ASTVผู้จัดการรายวัน - กทช.เดินเครื่องเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และค่าบริการ USO ทีโอทีเพิ่มบนพื้นฐานเอไอเอสใช้สัมปทานเดิม หลังคำพิพากษาศาลฎีกาชี้ชัดแก้ไขสัญญาพรีเพดผิดกฎหมาย ต้องใช้สัญญาเดิม กรณียึดทรัพย์ “ทักษิณ” พร้อมกันนี้ให้ กสท ดีแทค เอไอเอส ระงับใช้เครื่องหมายบวกชั่วคราว สั่งเจรจาให้จบภายใน 30 วัน
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. เปิดเผยว่า มติที่ประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา กทช.จะทำหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้รับใบอนุญาต ให้ทำหนังสือแจ้งไปถึง บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ในฐานะผู้รับสัมปทานทีโอทีว่า กทช.จะ ขอเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาต หรือไลเซนส์ 3 % และ ค่าโทรคมนาคมอย่างทั่วถึง (ยูเอสโอ) 4% เพิ่มเติมนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 จากทีโอที
ทั้งนี้ มติดังกล่าว สืบเนื่องจากจาก กทช.ได้นำคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาพิจารณาอย่างละเอียดว่าส่งผลกระทบอย่างไรกับ กทช.บ้าง โดยนายสุธรรม อยู่ในธรรม กรรมการ กทช.ได้เสนอต่อที่ประชุมว่า คำพิพากษาดังกล่าวมีผลกระทบกับกทช. เพราะการแก้ไขสัญญาพรีเพดที่ปรับลดส่วนแบ่งรายได้เหลือ 20 % จนหมดอายุสัญญาสัมปทานจากเดิมต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้เป็นอัตราก้าวหน้า 25-30% ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่งผลให้รัฐเสียหายเกือบ 7 หมื่นล้านบาท และส่งผลให้ กทช.ได้รับค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและค่ายูเอสโอลดลงจากความเป็นจริงด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อสัญญาไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ทางเดียวที่เป็นทางออกคือการกลับไปใช้สัญญาสัมปทานฉบับเดิม ซึ่งเท่ากับว่าทีโอทีจะต้องได้รับส่วนแบ่งสัมปทานเพิ่มขึ้น และต้องนำจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และค่าบริการ USO กทช.เพิ่มขึ้นเช่นกัน การดำเนินการดังกล่าว กทช.ไม่สามารถละเว้นได้ เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นการละเว้นต่อหน้าที่
ส่วนขั้นตอนต่อไปสำนักงาน กทช.จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อประเมินว่า ทีโอทีจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและค่ายูเอสโอเพิ่มให้แก่ กทช.เป็นจำนวนเท่าใด นั้บตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน โดยเฉลี่ยปีที่ผ่านมา ทีโอที จ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 1,000 กว่าล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณาเรื่องข้อพิพาทเครื่องหมายบวก ที่บริษัท กสท โทรคมนาคมได้ร้องเรียนและเรียกค่าเสียหายบริษัท เอไอเอ็น ผู้ให้บริการเลขหมายโทร.ทางไกลระหว่างประเทศ 005 ในเครือเอไอเอสและ ของบริษัท ดีแทค เน็ตเวิร์กในเครือ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทคว่าการใช้ใช้เครื่องหมายบวกทำให้ กสท เสียหาย เพราะที่ผ่านมาเครื่องหมายบวกเป็นเสมือนเครื่องหมายการค้าของบริการ 001 ของกสท
ทั้งนี้ มติที่ประชุมจึงให้ยกเลิกการใช้เครื่องหมายบวกชั่วคราว โดยให้คู่กรณีเข้ามาเจรจาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันโดยกทช.จะเป็นเจ้าภาพในการเจรจาด้วยตัวเอง และระหว่างการเจรจาห้ามทุกฝ่ายตัดการเชื่อมต่อโครงข่าย โดยที่บริษัท ทรูมูฟยังสามารถใช้งานเครื่องหมายบวกได้ตามปกติเนื่องจากไม่มีข้อพิพาทเรื่องดังกล่าว
สำหรับข้อพิพาทดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยืดเยื้อมานาน หากผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย สามารถเจรจาหาข้อตกลงได้ตามกรอบที่ กทช.กำหนดก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจะไม่มีการชดเชยค่าเสียหายระหว่างกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ กสทได้ประเมินความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 400-500 ล้านบาท
