00 ยังเป็นเรื่องพิลึกกึกกือกับการรับทราบข่าว “พนิช วิกิตเศรษฐ์” ส.ส.ปชป.ซึ่งเคยเป็นถึงอดีต ผช.รมว.ต่างประเทศมาก่อนจะทะเร่อทะร่าไปให้เขมรจับกุมถึงชายแดน แม้จะรู้ว่าในพื้นที่แถบนั้นจะมีปัญหา มีข้อพิพาทกันอยู่ และที่สำคัญ 1 ใน 7 คนไทย ที่ถูกเขมรรวบตัวไปครั้งนี้ยังมีคนชื่อ “วีระ สมความคิด” ซึ่งเคยถูกจับในพื้นที่พิพาทมาแล้ว ทำให้ต้องมาพิจารณาตามมาว่าเรื่องนี้มัน “แปลกๆ” พิกล
00 ที่ว่าแปลกก็คือ ถ้าพูดถึงเฉพาะตัว วีระ นั้นอาจมองได้ว่าการเดินเข้าพื้นที่ดังกล่าว เพราะมีเจตนายืนยันว่าเป็นพื้นที่ของไทย เป็นอธิปไตยของไทย จะเข้าจะออกเมื่อไหร่ก็ได้ ต้องการกระตุ้นให้รัฐบาลให้ความสำคัญและพิสูจน์ความจริง ถึงจะถูกจับกุมอีกกี่ครั้งก็ไม่สนใจเพราะเชื่อว่าเป็นพื้นที่ของไทยตัวเองย่อมมีสิทธิ์ในดินแดนของตนอะไรประมาณนั้น แต่สำหรับ พนิช นี่ซิร่วมทางไปกับวีระได้อย่างไร และเป็นไปได้หรือไม่ในฐานะที่เป็น ส.ส.ปชป.เคยเป็นถึงผช.รมต.ต่างประเทศน่าจะรู้ธรรมเนียมในการเข้าพื้นที่ล่อแหลมได้ดี ไม่น่าจะลุยถั่วเข้าไปดื้อๆแน่นอน และยิ่งตามข่าวบอกว่า “นายกฯรับรู้” ด้วยนี่สิ น่าคิด และยิ่งน่าคิดมากขึ้นไปอีกเมื่อมีการ “ถ่ายคลิป” แล้วนำขึ้น “ยูทูปว์” ว่ามีเจตนาอะไรกันแน่
00 ในที่สุดก็มีเสียงยืนยันจากปากของ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวานนี้( 4 ธ.ค.) ว่าเป็นคนส่ง พนิช ไปดูปัญหาชายแดน มันก็ยิ่ง “ทะแม่ง” และซับซ้อนขึ้นไปอีกว่าแท้ที่จริงแล้ว “เบื้องหลัง” ที่แท้จริงมันคืออะไรกันแน่ เพราะอย่างที่บอกก่อนหน้านี้นั่นแหละว่า คนอย่าง พนิช ไม่ใช่ “ไร้เดียงสา” ลักษณะเหมือนเดินไปให้เขาจับแบบนี้มันย่อมไม่ธรรมดา แต่ถึงอย่างไรความจริงมันย่อมค่อยๆเผยออกมาวันยังค่ำ
00 ต่อเนื่องมากับข่าว ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ส่งสัญญาณจับกุม 7 คนไทย มันก็ยิ่งทำให้เกิดความสับสนไปอีก แต่นาทีนี้ยังถือว่าเป็น “ข่าวลืออัปมงคล” ยังคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เอาเป็นว่าด้วยข้อมูลที่มีอยู่อันจำกัด ก็ต้องรอดู และค่อยๆประเมินสถานการณ์ไปสักระยะหนึ่งก่อน เชื่อว่าอีกไม่นานก็คงกระจ่าง แต่ที่ผิดสังเกตตรงที่มีการแถลงปฏิเสธอย่างทันควัน ผิดกับเรื่องอื่นๆที่มักใช้เวลาพักใหญ่
00 เริ่มเดินหน้าประกันตัว “7 หัวโจก” ผู้ก่อการร้ายสีแดงกันอีกรอบ คราวนี้คนที่เดินเรื่องก็คือ ธิดา ถาวรเศรษฐ ในฐานะรักษาการประธาน นปช.ก็ขอให้จับตาดูว่า สามีของตัวเอง คือ “เหวง โตจิราการ” กับ ก่อแก้ว พิกุลทอง จะได้รับการประกันตัวออกมาหรือไม่ คนแรกคือสามีของตัวเอง น่าสนใจก็คือสองคนดังกล่าวทางดีเอสไอบอกว่า ไม่เคยค้านประกันตัวมาตั้งแต่ต้น ส่วนคนอื่นที่เหลือยังเหมือนเดิมคือ “ขวาง” เต็มที่ อย่างไรก็ดีรู้สึกโล่งอกเมื่อศาลยกคำร้องให้ “ขังต่อ” ทำให้คนพวกนี้น่าจะเริ่มเข้าใจแล้วว่า “ติดคุกมันไม่เท่” อย่างที่คิดเหมือนก่อนแล้ว
