ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ -กรมศิลป์ เล็งจัดเสวนาเรื่องรุกล้ำกำแพงดินเชียงใหม่ หวังสร้างจิตสำนึกให้คนเห็นความสำคัญ รองอธิบดีเผยระยะยาวมอง “ฟื้นฟูแนวกำแพง-ย้ายคนออก-ปรับภูมิทัศน์” แต่ต้องรอบคอบเพราะกระทบคนเยอะ ส่วนอาคารพาณิชย์ที่สร้างรุกล้ำเตรียมสั่งระงับ-รื้อถอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่สำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ได้มีการประชุมหารือเรื่องการจัดเสวนาปัญหาการใช้พื้นที่โบราณสถานกำแพงดิน จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายเอนก สีหามาตย์ รองอธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธาน และมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
การประชุมดังกล่าว สืบเนื่องจากกรณีการบุกรุกพื้นที่โบราณสถานกำแพงดินในจ.เชียงใหม่ ซึ่งปรากฏเป็นข่าวในช่วงปลายปี 2553 ภายหลังมีการร้องเรียนเรื่องการรุกล้ำและการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างบนแนวพื้นที่กำแพงดิน
ในที่ประชุมมีการนำเสนอแผนการจัดประชุมเสวนา “การอนุรักษ์และพัฒนาโบราณสถานกำแพงดิน เมืองเชียงใหม่” โดยมีสำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่เป็นผู้ดำเนินการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ให้เกิดความรัก ความหวงแหน และตระหนักถึงความสำคัญของโบราณสถานกำแพงดิน
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวกันอย่างหลากหลาย ซึ่งมีทั้งกลุ่มที่เห็นว่าภาครัฐควรดำเนินการทางกฎหมายอย่างจริงจัง เนื่องจากเป็นการรุกล้ำพื้นที่โบราณสถาน อีกทั้งยังเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานและยังไม่ได้รับการแก้ไข กับกลุ่มที่เห็นว่าการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากการบุกรุกพื้นที่กำแพงดินเป็นปัญหาใหญ่และมีผู้เกี่ยวข้องที่จะได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้สรุปว่าจะมีการปรับแผนการสัมมนา ซึ่งเดิมมีกำหนดจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 27-28 ม.ค. 2554 ใหม่ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ทั้งในเรื่องวันเวลา ระยะเวลาการจัดงาน รวมถึงรูปแบบและรายละเอียดภายในงาน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีความเห็นร่วมกันว่า จะมีการลงพื้นที่เพื่อสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กำแพงดินและสภาพของแนวกำแพงดินในปัจจุบันร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาใช้ในการจัดการเสวนา และใช้ในการนำเสนอต่อคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าเชียงใหม่
รองอธิบดีกรมศิลปากรกล่าวถึงการจัดการเสวนา การอนุรักษ์และพัฒนาโบราณสถานกำแพงดิน เมืองเชียงใหม่ว่า เบื้องต้นเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง และมุ่งหวังให้คนเชียงใหม่เกิดความตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของกำแพงดินเมืองเชียงใหม่ ซึ่งนับเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ที่แสดงให้ถึงความรุ่งเรืองของเมืองเชียงใหม่ที่มีอายุ 700-800 ปี
ส่วนการฟื้นฟูอนุรักษ์กำแพงดินเชียงใหม่ในระยะยาว อาจจะต้องมีการย้ายที่อยู่อาศัยและสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำกำแพงดินเมืองเชียงใหม่ ออกไป แล้วทำการฟื้นฟูอนุรักษ์แนวกำแพงในส่วนที่ยังมีสภาพหลงเหลืออยู่ ส่วนแนวกำแพงที่ไม่เหลือสภาพแล้วก็ทำการปรับปรุงเป็นพื้นที่สาธารณะ โดยมีการปรับภูมิทัศน์ให้เหมาะสม อย่างไรก็ตามยอมรับว่าการจะดำเนินการดังกล่าวได้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องมีความพร้อมทั้งในแง่งบประมาณ และมีพื้นที่รองรับผู้อยู่อาศัยที่จะต้องย้ายออกไป เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
สำหรับ ความคืบหน้าการดำเนินการกับเอกชน ที่กำลังทำการก่อสร้างโรงแรมที่พักและอาคารพาณิชย์รุกล้ำแนวกำแพงดินเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นโบราณสถานรวม 2 จุดนั้น นายเอนกกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่ฝ่ายกฎหมายของกรมศิลปากรกำลังดำเนินการออกคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างและรื้ออาคารดังกล่าว ซึ่งคาดว่าน่าจะเรียบร้อยภายในเร็ววันนี้ เพราะเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญอย่างมาก
ด้านหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการกับเอกชนที่ทำการก่อสร้างโรงแรมและอาคารพาณิชย์รุกล้ำแนวกำแพงดินโบราณเมืองเชียงใหม่รวม 2 จุดว่า ที่ผ่านมาได้สั่งให้ยุติการก่อสร้างไปแล้ว และทราบว่าล่าสุดเอกชนเจ้าของอาคารที่ก่อสร้างทั้ง 2 จุด ได้ทำการอุทธรณ์มา
ทั้ง 2 จุดนี้ทราบว่ามีการก่อสร้างโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทุกอย่างมีความชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งนี้ยืนยันว่าการดำเนินการในกรณีที่เกิดขึ้นจะต้องเป็นไปตามข้อกฎหมายที่บังคับใช้ ยอมรับว่าอาจจะต้องใช้เวลาบ้าง แต่ท้ายที่สุดจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหา
สำหรับปัญหาการรุกล้ำแนวกำแพงดินโบราณเมืองเชียงใหม่ ผู้ว่าฯเชียงใหม่ ยอมรับว่าเป็นปัญหาที่หมักหมมมายาวนานแล้ว ซึ่งการแก้ไขปัญหาจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาไม่สามารถทำลงไปอย่างผลีผลามได้ โดยทางราชการเองกำลังใช้ความพยายามแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นปัญหาให้เกิดความถูกต้อง ด้วยการใช้กฎหมายและความตระหนักเห็นถึงคุณค่าความสำคัญของกำแพงดินในฐานะที่เป็นมรดกของแผ่นดินด้วย