xs
xsm
sm
md
lg

จัดสรรรายเล็กเชื่อปี54ยังโต หวั่นการเมืองฉุดลงทุนซบเซา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการราย –“เค.ดี. แอสเซทฯ” กลุ่มทุนจ.มุกดาหาร บุกตลาดที่อยู่อาศัยเขตกรุงเทพและปริมณฑล หลังชิมรางลงทุนคอนโดฯในเมือง ภายใต้แบรนด์ THE NEXT ย่านสุขุมวิท ปิดการขายภายใน 6 เดือน ปัจจุบันพัฒนาไปแล้ว 4 โครงการ ล่าสุด เตรียมเปิดตัว THE NEXT สุขุมวิท 52 ฟุ้งยอดพรีเซลล์แล้ว 50 ยูนิต พร้อมเตรียมลงทุนบ้านแนวราบย่านรังสิต ครอง 7 แต่ขอดูภาวะการเมืองนิ่งก่อนลงทุน

นายเทอดศักดิ์ บุญทศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ดี. แอสเซท แอนด์ ดีเวลล้อปเมนท์ จำกัด กลุ่มทุนจากจังหวัดมุกดาหาร ที่เบนเข็มมาพัฒนาโครงการอสังหาฯในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลเมื่อปี 52 ที่ผ่านมา ในรูปแบบคอนโดมิเนียมใกล้แนวรถไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ “ THE NEXT ” เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม THE NEXT PRIVATE POOL VILLA สุขุมวิท 52 ไปเมื่อปี 52 ที่ผ่านมาปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า สามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลา 5-6 เดือน หลังจากนั้นได้พัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันพัฒนาแล้ว 4 โครงการ โดยเน้นรูปแบบคอนโดฯโลว์ไรส์ สูง 8 ชั้นเป็นหลัก มูลค่าโครงการละประมาณ 500 ล้านบาท

“ ที่ผ่านมาเราพัฒนาโครงการต่อเนื่อง แต่ไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เนื่องจากความไม่สงบทางการเมืองในช่วงต้นปี 53 แต่ในปีนี้ทุกอย่างค่อนข้างสงบลงแล้ว จึงถือโอกาสเปิดตัวโครงการใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการพัฒนาในซอยสุขุมวิท 52 ที่อยู่ใกล้เคียงกับ 2 โครงการแรกที่พัฒนามาก่อนหน้านี้ ”

โครงการใหม่ล่าสุด คือ “ THE NEXT สุขุมวิท52 ” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ THE GARDEN MIX ” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 503 ตารางวา เป็นคอนโดฯสูง 8 ชั้น ขนาด 28.50-74 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.98-5.59 ล้านบาท รวม 138 ยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท

ส่วนแหล่งเงินลงทุนนั้น นอกจากกระเงินสดหมุนเวียนเงินลงทุนบริษัท ได้ของสินเชื่อจากธนาคารนครหลวงไทย จำกัด(มหาชน) ในสัดส่วน 30% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด และมอบหมายให้บริษัทไพร์ม พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัดเป็นผู้บริหารงานขายและการตลาด ขณะนี้มียอดพรีเซลล์แล้ว 55 ยูนิต และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 22-23 ม.ค.นี้ ซึ่งลูกค้าที่ซื้อภายในงานจะได้รับส่วนลดพิเศษ พร้อมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าฟรี

หลังจากนั้น บริษัทจะทำการปรับขึ้นราคาในทุกๆไตรมาส เฉลี่ยประมาณ 2-3% ซึ่งกว่าโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จราคาจะปรับขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% ปัจจุบันราคาขายโครงการของบริษัทฯปรับสูงขึ้นมาถึง 69,500 บาท/ตารางเมตร(ตร.ม.) จากครั้งแรกที่ขายในราคา 62,000 บาท/ตร.ม ทั้งนี้คาดว่าในไตรมาส 1/54 จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 60% โดยตั้งเป้าปิดการขายไม่เกิน 6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการเมืองด้วย

ด้านงานก่อสร้างได้ดำเนินการในส่วนของฐานรากเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างในชั้นที่ 1 คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพ.ย.54 นี้

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาโครงการแนวราบประเภท บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ เพิ่มเติม เนื่องจากยังมีที่ดินสะสมในทุกโซนของกทม.รองรับแล้ว โดยคาดว่าจะนำที่ดินในย่านลำลูกกา คลอง 7 พื้นที่ประมาณ 37 ไร่ มาพัฒนาแต่ทั้งนี้จะต้องศึกษาถึงความเหมาะสมและสถานการณ์ทางการเมืองว่านิ่งขึ้นหรือไม่ โดยเน้นการพัฒนาแบบ 1 โครงการต่อ 1 บริษัท

อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 52 บริษัทได้นำที่ดินย่านลำลูกกา จำนวน 50 ไร่มาพัฒนาในรูปแบบบ้านเดี่ยว ภายใต้แบรนด์ “ บ้านเพทาย ” ระดับราคา 2 ล้านบาทเศษ ภายใต้การบริหารของบริษัท เพทาย จำกัด และสามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

“ การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อัตราดอกเบี้ย เศรษฐกิจ และการเมือง แต่เราไม่ใช้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับใคร แต่จะแข่งขันกับตัวเอง ในการพัฒนาโครงการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยจะดูที่ช่วงจังหวะเวลาและความเหมาะสมในการพัฒนา ” นายเทรอดศักดิ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น