ภาคธุรกิจย่านราชประสงค์ พบนายกฯ คุยปัญหาม็อบแดง เตรียมเปิดโต๊ะล่าชื่อไม่เอาม็อบ มั่นใจเกินแสนคน ชี้การเมืองทำเหตุวุ่นวาย เศรษฐกิจตก "มาร์ค"โบ้ยให้ ตำรวจเป็นคนกลางเจรจา ระหว่างเสื้อแดง กับกลุ่มผู้ค้า อ้างไม่อยากให้การเมืองเข้าแทรก ด้านแกนนำแดง ไม่สนผู้ค้าเดือดร้อน ยันชุมนุม 23 ม.ค. อยู่ยาวถึงเที่ยงคืน
เมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ (12 ม.ค.) นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ พร้อมด้วยตัวแทนอีก 13 คน เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาหารือประมาณ 40 นาที
จากนั้นนายชาย เปิดเผยว่าการเข้าพบนายกฯครั้งนี้เพื่อต้องการทราบแนวคิดของนายกฯว่าจะดำเนินการอย่างไรกับปัญหาการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งนายกฯได้อธิบายให้ฟังว่า สถานการณ์ค่อนข้างซับซ้อน และรัฐบาลพยายามทำเต็มที่ แต่ประเด็นหลักคือ ถ้าเป็นไปได้พวกเราขอเข้าไปทำแผนการจัดการชุมนุมของเสื้อแดงได้หรือไม่ เพื่อให้ความเดือดร้อนบรรเทาลง คิดว่าในแง่การทำให้ความวุ่นวายกลายเป็นความปรองดองกันเป็นรูปธรรมได้ เราคงต้องมานั่งคุยให้เข้าใจกัน ในเรื่องกระบวนการของการจัดการ ทุกคนต้องอดทนเยอะ ๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯและตำรวจเห็นด้วยในการให้ผู้ค้าเข้าไปร่วมทำกิจกรรมตรงนี้หรือไม่ นายชาย กล่าวว่า รูปแบบเป็นอย่างไร มันมีหลายประเด็นที่ต้องดู
1. ข้อกำจัดของพื้นที่ รูปแบบการชุมนุมทำอย่างไรที่ว่าให้ทุกคนได้ผล ให้เข้าใจผู้ที่เดือดร้อน ซึ่งมันเยอะมาก ที่เรามาเพื่อบอกว่ามีคนเดือดร้อนมากกว่าที่ทุกคนคิด มากกว่าที่เห็นในสื่อ ฉะนั้นประเด็นต้องดูว่า เราจะช่วยอย่างไรไม่ให้สังคมแตกแยกมากกว่าเดิม
เมื่อถามว่านายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่ม นปช. ระบุว่า ก่อนที่จะมีการชุมนุมได้ประสานกับกลุ่มผู้ค้า มีการประสานมาจริงหรือไม่ นายชาย กล่าวว่า ไม่เคย เมื่อถามว่าการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงมีปฏิทินชัดเจนในวันที่ 23 ม.ค.นี้ จะมีการประสานอย่างไร เพื่อให้เกิดรูปแบบตามที่ผู้ค้าต้องการ นายชาย กล่าวว่า เราจะนัดแกนนำกลุ่มเสื้อแดง เพื่อขอเข้าไปให้คำปรึกษา โดยเสร็จจากนี้แล้วจะไปนัด ส่วนจะให้มีภาครัฐเข้าไปร่วมด้วยหรือไม่นั้น อยากจะปรึกษาเสื้อแดงก่อน และเอาที่เขาสบายใจ
เมื่อถามว่าหวังว่าจะได้รับการตอบรับอย่างไรบ้าง นายชาย กล่าวว่า คิดว่าคนเสื้อแดงคนที่ดีๆ อยู่เยอะ เราเคยสัมผัสมาตอน 2 เดือนที่นั่น เขาเป็นคนบริสุทธิ์ มาด้วยอุดมการณ์ที่ดี แล้วไม่คิดจะสร้างความเดือดร้อน ประเด็นคือ ขอวิงวอนคนเหล่านั้น ขอความเห็นใจกับส่วนรวมเห็นใจกัน ซึ่งเราเป็นคนไทยทั้งนั้น ย่านราชประสงค์มีทั้งแดง และหลายสี แต่เราก็อยู่ด้วยกันได้ด้วยความเข้าใจ
เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีการประเมินความเสียหาย เมื่อปีที่ผ่านมาว่าน่าจะอยู่หลักหมื่นล้าน นายชาย กล่าวว่า ใช่ครับ เมื่อถามว่าประเมินหรือไม่ว่า หากปีนี้มีการชุมนุมทั้งปี เหมือนที่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และมีทุกเดือน จะเกิดความเสียหายเท่าไร นายชาย กล่าวว่า เสียหายแก่ส่วนรวมมากกว่าตัวเลขที่เรามอง มันเสียหายต่อความมั่นใจของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในเมืองไทย มันเสียหายในแง่การแข่งขันระดับประเทศที่เราพยายามทำ มันเสียหายในแง่ของรัฐบาลมีภาษีน้อยลง ฉะนั้นทุกอย่างจะหดหมด ถ้ามัวทะเลาะกัน ไม่มีใครได้อะไรเลย จริงๆเราควรร่วมกัน เข้าใจว่าอุดมการณ์หลายอย่าง การเรียกร้องมีเหตุ และมีผล ที่จริงก็ควรจะเข้าใจ แต่ใครก็ตามที่จะชุมนุม น่าจะให้ชุมชนนั้นเป็นเพื่อนด้วยซ้ำ ทำไมให้ความเดือดร้อน กลายเป็นศัตรู ทำไมให้แผลมันลึกมากขึ้น
