ASTVผู้จัดการรายวัน- เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ กู้เงิน "จำเริญ พูลวรลักษณ์" วงเงิน 250 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยเงินอัตราร้อยละ 6.65 ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี เริ่มตั้งแต่ 29 มีนาคม 53 ถึง 29 มีนาคม 55 เพื่อนำเงินใช้ซื้อที่ดินและเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานและเป็นรายการนี้เป็นรายการเกี่ยวโยงกัน
นายสุริยน พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จากัด (มหาชน) หรือ MJD แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 6/2553 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 53 ว่าบอร์ดมีมติอนุมัติพิจารณาให้ กู้ยืมเงินจาก นายจำเริญ พูลวรลักษณ์ ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริษัทฯ เพื่อใช้สำหรับลงทุนซื้อที่ดิน เสริมสภาพคล่องของกิจการ และเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการของบริษัทฯ เป็นจำนวนเงิน 250 ล้านบาท โดยคิดดอกเบี้ยเท่ากับ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีธนาคารทิสโก้ บวกด้วยร้อยละ 0.5 ต่อปี (MLR Tisco Bank + 0.5%) ซึ่งเมื่อรวมแล้ว ณ ปัจจุบันจะเทียบเท่ากับอัตราร้อยละ 6.65 ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี เริ่มตั้งแต่ 29 มีนาคม 53 ถึง 29 มีนาคม 55 ซึ่งหากคิดเป็นมูลค่ารวมของรายการ ณ ปัจจุบันจะเท่ากับ 33,250,000 บาท
สำหรับการกู้ยืมเงินดังกล่าว บอร์ดบริษัทเห็นว่ามีความจำเป็นเพราะต้องการเงินทุนสำหรับลงทุนซื้อที่ดิน เสริมสภาพคล่องของกิจการและเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการของบริษัท ฯ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นอัตราเดียวกันกับที่ทางบริษัทฯกู้ยืมจากธนาคาร จึงเห็นควรกับการกู้ยืมเงินจากนายจำเริญ พูลวรลักษณ์
รายการดังกล่าวเข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทจดทะเบียนตามประกาศคณะกรรมการกากับตลาดทุนที่ ทจ.21/2551 เรื่องหลักเกณฑ์ในการทารายการที่เกี่ยวโยงกัน และเมื่อคานวณขนาดของรายการตามประกาศคณะกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ.2546 โดยหากพิจารณาขนาดของรายการดังกล่าวจาก งบการเงินของบริษัทฯ สิ้นสุด ณ 31 ธันวาคม 52 มีขนาดรายการต่ากว่าร้อยละ 3 ของมูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ
อนึ่ง เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา บอร์ด MJD มีมติให้เพิ่มทุนและจดทะบียนของบริษัทจากทุนจดทะเบียนเดิม 700 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 1,050 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 1,050 ล้านหุ้น พาร์ละ 1 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่ 350 ล้านหุ้น พาร์ละ 1 บาท ซึ่งการเพิ่มทุนดังกล่าวเพื่อใช้รองรับการแปลงสภาพของใบสำคัญแสดงสิทธิ( วอร์แรนต์ ) ที่ออกให้กับผู้ถือหุ้นเดิม 350 ล้านหน่วยและบางส่วนจะใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน โดยบริษัทได้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการเพิ่มทุนดังกล่าวในวันที่ 30 เมษายน 53
นายสุริยน พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จากัด (มหาชน) หรือ MJD แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 6/2553 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 53 ว่าบอร์ดมีมติอนุมัติพิจารณาให้ กู้ยืมเงินจาก นายจำเริญ พูลวรลักษณ์ ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริษัทฯ เพื่อใช้สำหรับลงทุนซื้อที่ดิน เสริมสภาพคล่องของกิจการ และเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการของบริษัทฯ เป็นจำนวนเงิน 250 ล้านบาท โดยคิดดอกเบี้ยเท่ากับ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีธนาคารทิสโก้ บวกด้วยร้อยละ 0.5 ต่อปี (MLR Tisco Bank + 0.5%) ซึ่งเมื่อรวมแล้ว ณ ปัจจุบันจะเทียบเท่ากับอัตราร้อยละ 6.65 ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี เริ่มตั้งแต่ 29 มีนาคม 53 ถึง 29 มีนาคม 55 ซึ่งหากคิดเป็นมูลค่ารวมของรายการ ณ ปัจจุบันจะเท่ากับ 33,250,000 บาท
สำหรับการกู้ยืมเงินดังกล่าว บอร์ดบริษัทเห็นว่ามีความจำเป็นเพราะต้องการเงินทุนสำหรับลงทุนซื้อที่ดิน เสริมสภาพคล่องของกิจการและเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการของบริษัท ฯ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นอัตราเดียวกันกับที่ทางบริษัทฯกู้ยืมจากธนาคาร จึงเห็นควรกับการกู้ยืมเงินจากนายจำเริญ พูลวรลักษณ์
รายการดังกล่าวเข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทจดทะเบียนตามประกาศคณะกรรมการกากับตลาดทุนที่ ทจ.21/2551 เรื่องหลักเกณฑ์ในการทารายการที่เกี่ยวโยงกัน และเมื่อคานวณขนาดของรายการตามประกาศคณะกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ.2546 โดยหากพิจารณาขนาดของรายการดังกล่าวจาก งบการเงินของบริษัทฯ สิ้นสุด ณ 31 ธันวาคม 52 มีขนาดรายการต่ากว่าร้อยละ 3 ของมูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ
อนึ่ง เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา บอร์ด MJD มีมติให้เพิ่มทุนและจดทะบียนของบริษัทจากทุนจดทะเบียนเดิม 700 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 1,050 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 1,050 ล้านหุ้น พาร์ละ 1 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่ 350 ล้านหุ้น พาร์ละ 1 บาท ซึ่งการเพิ่มทุนดังกล่าวเพื่อใช้รองรับการแปลงสภาพของใบสำคัญแสดงสิทธิ( วอร์แรนต์ ) ที่ออกให้กับผู้ถือหุ้นเดิม 350 ล้านหน่วยและบางส่วนจะใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน โดยบริษัทได้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการเพิ่มทุนดังกล่าวในวันที่ 30 เมษายน 53
