ASTVผู้จัดการรายวัน-ตำรวจเร่งล่าตัวมือปืนไล่ยิงกัปตันการบินไทย ย้ำหากต่อสู้ขัดขืน ดำเนินการขั้นเด็ดขาด พบประวัติผู้ต้องหาเคยก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น จนถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า สาเหตุเป็นเพราะสมัยเด็กถูกปลูกฝังเลี้ยงดูมาไม่ถูกต้อง
วานนี้ (18 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการติดตามตัว นายพริสร หรือณัฐพงษ์ หรืออ๊อฟ ห้วยหงษ์ทอง อายุ 26 ปี ที่ก่อเหตุขับรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ไล่ยิง ร.ท.พลวิทย์ เรืองเดช อายุ 53 ปี กัปตันเครื่องบินสายการบินไทย ที่ยังไม่เข้ามอบตัวตามหมายจับ ว่า ได้ส่งชุดสืบสวนสอบสวนของ บช.น.ลงพื้นที่ติดตามตัวอย่างใกล้ชิด ซึ่งได้เบาะแสคนร้ายแล้ว คาดว่าจะสามารถเข้าจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้ชุดติดตามระวัดระวังในการติดตามจับกุมตัว เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้ มีหมายจับคดียาเสพติดอยู่ 4-5 ใบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เครือข่ายค้ายาเสพติดของนายณัฐพงศ์นั้น มีอิทธิพลเท่ากับกลุ่มของ “จิ๊บ-โจ๊ก ไผ่เขียว” หรือไม่ พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายณัฐพงศ์ มีอิทธิพลน้อยกว่ากลุ่มของจิ๊บ-โจ๊ก ไผ่เขียว โดยกลุ่มของนายณัฐพงศ์ ส่วนใหญ่จะเป็นค้ายารายย่อย แต่พบประวัติชอบใช้อาวุธปืน และก่อเหตุรุนแรงมาหลายครั้ง ทั้งนี้ จากการสอบปากคำภรรยานายณัฐพงศ์ ได้ให้การเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามตัวมาดำเนินคดี โดยพบว่าล่าสุดหนีไปกบดานในพื้นที่ จ.ระยอง
ด้าน พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน ผกก.สส.บก.น.4 กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการลงพื้นที่ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี โดยประสานงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.4 ฝ่ายสืบสวน สน.ประเวศ และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.ซึ่งหากคนร้ายขัดขืนการจับกุมและใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็คงจะต้องดำเนินการไปตามสถานการณ์
สำหรับผู้ต้องหารายนี้ มีประวัติการก่อคดีหลายท้องที่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่เข้ามอบตัวต่อตำรวจ ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อกับเพื่อนของผู้ต้องหา เพื่อขอความร่วมมือในการให้ข้อมูลเส้นทางและแหล่งกบดาน เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้มีพรรคพวกค่อนข้างเยอะ และพยายามหลบหนีทุกวิถีทาง ส่วนรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ คันที่ผู้ต้องหานำมาก่อเหตุ เป็นของ น.ส.ธิติมาพร รุจิภานนท์ อายุ 35 ปี พี่สาวภรรยาของผู้ต้องหา ซึ่งในคดีนี้ไม่ถือว่ามีความผิด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความผิดเฉพาะบุคคล อีกทั้งรถยนต์คันดังกล่าว ผู้ต้องหาก็อยู่ระหว่างการซื้อขายกันกับพี่สะใภ้
พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ กล่าวว่า การตรวจสอบยังพบว่า ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น จนถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า สาเหตุที่ผู้ต้องหามีพฤติกรรมเช่นนี้เป็นเพราะสมัยเด็กถูกปลูกฝังเลี้ยงดูมาไม่ค่อยถูกต้อง แต่พฤติกรรมและคดีต่างๆ ที่ติดตัวผู้ต้องหา ทางภรรยาได้ให้การว่าไม่ทราบมาก่อนและไม่รู้เห็นด้วย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด พบว่า นายพริสร หรือนายณัฐพงษ์ ห้วยหงษ์ทอง อายุ 26 ได้เปลี่ยนชื่อจากณัฐพงษ์ เป็นพริสร เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2553 ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านเลขที่ 67/1 ต.หนองงูเหลือม อ.เมือง จ.นครปฐม มีคดีที่เกี่ยวข้องดังนี้ 1.เมื่อปี 2544 ถูกจับกุมในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง ท้องที่ สภ.ปากท่อ 2.ปี 2545 ถูกจับกุมข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น ท้องที่ สภ.กำแพงแสน 3.ปี 2549 ถูกจับกุมข้อหาครอบครองยาบ้าจำนวน 10 เม็ด ท้องที่ สภ.บางใหญ่ ศาลตัดสินลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท โทษรอลงอาญา 2 ปี 4.ปี 2549 ถูกจับกุมข้อหามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง ท้องที่ สภ.กระทุ่มแบน 5.ปี 2551 ถูกจับกุมข้อหามียาบ้าไว้ในความครอบครอง จำนวน 12 เม็ด ท้องที่ สน.ร่มเกล้า และ 6.ปี 2554 หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ส.27/2554 ลงวันที่ 16 ม.ค.2554 ข้อหาพยายามฆ่าและพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ท้องที่ สน.ประเวศ