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. เปิดเผยว่า มติที่ประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา กทช.จะทำหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้รับใบอนุญาต ให้ทำหนังสือแจ้งไปถึง บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ในฐานะผู้รับสัมปทานทีโอทีว่า กทช.จะ ขอเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาต หรือไลเซนส์ 3 % และ ค่าโทรคมนาคมอย่างทั่วถึง (ยูเอสโอ) 4% เพิ่มเติมนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 จากทีโอที
ทั้งนี้ มติดังกล่าว สืบเนื่องจากจาก กทช.ได้นำคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาพิจารณาอย่างละเอียดว่าส่งผลกระทบอย่างไรกับ กทช.บ้าง โดยนายสุธรรม อยู่ในธรรม กรรมการ กทช.ได้เสนอต่อที่ประชุมว่า คำพิพากษาดังกล่าวมีผลกระทบกับกทช. เพราะการแก้ไขสัญญาพรีเพดที่ปรับลดส่วนแบ่งรายได้เหลือ 20 % จนหมดอายุสัญญาสัมปทานจากเดิมต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้เป็นอัตราก้าวหน้า 25-30% ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่งผลให้รัฐเสียหายเกือบ 7 หมื่นล้านบาท และส่งผลให้ กทช.ได้รับค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและค่ายูเอสโอลดลงจากความเป็นจริงด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อสัญญาไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ทางเดียวที่เป็นทางออกคือการกลับไปใช้สัญญาสัมปทานฉบับเดิม ซึ่งเท่ากับว่าทีโอทีจะต้องได้รับส่วนแบ่งสัมปทานเพิ่มขึ้น และต้องนำจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และค่าบริการ USO กทช.เพิ่มขึ้นเช่นกัน การดำเนินการดังกล่าว กทช.ไม่สามารถละเว้นได้ เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นการละเว้นต่อหน้าที่
ส่วนขั้นตอนต่อไปสำนักงาน กทช.จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อประเมินว่า ทีโอทีจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและค่ายูเอสโอเพิ่มให้แก่ กทช.เป็นจำนวนเท่าใด นั้บตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน โดยเฉลี่ยปีที่ผ่านมา ทีโอที จ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 1,000 กว่าล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณาเรื่องข้อพิพาทเครื่องหมายบวก ที่บริษัท กสท โทรคมนาคมได้ร้องเรียนและเรียกค่าเสียหายบริษัท เอไอเอ็น ผู้ให้บริการเลขหมายโทร.ทางไกลระหว่างประเทศ 005 ในเครือเอไอเอสและ ของบริษัท ดีแทค เน็ตเวิร์กในเครือ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทคว่าการใช้ใช้เครื่องหมายบวกทำให้ กสท เสียหาย เพราะที่ผ่านมาเครื่องหมายบวกเป็นเสมือนเครื่องหมายการค้าของบริการ 001 ของกสท
ทั้งนี้ มติที่ประชุมจึงให้ยกเลิกการใช้เครื่องหมายบวกชั่วคราว โดยให้คู่กรณีเข้ามาเจรจาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันโดยกทช.จะเป็นเจ้าภาพในการเจรจาด้วยตัวเอง และระหว่างการเจรจาห้ามทุกฝ่ายตัดการเชื่อมต่อโครงข่าย โดยที่บริษัท ทรูมูฟยังสามารถใช้งานเครื่องหมายบวกได้ตามปกติเนื่องจากไม่มีข้อพิพาทเรื่องดังกล่าว
สำหรับข้อพิพาทดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยืดเยื้อมานาน หากผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย สามารถเจรจาหาข้อตกลงได้ตามกรอบที่ กทช.กำหนดก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจะไม่มีการชดเชยค่าเสียหายระหว่างกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ กสทได้ประเมินความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 400-500 ล้านบาท
