นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK) เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)ไว้ที่ 10%เป็นอย่างต่ำ หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นสุดปี 2554 ที่ 433,000 ล้านบาท จากช่วงต้นปีที่มียอดคงค้าง 395,000 ล้านบาท โดยจะเน้นขยายฐานลูกค้ารายย่อยและลูกรายใหม่เป็นหลัก ขณะที่ในปีที่ผ่านมา ธนาคารมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่12% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วาง 8-10% และเป็นลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเป็นสัดส่วนถึง 30%ของสินเชื่อรวมที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารเชื่อว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะยังเติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนที่มาจากโครงการไทยเข้มแข็ง รวมถึงการบริโภคภาคเอกชนที่จะได้รับผลดีจากโครงการไทยวิวัฒน์ของรัฐบาล และสินค้าเกษตรที่น่าจะมีราคาสูงขึ้น ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้คาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะโตได้ 3.5-4.5%
"การเติบโตสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารนั้น นอกจากจะได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจแล้ว ธนาคารก็ยังมีจุดแข็งด้านผลิตภัณฑ์ที่มีให้เลือกถึงกว่า 20 รายการ การพิจารณาที่รวดเร็วภายใน 48 ชั่วโมง ได้รับเงินภายหลังการอนุมัติ 5 วัน ก็เป็นจุดที่ลูกค้าพึงพอใจ ซึ่งทำให้สินเชื่อของธนาคารโตมากกว่าเป้าและโตกว่าตลาดรวมที่โตประมาณ 4-5% ขณะที่มาเก็ตแชร์ของธนาคารครองอันดับหนึ่งของตลาดที่ 29%ในปีก่อน และในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 30%"
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงของธุรกิจเอสเอ็มอีในปีนี้ก็ยังมีในส่วนของทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ และเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ดังนั้น จึงแนะนำให้ผู้ประกอบการบริหารต้นทุนด้านดอกเบี้ยให้เหมาะสม และซื้อฟอร์เวิร์ดเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงตลาดส่งออกใหม่ๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากเศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรปที่ยังไม่มีความแน่นอน
**ประเดิมแคมเปญใหม่"ชนะใจSME"**
ล่าสุด ธนาคารได้ออกแคมเปญ "ชนะใจ SME" เป็นแคมเปญแรกของปี 2554 สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อเอสเอ็มอีกสิกรไทย (K-SME Credit) มากกว่า 800,000 บาทขึ้นไป จะได้รับเงินผ่อนงวดแรกคืน 20% และสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อไม่เกิน 800,000 บาท จะได้รับเงินผ่อนงวดแรกคืน 10% โดยเงินคืนสูงสุด 15,000 บาทต่อราย
โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมแคมเปญดังกล่าวต้องเป็นกลุ่มผู้ประกอบการที่ มียอดขายไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อปี และยังไม่เคยใช้สินเชื่อธุรกิจใด ๆ กับธนาคารกสิกรไทยมาก่อน โดยสมัครใช้บริการไม่ว่าจะเป็นเงินกู้ทั่วไป หรือผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ธนาคารพัฒนาขึ้นมาก็ได้ ผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้าร่วมแคมเปญนี้จะเป็นสินเชื่อระยะยาวทุกชนิด ได้แก่ สินเชื่อเกินหลักทรัพย์ค้ำประกันกสิกรไทย (K-MAX) สินเชื่อระยะยาวเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอีกสิกรไทย (K-SME Extend) และสินเชื่อระยะยาวเสริมสภาพคล่องกสิกรไทย (K-Flexible Term Loan) เป็นต้น สำหรับระยะเวลาในการอนุมัติสินเชื่อ ลูกค้าจะทราบผลการอนุมัติภายใน 48 ชั่วโมง และรับเงินภายใน 5 วัน ตามมาตรฐานของธนาคาร
ทั้งนี้ ธนาคารมีเป้าหมายที่จะเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ให้ทดลองใช้บริการด้านสินเชื่อที่หลากหลาย และบริการที่รวดเร็วของธนาคาร คาดว่า 3 เดือน จะมีผู้ใช้บริการ 5,500 ราย และวงเงินสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถสมัครใช้บริการสินเชื่อ ได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขาและศูนย์ธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการ 187 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันวันนี้ถึง 31 มีนาคม 2554