นายชายระบุว่าในแนวคิด อาจต้องคิดกันใหม่ ตอนนี้มันไม่ใช่ มันเปลี่ยนรูปไปแล้ว ในการชุมนุมตอนนี้เรียกร้องขอความยุติธรรม ปีที่แล้วเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ฉะนั้นมันเปลี่ยนรูปไปแล้ว การเรียกร้อง เป็นการเรียกร้องคนละเรื่องกัน ไม่ใช่เป็นเรื่องของการพยายามต่อสู้กับภาครัฐ อันนี้คือขอให้กระบวนการมันทำงาน ให้เข้าระบบให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่านายกฯได้ให้ความมั่นใจหรือจะช่วยเหลืออย่างไรบ้าง นายชาย กล่าวว่า ตนคิดว่าอันนี้ความมั่นใจมันอยู่ที่พวกเรา ทั้งที่เราเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา ตนว่าคงไม่มีใครมั่นใจ แต่ว่าคุยกันได้หรือไม่ เริ่มต้น ให้ความเห็นใจกันได้หรือไม่ ให้ความเข้าใจกันได้หรือไม่ อันนี้เป็นความเป็นไทยที่เราจะเรียกกลับคืนมาได้
เมื่อถามว่าไม่ต้องการให้มีการชุมนุม ใช่หรือไม่ นายชาย กล่าวว่า การชุมนุมเป็นสิ่งที่ดี แต่การชุมนุมต้องมีขอบเขตของการไม่ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ หรือถ้าการชุมนุมมีคนจำนวนมาก ก็ต้องเปลี่ยนรูปแบบการชุมนุม มันมีการชุมนุมของต่างประเทศที่เราเห็นแล้วมันได้ผลทางการเมือง
เมื่อถามว่าได้อะไรจากการพบนายกฯในวันนี้ นายชาย กล่าวว่า ได้จุดเริ่มต้น ที่นับหนึ่งที่บอกว่ามีคนเดือดร้อน ที่อยากจะเข้ามาช่วยกัน และสร้างประเทศให้ดีขึ้น เพราะคนเดือดร้อนมีมากกว่าที่ทุกคนคิด ที่เห็น และความรู้สึกข้างในอีกเยอะ สิ่งที่เราทำต่อไปในแง่สมาคมฯ
“ เมื่อวันที่11 ม.ค. ที่มามอบจดหมายเปิดผนึก แล้วมีคนมา 2,000 คน อันนั้นเราไม่ได้ออกสื่อ มากันเอง เราจะสร้างอันนั้นให้คนมาเซ็นต์เพิ่มขึ้น และคิดว่าเป็นแสนแน่นอนที่จะมาสนับสนุนว่า อยากเห็นความปรองดอง โดยเราจะเปิดโต๊ะให้ลงชื่อสนับสนุนเรา โดยจะเริ่มภายในสัปดาห์นี้ อยากเห็นการชุมนุมที่มีระบบ ระเบียบ แต่เราไม่ได้ค้านการชุมนุม เราไม่ใช่ศัตรูกับคนมาชุมนุม จะเป็นสีอะไรก็ตาม แต่การชุมนุมต้องมีรูปแบบที่ชัดเจนขึ้น ไม่อย่างนั้นแล้วความเดือดร้อนจะกลายเป็นความแค้น และความเกลียดชัง มันจะลึกขึ้น เดี๋ยวจะมีสีอะไรโผล่ขึ้นมาอีกก็ไม่รู้ ซึ่งเราไม่อยากเห็น ฉะนั้นเราจึงขออาสาทำกระบวนการนี้ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ขอความเห็นใจพี่น้องสื่อ พวกเราพยายามทำสิ่งที่ดีต่อส่วนรวม" นายชายกล่าว
เมื่อถามว่าเสื้อแดงแยกส่วนกันแล้ว คุยกับใครถึงจะได้บทสรุป นายชาย กล่าวว่า ปัญหาคงมี แต่เราไม่ท้อ แม้เสื้อแดงจะมีหลายกลุ่ม เราก็ต้องพยายาม เมื่อถามว่ามีชุมชนอะไรบ้างที่ได้รับผลกระทบนอกจากราชประสงค์ นายชาย กล่าวว่า มันกว้าง โรงแรมทั้งกรุงเทพฯ กระทบหมด ท่องเที่ยวกระทบหมด มันต้องสร้างความเข้าใจ กระบวนการถ้าเราไม่เริ่มก็ไม่มีความเข้าใจ
เมื่อถามว่าจะเป็นตัวเร่งให้มีการยุบสภาหรือไม่ เพราะถ้ายุบสภาเร็วขึ้น จะช่วยแก้ไขสถานการณ์ นายชาย กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และไม่ขอยุ่งกับการเมือง เพราะคิดว่าการเมืองเป็นต้นเหตุให้เกิดความวุ่นวาย
" ถ้าเสื้อแดงประกาศจะมาชุมนุม คนก็จะไม่ออกมาชอปปิ้ง ก็เหมือนปิดตัวเองไปโดยปริยาย ตอนที่ยึด 2 เดือน คนงาน 33,000 คน เสี่ยงกับการถูกไล่ออก พวกทำงานในศูนย์การค้า โรงแรม น่าเป็นห่วง คือคนที่ทำงาน ผมก็ขอความร่วมมือตำรวจด้วย เราก็ขอให้รัฐบาลช่วยฟังเราหน่อย ถ้าทำอย่างนี้แล้วตำรวจจะช่วยได้หรือไม่ หากเราเคลียร์กับกลุ่มเสื้อแดงแล้ว ทำอย่างไรจะสร้างกระบวนการได้" นายชาย กล่าว