วานนี้ (18 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการติดตามตัว นายพริสร หรือณัฐพงษ์ หรืออ๊อฟ ห้วยหงษ์ทอง อายุ 26 ปี ที่ก่อเหตุขับรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ไล่ยิง ร.ท.พลวิทย์ เรืองเดช อายุ 53 ปี กัปตันเครื่องบินสายการบินไทย ที่ยังไม่เข้ามอบตัวตามหมายจับ ว่า ได้ส่งชุดสืบสวนสอบสวนของ บช.น.ลงพื้นที่ติดตามตัวอย่างใกล้ชิด ซึ่งได้เบาะแสคนร้ายแล้ว คาดว่าจะสามารถเข้าจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้ชุดติดตามระวัดระวังในการติดตามจับกุมตัว เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้ มีหมายจับคดียาเสพติดอยู่ 4-5 ใบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เครือข่ายค้ายาเสพติดของนายณัฐพงศ์นั้น มีอิทธิพลเท่ากับกลุ่มของ “จิ๊บ-โจ๊ก ไผ่เขียว” หรือไม่ พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายณัฐพงศ์ มีอิทธิพลน้อยกว่ากลุ่มของจิ๊บ-โจ๊ก ไผ่เขียว โดยกลุ่มของนายณัฐพงศ์ ส่วนใหญ่จะเป็นค้ายารายย่อย แต่พบประวัติชอบใช้อาวุธปืน และก่อเหตุรุนแรงมาหลายครั้ง ทั้งนี้ จากการสอบปากคำภรรยานายณัฐพงศ์ ได้ให้การเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามตัวมาดำเนินคดี โดยพบว่าล่าสุดหนีไปกบดานในพื้นที่ จ.ระยอง
ด้าน พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน ผกก.สส.บก.น.4 กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการลงพื้นที่ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี โดยประสานงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.4 ฝ่ายสืบสวน สน.ประเวศ และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.ซึ่งหากคนร้ายขัดขืนการจับกุมและใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็คงจะต้องดำเนินการไปตามสถานการณ์
สำหรับผู้ต้องหารายนี้ มีประวัติการก่อคดีหลายท้องที่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่เข้ามอบตัวต่อตำรวจ ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อกับเพื่อนของผู้ต้องหา เพื่อขอความร่วมมือในการให้ข้อมูลเส้นทางและแหล่งกบดาน เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้มีพรรคพวกค่อนข้างเยอะ และพยายามหลบหนีทุกวิถีทาง ส่วนรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ คันที่ผู้ต้องหานำมาก่อเหตุ เป็นของ น.ส.ธิติมาพร รุจิภานนท์ อายุ 35 ปี พี่สาวภรรยาของผู้ต้องหา ซึ่งในคดีนี้ไม่ถือว่ามีความผิด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความผิดเฉพาะบุคคล อีกทั้งรถยนต์คันดังกล่าว ผู้ต้องหาก็อยู่ระหว่างการซื้อขายกันกับพี่สะใภ้
พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ กล่าวว่า การตรวจสอบยังพบว่า ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น จนถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า สาเหตุที่ผู้ต้องหามีพฤติกรรมเช่นนี้เป็นเพราะสมัยเด็กถูกปลูกฝังเลี้ยงดูมาไม่ค่อยถูกต้อง แต่พฤติกรรมและคดีต่างๆ ที่ติดตัวผู้ต้องหา ทางภรรยาได้ให้การว่าไม่ทราบมาก่อนและไม่รู้เห็นด้วย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด พบว่า นายพริสร หรือนายณัฐพงษ์ ห้วยหงษ์ทอง อายุ 26 ได้เปลี่ยนชื่อจากณัฐพงษ์ เป็นพริสร เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2553 ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านเลขที่ 67/1 ต.หนองงูเหลือม อ.เมือง จ.นครปฐม มีคดีที่เกี่ยวข้องดังนี้ 1.เมื่อปี 2544 ถูกจับกุมในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง ท้องที่ สภ.ปากท่อ 2.ปี 2545 ถูกจับกุมข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น ท้องที่ สภ.กำแพงแสน 3.ปี 2549 ถูกจับกุมข้อหาครอบครองยาบ้าจำนวน 10 เม็ด ท้องที่ สภ.บางใหญ่ ศาลตัดสินลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท โทษรอลงอาญา 2 ปี 4.ปี 2549 ถูกจับกุมข้อหามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง ท้องที่ สภ.กระทุ่มแบน 5.ปี 2551 ถูกจับกุมข้อหามียาบ้าไว้ในความครอบครอง จำนวน 12 เม็ด ท้องที่ สน.ร่มเกล้า และ 6.ปี 2554 หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ส.27/2554 ลงวันที่ 16 ม.ค.2554 ข้อหาพยายามฆ่าและพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ท้องที่ สน.ประเวศ