00 อีกคนที่น่าจับตาก็คือ “ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ว่าจะสามารถดิ้นให้ปากหลุดจาก “ตะกร้อ” หรือไม่ อุบ ขอโทษ ! ไม่ได้ตั้งใจ เอาเป็นว่า การขออุทธรณ์ เพื่อให้ยกเลิกคำสั่งห้ามชุมนุม ห้ามเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวข้องกับคดี เป็นเรื่องี่ต้องทำต่อไป แม้ไม่อยากขัดคอถือว่าเป็นสิทธิ์ตามกฎหมาย แต่โดยความคิดเห็นส่วนตัวเชื่อว่า “พลิก” ยาก ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปสำหรับไอ้ตู่มีปากก็เหมือนไม่มีนั่นแหละ
00 คาดว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญตอนแรกคิดว่าน่าจะจลเร็ว แต่เอาเข้าจริง อาจต้องยื้อกันเองไปสักพักหนึ่ง อย่างน้อยสักเดือน โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับจำนวนตัวเลข “ส.ส.เขต” กับ “บัญชีรายชื่อ” เพราะพรรคร่วมรัฐบาลต้องการให้ตัวเอง “ได้เปรียบ” ให้มากที่สุด พรรคเล็กอยากให้ ส.ส.เขต จำนวน 400 คน อีก 100 เป็นบัญชีรายชื่อ ขณะที่ ปชป.เห็นว่าควรให้ ส.ส.เขต 375 คนอีก 125 คนเป็นบัญชีรายชื่อ แม้ว่าเหตุผลยึดเอาตามความเห็นของคณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญชุด “สมบัติ ธำรงธัญญวงศ์” ก็ตาม แต่ในใจลึกๆรู้กันอยู่แล้วว่าคืออะไร !!
00 ที่ว่าแปลกก็คือ ถ้าพูดถึงเฉพาะตัว วีระ นั้นอาจมองได้ว่าการเดินเข้าพื้นที่ดังกล่าว เพราะมีเจตนายืนยันว่าเป็นพื้นที่ของไทย เป็นอธิปไตยของไทย จะเข้าจะออกเมื่อไหร่ก็ได้ ต้องการกระตุ้นให้รัฐบาลให้ความสำคัญและพิสูจน์ความจริง ถึงจะถูกจับกุมอีกกี่ครั้งก็ไม่สนใจเพราะเชื่อว่าเป็นพื้นที่ของไทยตัวเองย่อมมีสิทธิ์ในดินแดนของตนอะไรประมาณนั้น แต่สำหรับ พนิช นี่ซิร่วมทางไปกับวีระได้อย่างไร และเป็นไปได้หรือไม่ในฐานะที่เป็น ส.ส.ปชป.เคยเป็นถึงผช.รมต.ต่างประเทศน่าจะรู้ธรรมเนียมในการเข้าพื้นที่ล่อแหลมได้ดี ไม่น่าจะลุยถั่วเข้าไปดื้อๆแน่นอน และยิ่งตามข่าวบอกว่า “นายกฯรับรู้” ด้วยนี่สิ น่าคิด และยิ่งน่าคิดมากขึ้นไปอีกเมื่อมีการ “ถ่ายคลิป” แล้วนำขึ้น “ยูทูปว์” ว่ามีเจตนาอะไรกันแน่
00 ในที่สุดก็มีเสียงยืนยันจากปากของ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวานนี้( 4 ธ.ค.) ว่าเป็นคนส่ง พนิช ไปดูปัญหาชายแดน มันก็ยิ่ง “ทะแม่ง” และซับซ้อนขึ้นไปอีกว่าแท้ที่จริงแล้ว “เบื้องหลัง” ที่แท้จริงมันคืออะไรกันแน่ เพราะอย่างที่บอกก่อนหน้านี้นั่นแหละว่า คนอย่าง พนิช ไม่ใช่ “ไร้เดียงสา” ลักษณะเหมือนเดินไปให้เขาจับแบบนี้มันย่อมไม่ธรรมดา แต่ถึงอย่างไรความจริงมันย่อมค่อยๆเผยออกมาวันยังค่ำ