นายปกรณ์กล่าวอีกว่า ในปีนี้ธนาคารมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อเอสเอ็มอีอีกไม่ต่ำกว่า 10 รายการ และแคมเปญใหญ่อีกไตรมาสละครั้ง เพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีหลากหลายกว่าสินชื่อประเภทอื่นๆ
ทั้งนี้ ธนาคารเชื่อว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะยังเติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนที่มาจากโครงการไทยเข้มแข็ง รวมถึงการบริโภคภาคเอกชนที่จะได้รับผลดีจากโครงการไทยวิวัฒน์ของรัฐบาล และสินค้าเกษตรที่น่าจะมีราคาสูงขึ้น ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้คาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะโตได้ 3.5-4.5%
"การเติบโตสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารนั้น นอกจากจะได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจแล้ว ธนาคารก็ยังมีจุดแข็งด้านผลิตภัณฑ์ที่มีให้เลือกถึงกว่า 20 รายการ การพิจารณาที่รวดเร็วภายใน 48 ชั่วโมง ได้รับเงินภายหลังการอนุมัติ 5 วัน ก็เป็นจุดที่ลูกค้าพึงพอใจ ซึ่งทำให้สินเชื่อของธนาคารโตมากกว่าเป้าและโตกว่าตลาดรวมที่โตประมาณ 4-5% ขณะที่มาเก็ตแชร์ของธนาคารครองอันดับหนึ่งของตลาดที่ 29%ในปีก่อน และในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 30%"
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงของธุรกิจเอสเอ็มอีในปีนี้ก็ยังมีในส่วนของทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ และเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ดังนั้น จึงแนะนำให้ผู้ประกอบการบริหารต้นทุนด้านดอกเบี้ยให้เหมาะสม และซื้อฟอร์เวิร์ดเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงตลาดส่งออกใหม่ๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากเศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรปที่ยังไม่มีความแน่นอน
**ประเดิมแคมเปญใหม่"ชนะใจSME"**
ล่าสุด ธนาคารได้ออกแคมเปญ "ชนะใจ SME" เป็นแคมเปญแรกของปี 2554 สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อเอสเอ็มอีกสิกรไทย (K-SME Credit) มากกว่า 800,000 บาทขึ้นไป จะได้รับเงินผ่อนงวดแรกคืน 20% และสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อไม่เกิน 800,000 บาท จะได้รับเงินผ่อนงวดแรกคืน 10% โดยเงินคืนสูงสุด 15,000 บาทต่อราย
โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมแคมเปญดังกล่าวต้องเป็นกลุ่มผู้ประกอบการที่ มียอดขายไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อปี และยังไม่เคยใช้สินเชื่อธุรกิจใด ๆ กับธนาคารกสิกรไทยมาก่อน โดยสมัครใช้บริการไม่ว่าจะเป็นเงินกู้ทั่วไป หรือผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ธนาคารพัฒนาขึ้นมาก็ได้ ผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้าร่วมแคมเปญนี้จะเป็นสินเชื่อระยะยาวทุกชนิด ได้แก่ สินเชื่อเกินหลักทรัพย์ค้ำประกันกสิกรไทย (K-MAX) สินเชื่อระยะยาวเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอีกสิกรไทย (K-SME Extend) และสินเชื่อระยะยาวเสริมสภาพคล่องกสิกรไทย (K-Flexible Term Loan) เป็นต้น สำหรับระยะเวลาในการอนุมัติสินเชื่อ ลูกค้าจะทราบผลการอนุมัติภายใน 48 ชั่วโมง และรับเงินภายใน 5 วัน ตามมาตรฐานของธนาคาร
ทั้งนี้ ธนาคารมีเป้าหมายที่จะเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ให้ทดลองใช้บริการด้านสินเชื่อที่หลากหลาย และบริการที่รวดเร็วของธนาคาร คาดว่า 3 เดือน จะมีผู้ใช้บริการ 5,500 ราย และวงเงินสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถสมัครใช้บริการสินเชื่อ ได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขาและศูนย์ธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการ 187 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันวันนี้ถึง 31 มีนาคม 2554
นายปกรณ์กล่าวอีกว่า ในปีนี้ธนาคารมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อเอสเอ็มอีอีกไม่ต่ำกว่า 10 รายการ และแคมเปญใหญ่อีกไตรมาสละครั้ง เพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีหลากหลายกว่าสินชื่อประเภทอื่นๆ
