xs
xsm
sm
md
lg

ท็อปไฟว์ขายตรงแห่บูมออนไลน์ เปิดศึกชิงนักขายรุ่นใหม่ขยายภูธร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จับตาค่ายธุรกิจขายตรง แห่ลุยขายสินค้าออนไลน์ปีเถาะ แข่งเดือดเจาะนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ไฟแรง “กิฟฟารีน” ลั่นระบบสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ดีเดย์เปิดกลางเดือนกุมภาพันธ์ มั่นใจปีนี้ช่องทางออนไลน์บูมเพิ่มสัดส่วน 20% ของตลาดรวม ด้าน”นู สกิน” ชูไอทีโซลูชั่น360องศา ขยายนักธุรกิจภูธร ชี้ข้อดีรองรับภัยธรรมชาติ-พิษการเมือง หวัง 3 ปีนักธุรกิจออนไลน์ไทย 50% เทียบชั้นต่างประเทศ

นายเอกกมล บุญญาภิสันท์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงกิฟฟารีน เปิดเผยว่า ปีนี้ค่ายธุรกิจขายตรงหลายชั้นระดับท็อปไฟว์ อาทิ แอมเวย์, กิฟฟารีน และนูสกิน ฯลฯ เริ่มหันมาให้ความสำคัญการขยายช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพราะเป็นช่องทางที่มีศักยภาพและนับว่าเป็นเซกเมนต์ใหม่ที่จะช่วยให้ธุรกิจขายตรงสามารถขยายนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ที่เป็นคนเมืองเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังสามารถเข้าถึงผู้บริโภคทั่วไปได้ง่ายขึ้น ตลอดจนการรับรู้ถึงข้อมูล และยังมีความสะดวก รวดเร็ว

ทั้งนี้การปรับตัวแทบจะทุกค่ายของธุรกิจขายตรง เพื่อรองรับยุคดิจิตอลที่มาแรง ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนทำให้เข้าถึงตัวบุคคลได้ง่ายมากขึ้น และทำให้คนเข้าถึงข้อมูลสินค้าและผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น กระแสการใช้สมาร์ทโฟน อาทิ ไอโฟน แบล็กเบอร์รี่ หรือกระทั่งโซเชียล มีเดีย อย่าง เฟซบุ๊คที่มาแรงอย่างมากสำหรับคนไทย อย่างไรก็ตาม ประมาณการณ์ว่าปีนี้สัดส่วนของนักธุรกิจขายตรงจากทางช่องทางออนไลน์ 20% ของตลาดรวม ส่วนอีก 80% เป็นนักธุรกิจในรูปแบบออฟไลน์

“แนวโน้มจากนี้ไปทุกกลุ่มธุรกิจจะปรับตัว และหันมาให้ความสำคัญการดำเนินธุรกิจช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งพบว่า ทั้งจากวงการค้าปลีก กลุ่มเซ็นทรัล ,เดอะมอลล์ เปิดเว็บไซต์จำหน่ายสินค้า ขณะที่ยักษ์ใหญ่ยูนิลีเวอร์ ก็ประกาศให้เพิ่มงบประมาณเพื่อรับกับยุคดิจิตอลมากขึ้น”

สำหรับแผนขยายธุรกิจทางออนไลน์ของกิฟฟารีน ในปีนี้บริษัทจะการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์บน www.giffarine.co.th ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ นี้ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบอยู่ ล่าสุดบริษัทได้ทำการสำรวจกลุ่มนักธุรกิจ ที่พร้อมใช้ระบบการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์มีจำนวน 1 หมื่นราย หรือเป็นผู้ที่มีความพร้อมการทำธุรกรรมการเงินทางอีแบงก์กิ้งขณะเดียวกันบริษัทก็มีจัดอบรมให้กับนักธุรกิจทั้งการสั่งซื้อสินค้าทางระบบออนไลน์และการชำระเงิน ฯลฯ

“ข้อจำกัดทางการดำเนินธุรกิจออนไลน์ในขณะนี้ คือ คนไทยไม่นิยมทำธุรกรรมทางการเงินผ่านอีแบงก์กิ้ง และระบบการส่งสินค้าทางไปรษณีย์ มีค่าใช้จ่ายสูง ส่วนความเชื่อมั่นของผู้สั่งซื้อสินค้า หากเป็นสินค้าที่มีแบรนด์น่าเชื่อถือได้ ก็ไม่มีปัญหาเพราะผู้ซื้อจะมั่นใจว่า ได้รับสินค้าแน่นอน”

ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าการเปิดดำเนินธุรกิจทางช่องทางออนไลน์ของกิฟฟารีน ปีแรกจะมีกลุ่มนักธุรกิจทางช่องทางออนไลน์สัดส่วนมากกว่า 10% แน่นอน ส่วนผลประกอบการปีนี้5,500 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมารายได้ 4,828 ล้านบาท เติบโต 4% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายการเมือง และอุทกภัยที่เกิดขึ้น

**นูสกินลุยไอทีโซลูชั่น360องศา***

นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงนู สกิน กล่าวว่า ปีนี้ภาพรวมธุรกิจขายตรงเติบโต 10% จากมูลค่าธุรกิจขาย 5หมื่นล้านบาท เนื่องจากสภาพการเมืองภายในประเทศเริ่มนิ่ง หลังจากปีที่ผ่านมาผลจากความไม่สงบทางการเมืองในช่วงครึ่งปีแรก ทำให้ตลาดโต 7% เท่านั้นอย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจขายตรงออนไลน์ในเชิงรุก ด้วยการพัฒนาระบบไอที โซลูชั่น 360 องศา เพื่อขยายลูกค้าต่างจังหวัดในทุกๆ ด้าน

สำหรับไอที โซลูชั่น เป็นระบบการจัดซื้อสินค้าออนไลน์ หรือเรียกว่าเว็บอีดีซี ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิก และผู้แทนจำหน่ายสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเดินทางเข้ามาภายในศูนย์บริการ และสามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าโดยตรงสเมือนเป็นตัวแทนของบริษัท ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้เว็บอีดีซี เมื่อปี 2553 พบว่ายอดการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางระบบออนไลน์เติบโตขึ้น 200%

ขณะเดียวกันบริษัทยังพัฒนาระบบการจัดอบรม สัมมนา และประชุมทางไกล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้แทนจำหน่ายในต่างจังหวัด ซึ่งมีฐานลูกค้าสัดส่วน 40 % และกรุงเทพฯ 60% อย่างไรก็ตาม ข้อดีการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ ส่วนหนึ่งรองรับกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นและการเมืองที่ไม่สงบ และจากการดำเนินตลาดเชิงรุกปีนี้ ตั้งเป้านักธุรกิจทางออนไลน์เพิ่มจาก 10% เป็น 20%จากในปี 2552 มีนักธุรกิจเพียง 2% เท่านั้น ที่เหลือ 98 % เป็นออฟไลน์

นางภคพรรณ กล่าวว่า ในตลาดต่างประเทศ มีกลุ่มนักธุรกิจขายตรงทางออนไลน์ สัดส่วนถึง 50% และออฟไลน์ 50% สำหรับประเทศไทย เชื่อว่าใช้เวลาประมาณ 3 ปี นักธุรกิจออนไลน์จะเพิ่มสัดส่วน 50% และออฟไลน์ 50% โดยกลุ่มสินค้าที่นักธุรกิจสั่งซื้อจากออนไลน์ก็มีความหลากหลาย อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้าโต 30% หรือมีรายได้ 2,600 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาโต 40% หรือมีรายได้ 2,000ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น