"มาร์ค"โบ้ยตำรวจจัดการ
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า กลุ่มผู้ค้าราชประสงค์ ได้มาพูดถึงเรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งทางผู้ค้าเข้าใจดีถึงสิทธิของผู้ชุมนุม ตนเห็นว่าไม่อยากให้เป็นเรื่องของการเมือง แต่น่าจะเป็นเรื่องที่ทั้ง 2 ฝ่ายพูดคุยกัน และให้ ตำรวจเป็นคนกลาง เพราะทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามที่จะดู ให้ผู้ชุมนุมใช้สิทธิได้ตามรัฐธรรมนูญ และไม่กระทบกระเทือนสร้างความเดือดร้อน แต่ที่ผ่านมา อาจจะมีบางประเด็นที่ยังเป็นปัญหาอยู่บ้าง แต่ในภาพรวมตนได้ชี้ให้เห็นว่า ทางเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมได้มีการพูดคุยล่วงหน้า และพยายามหาแนวทางที่เหมาะสม ส่วนจะปรับให้มีความเหมาะสมอย่างไร 3 ฝ่าย จะประสานกันเอง จะได้ไม่มีเรื่องของการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า ดูเหมือนผู้ค้าค่อนข้างที่จะผิดหวัง เพราะรัฐบาลไม่สามารถให้ความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาได้ นายกฯ กล่าวว่าทางผู้ค้าก็เข้าใจ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ เพราะจากที่นั่งคุยกัน ทางผู้ค้าทราบดีว่า มีประเด็นที่ละเอียดอ่อน ต้องระมัดระวัง ทั้งผู้ใช้กฎหมาย หรือผู้บังคับใช้กฎหมายเอง ซึ่งต้องทำด้วยความระมัดระวัง ถ้าไปทำอะไรแล้วเป็นชนวนให้เกิดความวุ่นวายกว่านี้ จะยิ่งแย่ ฉะนั้นเมื่อเราพูดถึงคนจำนวนมาก และเป็นมวลชนที่เคลื่อนไหว ก็ต้องฟังผู้ปฏิบัติด้วย ทั้งนี้น่าจะมีแนวทางที่ปรับได้อีก ซึ่ง 3 ฝ่ายจะต้องไปคุยกัน
ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ยืนยันว่า ถึงอย่างไรก็จะชุมนุมกันที่บริเวณราชประสงค์ เช่นเดิม เพราะการชุมนุมไม่ได้กระทบต่อสิทธิผู้อื่น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ควรที่จะคุยกัน เพราะหากคนอื่นไปพูดแทน จะหาว่าเป็นเรื่องการเมือง ให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงได้อธิบายว่าได้รับผลกระทบอย่างไร ส่วนที่จะตกลงกันได้หรือไม่นั้น อย่าไปสรุปว่า ได้หรือไม่ได้ เพราะทางผู้ประกอบการเอง เขามีความเข้าใจในเรื่องราวทั้งหมดพอสมควร ซึ่งเขาพยายามเสนอแนวทางที่ทุกฝ่ายรับกันได้
เมื่อถามว่า เมื่อไรที่มีการชุมนุม คนจะไม่กล้ามาซื้อของ หรือเข้ามาพักโรงแรมต่างๆ ในบริเวณดังกล่าว นายกฯ กล่าวย้ำว่า คงจะต้องให้ 3 ฝ่ายไปคุยกัน เพราะเขาก็มีแนวคิดของเขาอยู่ ซึ่งความจริงเขาได้มีโอกาสพูดคุยกับแกนนำผู้ชุมนุมบ้างแล้ว ซึ่งคนที่เขาพูดคุยด้วย ได้รับฟังตามสมควร เมื่อถามอีกว่า คนเสื้อแดงได้พูดถึงคนหลายกลุ่ม ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ตกลงจะสามารถได้ข้อยุติได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นคนกลาง ซึ่งได้ไปสัมผัสกับผู้ชุมุนมโดยตรง ไปประสาน และจะพูดคุยกับคนที่ประสานงานจริงในวันที่มีการชุมนุม ส่วนจะได้ทางออกก่อนที่จะมีการชุมุนมในวันที่ 23 ม.ค. หรือไม่นั้น ตนหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความพร้อมที่จะพูดคุยกัน ส่วนในระยะกลาง ระยะยาว ก็พูดถึงเรื่องตัวกฎหมาย พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะนั้น ซึ่งตนได้บอกไปว่า ทางคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล กำลังพิจารณา เพราะต้องการที่จะผลักดันกฎหมายฉบับนี้ แต่ไม่ต้องการให้เป็นชนวนความขัดแย้ง จึงต้องอาศัยเวลาการทำความเข้าใจ