00 ต่อเนื่องมากับข่าว ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ส่งสัญญาณจับกุม 7 คนไทย มันก็ยิ่งทำให้เกิดความสับสนไปอีก แต่นาทีนี้ยังถือว่าเป็น “ข่าวลืออัปมงคล” ยังคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เอาเป็นว่าด้วยข้อมูลที่มีอยู่อันจำกัด ก็ต้องรอดู และค่อยๆประเมินสถานการณ์ไปสักระยะหนึ่งก่อน เชื่อว่าอีกไม่นานก็คงกระจ่าง แต่ที่ผิดสังเกตตรงที่มีการแถลงปฏิเสธอย่างทันควัน ผิดกับเรื่องอื่นๆที่มักใช้เวลาพักใหญ่
00 เริ่มเดินหน้าประกันตัว “7 หัวโจก” ผู้ก่อการร้ายสีแดงกันอีกรอบ คราวนี้คนที่เดินเรื่องก็คือ ธิดา ถาวรเศรษฐ ในฐานะรักษาการประธาน นปช.ก็ขอให้จับตาดูว่า สามีของตัวเอง คือ “เหวง โตจิราการ” กับ ก่อแก้ว พิกุลทอง จะได้รับการประกันตัวออกมาหรือไม่ คนแรกคือสามีของตัวเอง น่าสนใจก็คือสองคนดังกล่าวทางดีเอสไอบอกว่า ไม่เคยค้านประกันตัวมาตั้งแต่ต้น ส่วนคนอื่นที่เหลือยังเหมือนเดิมคือ “ขวาง” เต็มที่ อย่างไรก็ดีรู้สึกโล่งอกเมื่อศาลยกคำร้องให้ “ขังต่อ” ทำให้คนพวกนี้น่าจะเริ่มเข้าใจแล้วว่า “ติดคุกมันไม่เท่” อย่างที่คิดเหมือนก่อนแล้ว
00 อีกคนที่น่าจับตาก็คือ “ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ว่าจะสามารถดิ้นให้ปากหลุดจาก “ตะกร้อ” หรือไม่ อุบ ขอโทษ ! ไม่ได้ตั้งใจ เอาเป็นว่า การขออุทธรณ์ เพื่อให้ยกเลิกคำสั่งห้ามชุมนุม ห้ามเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวข้องกับคดี เป็นเรื่องี่ต้องทำต่อไป แม้ไม่อยากขัดคอถือว่าเป็นสิทธิ์ตามกฎหมาย แต่โดยความคิดเห็นส่วนตัวเชื่อว่า “พลิก” ยาก ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปสำหรับไอ้ตู่มีปากก็เหมือนไม่มีนั่นแหละ
00 คาดว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญตอนแรกคิดว่าน่าจะจลเร็ว แต่เอาเข้าจริง อาจต้องยื้อกันเองไปสักพักหนึ่ง อย่างน้อยสักเดือน โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับจำนวนตัวเลข “ส.ส.เขต” กับ “บัญชีรายชื่อ” เพราะพรรคร่วมรัฐบาลต้องการให้ตัวเอง “ได้เปรียบ” ให้มากที่สุด พรรคเล็กอยากให้ ส.ส.เขต จำนวน 400 คน อีก 100 เป็นบัญชีรายชื่อ ขณะที่ ปชป.เห็นว่าควรให้ ส.ส.เขต 375 คนอีก 125 คนเป็นบัญชีรายชื่อ แม้ว่าเหตุผลยึดเอาตามความเห็นของคณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญชุด “สมบัติ ธำรงธัญญวงศ์” ก็ตาม แต่ในใจลึกๆรู้กันอยู่แล้วว่าคืออะไร !!
