน ก่อนส่งให้ทางพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม ในชั้นนี้ถือว่ามีความคืบหน้าอย่างมาก ซึ่งคาดว่าสำนวนดังกล่าวจะเสร็จทันภายใน 30 วัน
ส่วนการกำหนดโทษหรือความเห็นที่จะเสนอต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ในขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน เนื่องจากต้องรอการสรุปสำนวนให้เสร็จสิ้น และส่งฟ้องต่อศาล จากนั้นทางสถานพินิจฯ จะมีการทำความเห็นเสนอต่อศาล ในเรื่องข้อกำหนดที่ควรจะปฏิบัติต่อเยาวชนต่อไป
