ASTVผู้จัดการรายวัน-"พาณิชย์" ยัดไข่ไก่ คลังสินค้า เข้าบัญชีสินค้าและบริการควบคุม เพิ่มเป็น 41 รายการ หวังดูแลค่าครองชีพตามนโยบาย "มาร์ค" และดัดหลังพ่อค้าแสบเช่าคลังเอกชนตุนสินค้า ทั้งน้ำตาลและน้ำมันปาล์ม พร้อมเพิ่มมาตรการดูแลน้ำมันปาล์ม สั่งผู้ประกอบการแจ้งสต๊อกเป็นรายเดือน กำหนดราคาขายทั้งปี๊บ ถุง ขวด
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) วานนี้ (18 ม.ค.) ได้มีมติให้นำสินค้าไข่ไก่ และบริการรับฝากสินค้า เช่น คลังสินค้า เพิ่มเข้าในบัญชีสินค้าและบริการควบคุม เป็นผลให้รายการบัญชีสินค้าควบคุมมีจำนวน 39 ราย และบริการควบคุม 2 รายการ รวมทั้งสิ้น 41 รายการ เพิ่มจากเดิมมี 39 รายการ เพื่อเป็นการดูแลราคาสินค้าให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และจะมีการนำเรื่องเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบในวันที่ 24 ม.ค.นี้
สาเหตุที่ต้องคุมไข่ไก่ เพื่อให้รองรับนโยบายปฏิรูปประเทศ ในการดูแลปัญหาค่าครองชีพ เนื่องจากไข่ไก่ถือเป็นแหล่งโปรตีนที่คนไทยนิยมบริโภคมากที่สุด จึงจำเป็นต้องดูแลราคา และปริมาณอย่างใกล้ชิด ซึ่งหลังจากนี้จะประชุมเพื่อกำหนดรูปแบบ และรายเอียดวิธีการควบคุมไข่ไก่อีกครั้ง
ส่วนการคุมบริการรับฝากสินค้า เพื่อต้องการดูแลปริมาณสินค้าให้ได้ครบทั้งระบบ เพราะที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ยังไม่มีอำนาจเข้าไปดูสต๊อกสินค้าในโกดังเอกชนได้ ซึ่งกลายเป็นช่องโหว่ให้มีการกักตุนสินค้า เช่น น้ำมันปาล์ม และน้ำตาลทรายจนประชาชนได้รับความเดือดร้อน
“การขึ้นบัญชีบริการคลังสินค้านั้น เนื่องจากที่ผ่านมา พบว่า มีสินค้าหลายรายการได้ใช้คลังสินค้าเอกชนกักตุน ไม่เพียงแค่น้ำมันปาล์ม แต่มีสินค้าตัวอื่นๆ ด้วย โดยทางผู้จัดเก็บอ้างว่าไม่มีหน้าที่ต้องแจ้งการจัดเก็บสินค้า จนมีผลให้สินค้าหลายตัวขาดตลาด ดังนั้น เมื่อมีการขึ้นเป็นบัญชีบริการควบคุมแล้ว หากผู้ให้เช่าคลังมีพฤติกรรมไม่แจ้ง และเข้าข่ายกักตุนสินค้า จะมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”นางพรทิวากล่าว
นางพรทิวากล่าวว่า ที่ประชุมยังมีมติให้เพิ่มมาตรการดูแลน้ำมันปาล์ม เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลน และราคาแพง โดยให้ผู้ผลิตต้องขออนุญาตคณะอนุกรรมการพิจารณาน้ำมันพืชบริโภคก่อนปรับราคาทุกครั้ง และยังให้ผู้เกี่ยวข้องกับน้ำมันปาล์มทั้งระบบ ตั้งแต่โรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ โรงบรรจุขวด และผู้ถือครองน้ำมันปาล์มตั้งแต่ 2,000 ลิตรขึ้นไป รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจไบโอดีเซล ให้แจ้งปริมาณการซื้อ การผลิต และสต๊อกคงเหลือให้กระทรวงพาณิชย์รับทราบทุกเดือน จากเดิมผู้ประกอบการกลุ่มนี้แจ้งไปยังกระทรวงพลังงานเท่านั้น