เมื่อถามว่า กฎหมายฉบับนี้ก็ไม่สามารถผลักดันมาใช้ในช่วงเวลานี้ได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กฎหมายต้องใช้เวลา ซึ่งผู้ประกอบการที่มาก็เข้าใจ ซึ่งระหว่างที่ไม่มีกฎหมาย ก็ใช้วิธีการเจรจา 3 ฝ่าย เพื่อที่จะดูว่ามีแนวอย่างไร ก็มีข้อเสนออยู่ต้องให้เขาไปคุยกันเองก่อน
เมื่อถามว่า นอกจากตำรวจ รัฐบาลจะส่งใครส่งใครไปหรือไม่ เพราะทั้ง 2 ฝ่ายต้องการความมั่นใจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะช่วยประสานงานให้ แต่หากรัฐบาลเข้าไป จะกลายเป็นเรื่องการเมือง ฉะนั้นให้ผู้ประกอบการและผู้ชุมนุมคุยกัน เป็นแนวทางที่ดีที่สุด
เมื่อถามว่า รูปแบบที่ต่างฝ่ายต่างใช้สิทธิของตนเอง เป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เขามีข้อเสนออยู่แล้ว แต่ว่าให้เขาไปคุยกันเองก่อน หากเราไปพูดอะไรตอนนี้ จะหาว่าเป็นการกำหนดจากฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ ให้เขาได้คุยกัน เพื่อที่จะได้เข้าใจซึ่งกันและกัน ว่าแต่ละฝ่ายต้องการอย่างไร และความเหมาะสมอยู่ที่ไหน
เมื่อถามว่า ในทางกลับกัน จะถูกมองว่ารัฐบาลผลักภาระ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย รักษาตามกฎหมาย และที่ผ่านมา เราพยายามที่จะจัดรูปแบบให้ รูปแบบไม่มีการสร้างปัญหายืดเยื้อ ซึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่มีการชุมนุม โดยไม่มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉะนั้นต้องค่อยๆ ปรับตรงนี้ไป
เมื่อถามว่ารัฐบาลได้เตรียมมาตรกรที่จะรองรับ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถูกต้อง แต่ตรงนี้เป็นส่วนต่างหาก ซึ่งขณะนี้ประชาชนที่เดือดร้อน เขามา อะไรที่รัฐบาลช่วยได้รัฐบาลก็จะดำเนินการ และวิธีการที่มากระทบกระทั่งกัน เพราะต้องไม่ลืมว่า ถ้าพยายามที่จะทำอะไรแล้วเกิดการกระทบกระทั่งกัน แทนที่จะแก้ปัญหา กลับกลายว่าปัญหาจะใหญ่กว่าเดิม
เมื่อถามว่า แม้ว่าศาลจะมีคำพิพากษาที่ค่อนข้างชัดเจนออกมาแล้ว แต่ในทางปฏิบัติ กลับไม่สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีหลายคำวินิจฉัยที่ออกมา เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานให้ทราบว่า การชุมุนมเมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้ชุมนุม ฝ่าแนวรั้ว ศาลก็ยกคำร้อง ดังนั้นเจ้าหน้าตำรวจเอง ยังมีปัญหาอยู่
"ธิดาแดง"เผย 23 ม.ค.อยู่ยาวถึงเที่ยงคืน
ในวันเดียวกันนี้ ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช.กล่าวว่า ในวันที่ 23 ม.ค. จะมีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ราชประสงค์ โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 13.00 น. จากนั้นจะเคลื่อนตัวไปยังบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลา 15.00 น.และจะยุติการชุมนุมภายในเวลาเที่ยงคืน
ส่วนการที่ผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ ได้ยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีนั้น ตนก็เข้าใจความเดือดร้อน และก็พร้อมร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการจัดระเบียบพื้นที่ในระหว่างการชุมนุมให้เหมาะสมในสิ่งที่เป็นไปได้ แต่ไม่รวมถึงข้อต่อรอง และการร่วมมือกับรัฐบาล
ด้านนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษกนปช. กล่าวว่า ที่ผ่านมาพวกตนไม่ได้มีการปิดกั้นจนทำให้ผู้ค้าเดือดร้อน ขอให้เข้าใจว่าคนเสื้อแดงต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ให้กับทุกคน รวมทั้งผู้ประกอบการค้าด้วย การทำหนังสือถึงนายกฯ ควรเรียกร้องให้คืนความเป็นธรรมแก่ประชาชน จะดีกว่า
เมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ (12 ม.ค.) นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ พร้อมด้วยตัวแทนอีก 13 คน เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาหารือประมาณ 40 นาที
จากนั้นนายชาย เปิดเผยว่าการเข้าพบนายกฯครั้งนี้เพื่อต้องการทราบแนวคิดของนายกฯว่าจะดำเนินการอย่างไรกับปัญหาการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งนายกฯได้อธิบายให้ฟังว่า สถานการณ์ค่อนข้างซับซ้อน และรัฐบาลพยายามทำเต็มที่ แต่ประเด็นหลักคือ ถ้าเป็นไปได้พวกเราขอเข้าไปทำแผนการจัดการชุมนุมของเสื้อแดงได้หรือไม่ เพื่อให้ความเดือดร้อนบรรเทาลง คิดว่าในแง่การทำให้ความวุ่นวายกลายเป็นความปรองดองกันเป็นรูปธรรมได้ เราคงต้องมานั่งคุยให้เข้าใจกัน ในเรื่องกระบวนการของการจัดการ ทุกคนต้องอดทนเยอะ ๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯและตำรวจเห็นด้วยในการให้ผู้ค้าเข้าไปร่วมทำกิจกรรมตรงนี้หรือไม่ นายชาย กล่าวว่า รูปแบบเป็นอย่างไร มันมีหลายประเด็นที่ต้องดู
1. ข้อกำจัดของพื้นที่ รูปแบบการชุมนุมทำอย่างไรที่ว่าให้ทุกคนได้ผล ให้เข้าใจผู้ที่เดือดร้อน ซึ่งมันเยอะมาก ที่เรามาเพื่อบอกว่ามีคนเดือดร้อนมากกว่าที่ทุกคนคิด มากกว่าที่เห็นในสื่อ ฉะนั้นประเด็นต้องดูว่า เราจะช่วยอย่างไรไม่ให้สังคมแตกแยกมากกว่าเดิม
เมื่อถามว่านายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่ม นปช. ระบุว่า ก่อนที่จะมีการชุมนุมได้ประสานกับกลุ่มผู้ค้า มีการประสานมาจริงหรือไม่ นายชาย กล่าวว่า ไม่เคย เมื่อถามว่าการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงมีปฏิทินชัดเจนในวันที่ 23 ม.ค.นี้ จะมีการประสานอย่างไร เพื่อให้เกิดรูปแบบตามที่ผู้ค้าต้องการ นายชาย กล่าวว่า เราจะนัดแกนนำกลุ่มเสื้อแดง เพื่อขอเข้าไปให้คำปรึกษา โดยเสร็จจากนี้แล้วจะไปนัด ส่วนจะให้มีภาครัฐเข้าไปร่วมด้วยหรือไม่นั้น อยากจะปรึกษาเสื้อแดงก่อน และเอาที่เขาสบายใจ
เมื่อถามว่าหวังว่าจะได้รับการตอบรับอย่างไรบ้าง นายชาย กล่าวว่า คิดว่าคนเสื้อแดงคนที่ดีๆ อยู่เยอะ เราเคยสัมผัสมาตอน 2 เดือนที่นั่น เขาเป็นคนบริสุทธิ์ มาด้วยอุดมการณ์ที่ดี แล้วไม่คิดจะสร้างความเดือดร้อน ประเด็นคือ ขอวิงวอนคนเหล่านั้น ขอความเห็นใจกับส่วนรวมเห็นใจกัน ซึ่งเราเป็นคนไทยทั้งนั้น ย่านราชประสงค์มีทั้งแดง และหลายสี แต่เราก็อยู่ด้วยกันได้ด้วยความเข้าใจ
เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีการประเมินความเสียหาย เมื่อปีที่ผ่านมาว่าน่าจะอยู่หลักหมื่นล้าน นายชาย กล่าวว่า ใช่ครับ เมื่อถามว่าประเมินหรือไม่ว่า หากปีนี้มีการชุมนุมทั้งปี เหมือนที่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และมีทุกเดือน จะเกิดความเสียหายเท่าไร นายชาย กล่าวว่า เสียหายแก่ส่วนรวมมากกว่าตัวเลขที่เรามอง มันเสียหายต่อความมั่นใจของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในเมืองไทย มันเสียหายในแง่การแข่งขันระดับประเทศที่เราพยายามทำ มันเสียหายในแง่ของรัฐบาลมีภาษีน้อยลง ฉะนั้นทุกอย่างจะหดหมด ถ้ามัวทะเลาะกัน ไม่มีใครได้อะไรเลย จริงๆเราควรร่วมกัน เข้าใจว่าอุดมการณ์หลายอย่าง การเรียกร้องมีเหตุ และมีผล ที่จริงก็ควรจะเข้าใจ แต่ใครก็ตามที่จะชุมนุม น่าจะให้ชุมชนนั้นเป็นเพื่อนด้วยซ้ำ ทำไมให้ความเดือดร้อน กลายเป็นศัตรู ทำไมให้แผลมันลึกมากขึ้น
