ไลอ้อน เปิดศึกทัพสินค้าอุปโภคบริโภคปีเถาะ บุกช่องใหม่ขายสินค้าออนไลน์รับเทรนด์Gen Z นิยมซื้อสินค้าทางเน็ต หลังซุ่มพัฒนา 2-3 ปี ประเดิมขายสินค้า 4-5 รายการ หวังปูพรมรับช่องทางออนไลน์โตพรวดกวาดสัดส่วนมากกว่า 10% ลั่นขนวัตกรรมใหม่คอนเซปต์เพื่อสุขภาพสู้ศึกตลาดแข่งเดือด สิ้นปีโต 10% กวาด 1.2 หมื่นล้านบาท
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี ประธานกรรมการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า นโยบายการตลาดปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการขยายช่องทางจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ในเชิงรุกมากขึ้น หลังจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้เริ่มได้พัฒนาการจำหน่ายบนเว็บไซต์ www.lion.co.th ด้วยการแจกสินค้าตัวอย่างให้ผู้เยี่ยมชมหรือร่วมกิจกรรม และมีการจำหน่ายสินค้า4-5 รายการ อาทิ แชมพูฟอลเลส และสบู่อนามัยคิเรอิ คิเรอิ ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อรองรับกับพฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของกลุ่มGEN Z ซึ่งจะไม่เดินทางออกจากบ้านและมีการซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์
การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านทางช่องทางออนไลน์ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับผู้บริโภคไทย แต่ในอนาคตจะกลายเป็นช่องทางที่มีศักยภาพ จากปัจจุบันการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์จำกัดอยู่เฉพาะคนเมือง ซึ่งหากมีการใช้คอมพิวเตอร์ครอบคลุมทุกครัวเรือน มีระบบไอทีที่ดี ขณะที่ไปรษณีย์ไทยถือว่ามีระบบที่ดีอยู่แล้ว คาดว่าพฤติกรรมการสั่งซื้อจะขยายจากคนเมืองไปสู่ตลาดต่างจังหวัดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะถือว่าเป็นช่องทางที่สะดวกสบาย และประหยัดเวลาในการเดินทาง ซึ่งคาดว่าในอนาคตช่องทางออนไลน์ จะกลายเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าในสัดส่วนมากกว่า 10% ในอนาคต
“ที่ผ่านมาการขายสินค้าอุปโภคบริโภค ช่องทางใหญ่ที่สุด คือ โมเดิร์นเทรด และตามด้วยเทรดิชันนัลเทรด ขณะที่ช่องทางออนไลน์จะกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ทั้งสำหรับผู้ประกอบการและผู้บริโภค”
นายบุญฤทธิ์ กล่าวต่อถึง ในปีนี้บริษัทจะมีการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ ภายใต้แนวคิดเพื่อสุขภาพ ซึ่งจะเป็นพัฒนาสินค้าจากญี่ปุ่นและประเทศไทยเอง ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับกับกระแสสุขภาพที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็รองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ซึ่งสินค้าจะต้องตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะด้านของผู้บริโภคมากขึ้น รวมทั้งรองรับกับการแข่งขันของตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค โดยปีนี้บริษัทวางงบการตลาด 20-25% จากรายได้โดยรวม
แนวโน้มตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคปีนี้ การเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้การเติบโตของตลาดขึ้นอยู่กับการเติบโตของประชากรและรายได้ของคนในประเทศ สำหรับปีนี้การแข่งขันของแต่ละค่าย หันมามุ่งพัฒนาสินค้าเพื่อสุขภาพและกรีนคอนเซปต์ การรณรงค์ลดโลกร้อน มีการใช้สารเคมีเป็นส่วนประกอบที่น้อยลง หรือวัตถุดิบมาจากธรรมชาติ เพราะปัจจัยการซื้อสินค้าของผู้บริโภคจะเริ่มมองหาแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้า 10% หรือมีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมาบริษัทเติบโต 12% หรือมีรายได้ 1.1 หมื่นล้านบาท
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี ประธานกรรมการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า นโยบายการตลาดปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการขยายช่องทางจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ในเชิงรุกมากขึ้น หลังจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้เริ่มได้พัฒนาการจำหน่ายบนเว็บไซต์ www.lion.co.th ด้วยการแจกสินค้าตัวอย่างให้ผู้เยี่ยมชมหรือร่วมกิจกรรม และมีการจำหน่ายสินค้า4-5 รายการ อาทิ แชมพูฟอลเลส และสบู่อนามัยคิเรอิ คิเรอิ ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อรองรับกับพฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของกลุ่มGEN Z ซึ่งจะไม่เดินทางออกจากบ้านและมีการซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์
การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านทางช่องทางออนไลน์ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับผู้บริโภคไทย แต่ในอนาคตจะกลายเป็นช่องทางที่มีศักยภาพ จากปัจจุบันการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์จำกัดอยู่เฉพาะคนเมือง ซึ่งหากมีการใช้คอมพิวเตอร์ครอบคลุมทุกครัวเรือน มีระบบไอทีที่ดี ขณะที่ไปรษณีย์ไทยถือว่ามีระบบที่ดีอยู่แล้ว คาดว่าพฤติกรรมการสั่งซื้อจะขยายจากคนเมืองไปสู่ตลาดต่างจังหวัดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะถือว่าเป็นช่องทางที่สะดวกสบาย และประหยัดเวลาในการเดินทาง ซึ่งคาดว่าในอนาคตช่องทางออนไลน์ จะกลายเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าในสัดส่วนมากกว่า 10% ในอนาคต
“ที่ผ่านมาการขายสินค้าอุปโภคบริโภค ช่องทางใหญ่ที่สุด คือ โมเดิร์นเทรด และตามด้วยเทรดิชันนัลเทรด ขณะที่ช่องทางออนไลน์จะกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ทั้งสำหรับผู้ประกอบการและผู้บริโภค”
นายบุญฤทธิ์ กล่าวต่อถึง ในปีนี้บริษัทจะมีการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ ภายใต้แนวคิดเพื่อสุขภาพ ซึ่งจะเป็นพัฒนาสินค้าจากญี่ปุ่นและประเทศไทยเอง ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับกับกระแสสุขภาพที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็รองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ซึ่งสินค้าจะต้องตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะด้านของผู้บริโภคมากขึ้น รวมทั้งรองรับกับการแข่งขันของตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค โดยปีนี้บริษัทวางงบการตลาด 20-25% จากรายได้โดยรวม
แนวโน้มตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคปีนี้ การเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้การเติบโตของตลาดขึ้นอยู่กับการเติบโตของประชากรและรายได้ของคนในประเทศ สำหรับปีนี้การแข่งขันของแต่ละค่าย หันมามุ่งพัฒนาสินค้าเพื่อสุขภาพและกรีนคอนเซปต์ การรณรงค์ลดโลกร้อน มีการใช้สารเคมีเป็นส่วนประกอบที่น้อยลง หรือวัตถุดิบมาจากธรรมชาติ เพราะปัจจัยการซื้อสินค้าของผู้บริโภคจะเริ่มมองหาแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้า 10% หรือมีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมาบริษัทเติบโต 12% หรือมีรายได้ 1.1 หมื่นล้านบาท