นอกจากนี้ ให้คณะอนุกรรมการพิจารณาน้ำมันพืชบริโภค กำหนดราคาควบคุมราคาน้ำมันพืชบริโภคทุกขนาด ทุกชนิด ทั้งชนิดขวด ปี๊บ และถุงในน้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันพืชอื่นๆ เพื่อดูแลราคาน้ำมันพืชให้ได้ทั้งระบบ จากเดิมที่ควบคุม เฉพาะน้ำมันปาล์ม และน้ำมันถั่วเหลืองขวดลิตรเท่านั้น
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) วานนี้ (18 ม.ค.) ได้มีมติให้นำสินค้าไข่ไก่ และบริการรับฝากสินค้า เช่น คลังสินค้า เพิ่มเข้าในบัญชีสินค้าและบริการควบคุม เป็นผลให้รายการบัญชีสินค้าควบคุมมีจำนวน 39 ราย และบริการควบคุม 2 รายการ รวมทั้งสิ้น 41 รายการ เพิ่มจากเดิมมี 39 รายการ เพื่อเป็นการดูแลราคาสินค้าให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และจะมีการนำเรื่องเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบในวันที่ 24 ม.ค.นี้
สาเหตุที่ต้องคุมไข่ไก่ เพื่อให้รองรับนโยบายปฏิรูปประเทศ ในการดูแลปัญหาค่าครองชีพ เนื่องจากไข่ไก่ถือเป็นแหล่งโปรตีนที่คนไทยนิยมบริโภคมากที่สุด จึงจำเป็นต้องดูแลราคา และปริมาณอย่างใกล้ชิด ซึ่งหลังจากนี้จะประชุมเพื่อกำหนดรูปแบบ และรายเอียดวิธีการควบคุมไข่ไก่อีกครั้ง
ส่วนการคุมบริการรับฝากสินค้า เพื่อต้องการดูแลปริมาณสินค้าให้ได้ครบทั้งระบบ เพราะที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ยังไม่มีอำนาจเข้าไปดูสต๊อกสินค้าในโกดังเอกชนได้ ซึ่งกลายเป็นช่องโหว่ให้มีการกักตุนสินค้า เช่น น้ำมันปาล์ม และน้ำตาลทรายจนประชาชนได้รับความเดือดร้อน
“การขึ้นบัญชีบริการคลังสินค้านั้น เนื่องจากที่ผ่านมา พบว่า มีสินค้าหลายรายการได้ใช้คลังสินค้าเอกชนกักตุน ไม่เพียงแค่น้ำมันปาล์ม แต่มีสินค้าตัวอื่นๆ ด้วย โดยทางผู้จัดเก็บอ้างว่าไม่มีหน้าที่ต้องแจ้งการจัดเก็บสินค้า จนมีผลให้สินค้าหลายตัวขาดตลาด ดังนั้น เมื่อมีการขึ้นเป็นบัญชีบริการควบคุมแล้ว หากผู้ให้เช่าคลังมีพฤติกรรมไม่แจ้ง และเข้าข่ายกักตุนสินค้า จะมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”นางพรทิวากล่าว
นางพรทิวากล่าวว่า ที่ประชุมยังมีมติให้เพิ่มมาตรการดูแลน้ำมันปาล์ม เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลน และราคาแพง โดยให้ผู้ผลิตต้องขออนุญาตคณะอนุกรรมการพิจารณาน้ำมันพืชบริโภคก่อนปรับราคาทุกครั้ง และยังให้ผู้เกี่ยวข้องกับน้ำมันปาล์มทั้งระบบ ตั้งแต่โรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ โรงบรรจุขวด และผู้ถือครองน้ำมันปาล์มตั้งแต่ 2,000 ลิตรขึ้นไป รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจไบโอดีเซล ให้แจ้งปริมาณการซื้อ การผลิต และสต๊อกคงเหลือให้กระทรวงพาณิชย์รับทราบทุกเดือน จากเดิมผู้ประกอบการกลุ่มนี้แจ้งไปยังกระทรวงพลังงานเท่านั้น
นอกจากนี้ ให้คณะอนุกรรมการพิจารณาน้ำมันพืชบริโภค กำหนดราคาควบคุมราคาน้ำมันพืชบริโภคทุกขนาด ทุกชนิด ทั้งชนิดขวด ปี๊บ และถุงในน้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันพืชอื่นๆ เพื่อดูแลราคาน้ำมันพืชให้ได้ทั้งระบบ จากเดิมที่ควบคุม เฉพาะน้ำมันปาล์ม และน้ำมันถั่วเหลืองขวดลิตรเท่านั้น