นายชายระบุว่าในแนวคิด อาจต้องคิดกันใหม่ ตอนนี้มันไม่ใช่ มันเปลี่ยนรูปไปแล้ว ในการชุมนุมตอนนี้เรียกร้องขอความยุติธรรม ปีที่แล้วเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ฉะนั้นมันเปลี่ยนรูปไปแล้ว การเรียกร้อง เป็นการเรียกร้องคนละเรื่องกัน ไม่ใช่เป็นเรื่องของการพยายามต่อสู้กับภาครัฐ อันนี้คือขอให้กระบวนการมันทำงาน ให้เข้าระบบให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่านายกฯได้ให้ความมั่นใจหรือจะช่วยเหลืออย่างไรบ้าง นายชาย กล่าวว่า ตนคิดว่าอันนี้ความมั่นใจมันอยู่ที่พวกเรา ทั้งที่เราเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา ตนว่าคงไม่มีใครมั่นใจ แต่ว่าคุยกันได้หรือไม่ เริ่มต้น ให้ความเห็นใจกันได้หรือไม่ ให้ความเข้าใจกันได้หรือไม่ อันนี้เป็นความเป็นไทยที่เราจะเรียกกลับคืนมาได้
เมื่อถามว่าไม่ต้องการให้มีการชุมนุม ใช่หรือไม่ นายชาย กล่าวว่า การชุมนุมเป็นสิ่งที่ดี แต่การชุมนุมต้องมีขอบเขตของการไม่ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ หรือถ้าการชุมนุมมีคนจำนวนมาก ก็ต้องเปลี่ยนรูปแบบการชุมนุม มันมีการชุมนุมของต่างประเทศที่เราเห็นแล้วมันได้ผลทางการเมือง
เมื่อถามว่าได้อะไรจากการพบนายกฯในวันนี้ นายชาย กล่าวว่า ได้จุดเริ่มต้น ที่นับหนึ่งที่บอกว่ามีคนเดือดร้อน ที่อยากจะเข้ามาช่วยกัน และสร้างประเทศให้ดีขึ้น เพราะคนเดือดร้อนมีมากกว่าที่ทุกคนคิด ที่เห็น และความรู้สึกข้างในอีกเยอะ สิ่งที่เราทำต่อไปในแง่สมาคมฯ
“ เมื่อวันที่11 ม.ค. ที่มามอบจดหมายเปิดผนึก แล้วมีคนมา 2,000 คน อันนั้นเราไม่ได้ออกสื่อ มากันเอง เราจะสร้างอันนั้นให้คนมาเซ็นต์เพิ่มขึ้น และคิดว่าเป็นแสนแน่นอนที่จะมาสนับสนุนว่า อยากเห็นความปรองดอง โดยเราจะเปิดโต๊ะให้ลงชื่อสนับสนุนเรา โดยจะเริ่มภายในสัปดาห์นี้ อยากเห็นการชุมนุมที่มีระบบ ระเบียบ แต่เราไม่ได้ค้านการชุมนุม เราไม่ใช่ศัตรูกับคนมาชุมนุม จะเป็นสีอะไรก็ตาม แต่การชุมนุมต้องมีรูปแบบที่ชัดเจนขึ้น ไม่อย่างนั้นแล้วความเดือดร้อนจะกลายเป็นความแค้น และความเกลียดชัง มันจะลึกขึ้น เดี๋ยวจะมีสีอะไรโผล่ขึ้นมาอีกก็ไม่รู้ ซึ่งเราไม่อยากเห็น ฉะนั้นเราจึงขออาสาทำกระบวนการนี้ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ขอความเห็นใจพี่น้องสื่อ พวกเราพยายามทำสิ่งที่ดีต่อส่วนรวม" นายชายกล่าว
เมื่อถามว่าเสื้อแดงแยกส่วนกันแล้ว คุยกับใครถึงจะได้บทสรุป นายชาย กล่าวว่า ปัญหาคงมี แต่เราไม่ท้อ แม้เสื้อแดงจะมีหลายกลุ่ม เราก็ต้องพยายาม เมื่อถามว่ามีชุมชนอะไรบ้างที่ได้รับผลกระทบนอกจากราชประสงค์ นายชาย กล่าวว่า มันกว้าง โรงแรมทั้งกรุงเทพฯ กระทบหมด ท่องเที่ยวกระทบหมด มันต้องสร้างความเข้าใจ กระบวนการถ้าเราไม่เริ่มก็ไม่มีความเข้าใจ
เมื่อถามว่าจะเป็นตัวเร่งให้มีการยุบสภาหรือไม่ เพราะถ้ายุบสภาเร็วขึ้น จะช่วยแก้ไขสถานการณ์ นายชาย กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และไม่ขอยุ่งกับการเมือง เพราะคิดว่าการเมืองเป็นต้นเหตุให้เกิดความวุ่นวาย
" ถ้าเสื้อแดงประกาศจะมาชุมนุม คนก็จะไม่ออกมาชอปปิ้ง ก็เหมือนปิดตัวเองไปโดยปริยาย ตอนที่ยึด 2 เดือน คนงาน 33,000 คน เสี่ยงกับการถูกไล่ออก พวกทำงานในศูนย์การค้า โรงแรม น่าเป็นห่วง คือคนที่ทำงาน ผมก็ขอความร่วมมือตำรวจด้วย เราก็ขอให้รัฐบาลช่วยฟังเราหน่อย ถ้าทำอย่างนี้แล้วตำรวจจะช่วยได้หรือไม่ หากเราเคลียร์กับกลุ่มเสื้อแดงแล้ว ทำอย่างไรจะสร้างกระบวนการได้" นายชาย กล่าว
