xs
xsm
sm
md
lg

มอเตอร์โชว์เงินสะพัด 5 หมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – ผู้จัดงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2010 การเคลื่อนไหวของม็อบคนเสื้อแดงไม่กระทบ ชี้ยิ่งทำให้ประชาชนแห่มาชมงานหนีเครียดปัญหาการเมือง คาดยอดจองรถใหม่พุ่งร่วม 2 หมื่นคัน เงินสะพัดทะลุ 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ค่ายรถประสานเสียงสถานการณ์ปัจจุบันไม่ส่งผล เรียกร้องขออย่าให้เกิดความรุนแรง

นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2010 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 6 เมษายน 2553 ณ ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติไบเทค บางนา เปิดเผยว่า ยอดจองรถยนต์ภายในงานปีนี้คาดว่าจะทำได้ร่วม 2 หมื่นคัน จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 1.8 หมื่นคัน ซึ่งปีนี้มีรถโมเดลใหม่เปิดตัวสู่ตลาดหลายรุ่น
โดยเฉพาะอีโคคาร์ของนิสสันที่เพียงรุ่นเดียวน่าจะมียอดจองไม่ต่ำกว่า 1.5 พันคัน และจากสภาพตลาดรถยนต์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง หากไม่มีอีโคคาร์ก็น่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาอยู่แล้ว

“ตัวเลขยอดจอง 2 หมื่นคัน จึงไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด และเมื่อหากรวมกับยอดขายอุปกรณ์ตกแต่ง คาดว่าจะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท และมียอดผู้เข้าชมงานตลอด 12 วัน ประมาณ 1.7 ล้านคน ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา”

ส่วนเรื่องสถานการณ์ไม่แน่นอนทางการเมือง โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ในขณะนี้ คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดงานแต่อย่างใด ถึงแม้จะไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ในส่วนพื้นที่ของการจัดงานได้รับประกันความปลอดภัยได้แน่นอน โดยได้มีการตรวจเช็คและมีกล้องตรวจจับครอบคลุมทุกพื้นที่
และยังเพิ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบร่วม 100 คน จากเดิมจะใช้อยู่ที่ 250 คนต่อ 8 ชม.

“ฉะนั้นจึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย ส่วนการเคลื่อนไหวทั่วกรุงเทพฯ ของกลุ่มนปช. คงส่งผลกระทบบ้างแต่ไม่มาก ที่สำคัญงานมอเตอร์โชว์จัดเพียงแค่ปีละครั้ง ซึ่งคนกรุงเทพฯ เครียดอยู่แล้วกับปัญหาการเมือง ประกอบกับคนไทยชอบเรื่องรถยนต์มาก ทำให้ผู้คนอยากจะมาผ่อนคลายแม้จะมีม็อบอยู่ก็ตาม และม็อบไม่ได้มีการเคลื่อนไปตามถนนหลักในกรุงเทพฯทุกวัน
จึงเชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่องานมอเตอร์โชว์แน่นอน”

นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัญหาการเมืองไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งเรื่องการเมืองมีผลกระทบน้อยกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจ และจากภาพรวมเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตไปได้ด้วยดี
จึงทำให้ผู้บริโภคยังคงมีความเชื่อมั่นและจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้เมื่อดูปัจจัยบวกต่างๆ แล้ว ปัญหาการเมืองหากไม่รุนแรงไม่น่าจะส่งผลกระทบมาก และคาดว่าถึงสิ้นปีตลาดจะเติบโตได้เหนือกว่าเป้าหมายที่เคยคาดการณ์ไว้ 6.1 แสนคัน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะมีปัญหาในเรื่องของกำลังการผลิตรถยนต์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะสามารถตอบสนองการเติบโตดังกล่าวได้หรือไม่ นับเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

นายมาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมาร บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสท์ เอเชีย โอเปอเรชั่นส์ จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การเรียกร้องประชาธิปไตยถือเป็นเรื่องปกติ และมีตัวอย่างให้เห็นในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศที่จีเอ็มเข้าไปตั้งฐานการผลิตอยู่ แต่ที่สุดก็สามารถผ่านกันไปได้

“จีเอ็มยังยืนยันว่าจะเดินหน้าแผนงานในประเทศไทยตามที่วางไว้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะโครงการลงทุนมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท ที่เพิ่งได้รับเงินกู้จากธนาคารในไทย รวมถึงแผนการปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่าเชฟโรเลต ครูซ ที่เปิดตัวแน่นอนในปีนี้ ตลอดจนการเดินหน้าหาสินค้าใหม่เข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น”

นายเอช. นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชร อีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะอีซูซุดำเนินธุรกิจในไทยมาเป็นเวลานาน ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาหลายครั้ง จึงไม่มีความกังวลใจแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เพิ่งเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ที่สำคัญมีลักษณะเด่นสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้
และสามารถแยกเรื่องการเมืองกับการใช้ชีวิตประจำวันชัดเจน จึงเชื่อว่าหากเหตุการณ์ไม่รุนแรงจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อตลาดรถยนต์ และอีซูซุจะยังคงจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง

นายประพัฒน์ เชยชม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส การตลาดและการขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาแม้จะเกิดปัญหาทางการเมือง แต่ทุกอย่างยังเดินหน้าไปตามปกติ ไม่ว่าจะเรื่องของภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและตลาดหุ้น จะมีได้รับผลกระทบบ้างก็ในส่วนของธุรกิจท่องเที่ยวเท่านั้น

“อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงย่อมกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และส่งผลต่อตลาดรถยนต์ได้”

นายจอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้าเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เหตุการณ์ทางการเมืองในช่วงแรกเท่าที่ดูยังไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์นัก และหากเป็นไปเช่นภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ตลาดน่าจะขยายตัวไปมากกว่าที่มีการคาดในช่วงต้นปีที่ 6.1 แสนคัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการแต่ละรายต้องมองในเรื่องของการปรับเป้าหมายการจำหน่าย
และการหาสินค้ามาตอบสนองให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้นในปีนี้

“แต่หากปล่อยให้เหตุการณ์ยังคงยืดเยื้อนานกว่าเทศกาลสงกรานต์ คาดว่าจะเริ่มกระทบในเรื่องความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และส่งผลต่อตลาดรถยนต์ได้ ดังนั้นจึงไม่อยากจะให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว”

นายสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองยังสามารถปฏิบัติตามข้อตกลงที่ว่าไว้ได้ ในเรื่องไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงแล้ว เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์และจะเดินหน้าขยายตัวต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น