"มาร์ค"โบ้ยตำรวจจัดการ
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า กลุ่มผู้ค้าราชประสงค์ ได้มาพูดถึงเรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งทางผู้ค้าเข้าใจดีถึงสิทธิของผู้ชุมนุม ตนเห็นว่าไม่อยากให้เป็นเรื่องของการเมือง แต่น่าจะเป็นเรื่องที่ทั้ง 2 ฝ่ายพูดคุยกัน และให้ ตำรวจเป็นคนกลาง เพราะทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามที่จะดู ให้ผู้ชุมนุมใช้สิทธิได้ตามรัฐธรรมนูญ และไม่กระทบกระเทือนสร้างความเดือดร้อน แต่ที่ผ่านมา อาจจะมีบางประเด็นที่ยังเป็นปัญหาอยู่บ้าง แต่ในภาพรวมตนได้ชี้ให้เห็นว่า ทางเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมได้มีการพูดคุยล่วงหน้า และพยายามหาแนวทางที่เหมาะสม ส่วนจะปรับให้มีความเหมาะสมอย่างไร 3 ฝ่าย จะประสานกันเอง จะได้ไม่มีเรื่องของการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า ดูเหมือนผู้ค้าค่อนข้างที่จะผิดหวัง เพราะรัฐบาลไม่สามารถให้ความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาได้ นายกฯ กล่าวว่าทางผู้ค้าก็เข้าใจ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ เพราะจากที่นั่งคุยกัน ทางผู้ค้าทราบดีว่า มีประเด็นที่ละเอียดอ่อน ต้องระมัดระวัง ทั้งผู้ใช้กฎหมาย หรือผู้บังคับใช้กฎหมายเอง ซึ่งต้องทำด้วยความระมัดระวัง ถ้าไปทำอะไรแล้วเป็นชนวนให้เกิดความวุ่นวายกว่านี้ จะยิ่งแย่ ฉะนั้นเมื่อเราพูดถึงคนจำนวนมาก และเป็นมวลชนที่เคลื่อนไหว ก็ต้องฟังผู้ปฏิบัติด้วย ทั้งนี้น่าจะมีแนวทางที่ปรับได้อีก ซึ่ง 3 ฝ่ายจะต้องไปคุยกัน
ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ยืนยันว่า ถึงอย่างไรก็จะชุมนุมกันที่บริเวณราชประสงค์ เช่นเดิม เพราะการชุมนุมไม่ได้กระทบต่อสิทธิผู้อื่น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ควรที่จะคุยกัน เพราะหากคนอื่นไปพูดแทน จะหาว่าเป็นเรื่องการเมือง ให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงได้อธิบายว่าได้รับผลกระทบอย่างไร ส่วนที่จะตกลงกันได้หรือไม่นั้น อย่าไปสรุปว่า ได้หรือไม่ได้ เพราะทางผู้ประกอบการเอง เขามีความเข้าใจในเรื่องราวทั้งหมดพอสมควร ซึ่งเขาพยายามเสนอแนวทางที่ทุกฝ่ายรับกันได้
เมื่อถามว่า เมื่อไรที่มีการชุมนุม คนจะไม่กล้ามาซื้อของ หรือเข้ามาพักโรงแรมต่างๆ ในบริเวณดังกล่าว นายกฯ กล่าวย้ำว่า คงจะต้องให้ 3 ฝ่ายไปคุยกัน เพราะเขาก็มีแนวคิดของเขาอยู่ ซึ่งความจริงเขาได้มีโอกาสพูดคุยกับแกนนำผู้ชุมนุมบ้างแล้ว ซึ่งคนที่เขาพูดคุยด้วย ได้รับฟังตามสมควร เมื่อถามอีกว่า คนเสื้อแดงได้พูดถึงคนหลายกลุ่ม ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ตกลงจะสามารถได้ข้อยุติได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นคนกลาง ซึ่งได้ไปสัมผัสกับผู้ชุมุนมโดยตรง ไปประสาน และจะพูดคุยกับคนที่ประสานงานจริงในวันที่มีการชุมนุม ส่วนจะได้ทางออกก่อนที่จะมีการชุมุนมในวันที่ 23 ม.ค. หรือไม่นั้น ตนหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความพร้อมที่จะพูดคุยกัน ส่วนในระยะกลาง ระยะยาว ก็พูดถึงเรื่องตัวกฎหมาย พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะนั้น ซึ่งตนได้บอกไปว่า ทางคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล กำลังพิจารณา เพราะต้องการที่จะผลักดันกฎหมายฉบับนี้ แต่ไม่ต้องการให้เป็นชนวนความขัดแย้ง จึงต้องอาศัยเวลาการทำความเข้าใจ
เมื่อถามว่า กฎหมายฉบับนี้ก็ไม่สามารถผลักดันมาใช้ในช่วงเวลานี้ได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กฎหมายต้องใช้เวลา ซึ่งผู้ประกอบการที่มาก็เข้าใจ ซึ่งระหว่างที่ไม่มีกฎหมาย ก็ใช้วิธีการเจรจา 3 ฝ่าย เพื่อที่จะดูว่ามีแนวอย่างไร ก็มีข้อเสนออยู่ต้องให้เขาไปคุยกันเองก่อน
เมื่อถามว่า นอกจากตำรวจ รัฐบาลจะส่งใครส่งใครไปหรือไม่ เพราะทั้ง 2 ฝ่ายต้องการความมั่นใจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะช่วยประสานงานให้ แต่หากรัฐบาลเข้าไป จะกลายเป็นเรื่องการเมือง ฉะนั้นให้ผู้ประกอบการและผู้ชุมนุมคุยกัน เป็นแนวทางที่ดีที่สุด
เมื่อถามว่า รูปแบบที่ต่างฝ่ายต่างใช้สิทธิของตนเอง เป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เขามีข้อเสนออยู่แล้ว แต่ว่าให้เขาไปคุยกันเองก่อน หากเราไปพูดอะไรตอนนี้ จะหาว่าเป็นการกำหนดจากฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ ให้เขาได้คุยกัน เพื่อที่จะได้เข้าใจซึ่งกันและกัน ว่าแต่ละฝ่ายต้องการอย่างไร และความเหมาะสมอยู่ที่ไหน
เมื่อถามว่า ในทางกลับกัน จะถูกมองว่ารัฐบาลผลักภาระ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย รักษาตามกฎหมาย และที่ผ่านมา เราพยายามที่จะจัดรูปแบบให้ รูปแบบไม่มีการสร้างปัญหายืดเยื้อ ซึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่มีการชุมนุม โดยไม่มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉะนั้นต้องค่อยๆ ปรับตรงนี้ไป
เมื่อถามว่ารัฐบาลได้เตรียมมาตรกรที่จะรองรับ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถูกต้อง แต่ตรงนี้เป็นส่วนต่างหาก ซึ่งขณะนี้ประชาชนที่เดือดร้อน เขามา อะไรที่รัฐบาลช่วยได้รัฐบาลก็จะดำเนินการ และวิธีการที่มากระทบกระทั่งกัน เพราะต้องไม่ลืมว่า ถ้าพยายามที่จะทำอะไรแล้วเกิดการกระทบกระทั่งกัน แทนที่จะแก้ปัญหา กลับกลายว่าปัญหาจะใหญ่กว่าเดิม
เมื่อถามว่า แม้ว่าศาลจะมีคำพิพากษาที่ค่อนข้างชัดเจนออกมาแล้ว แต่ในทางปฏิบัติ กลับไม่สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีหลายคำวินิจฉัยที่ออกมา เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานให้ทราบว่า การชุมุนมเมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้ชุมนุม ฝ่าแนวรั้ว ศาลก็ยกคำร้อง ดังนั้นเจ้าหน้าตำรวจเอง ยังมีปัญหาอยู่
"ธิดาแดง"เผย 23 ม.ค.อยู่ยาวถึงเที่ยงคืน
ในวันเดียวกันนี้ ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช.กล่าวว่า ในวันที่ 23 ม.ค. จะมีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ราชประสงค์ โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 13.00 น. จากนั้นจะเคลื่อนตัวไปยังบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลา 15.00 น.และจะยุติการชุมนุมภายในเวลาเที่ยงคืน
ส่วนการที่ผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ ได้ยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีนั้น ตนก็เข้าใจความเดือดร้อน และก็พร้อมร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการจัดระเบียบพื้นที่ในระหว่างการชุมนุมให้เหมาะสมในสิ่งที่เป็นไปได้ แต่ไม่รวมถึงข้อต่อรอง และการร่วมมือกับรัฐบาล
ด้านนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษกนปช. กล่าวว่า ที่ผ่านมาพวกตนไม่ได้มีการปิดกั้นจนทำให้ผู้ค้าเดือดร้อน ขอให้เข้าใจว่าคนเสื้อแดงต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ให้กับทุกคน รวมทั้งผู้ประกอบการค้าด้วย การทำหนังสือถึงนายกฯ ควรเรียกร้องให้คืนความเป็นธรรมแก่ประชาชน จะดีกว่า