ASTVผู้จัดการรายวัน-นครบาลแจงมือยิงอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหม ไม่ได้เป็น "ส.ต.ท."เหตุถูกถอดยศคดีขนไม้เถื่อน- อาวุธสงคราม และถูกไล่ออกจากราชการ ชี้ยังไม่พบข้อมูลหนีออกนอกประเทศ"วิชัย"ยันลูกน้องชื่อ"โก้"ไม่เกี่ยวยิงอาร์พีจี ด้าน"ไอ้ตู่"ปูดคนร้ายหวังถล่มวัดพระแก้ว ผู้การฯเชียงใหม่ชี้ยิง M-79 ฝีมือกลุ่มฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ขณะที่มือมืดยังป่วนไม่หยุดบึ้มเพิ่มอีก 2 จุด
วานนี้(24 มี.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.บช.น.ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัว ส.ต.ท.บัณฑิต สิทธิ์ทุม อายุ 43 ปี ผู้ต้องหา ยิงระเบิดอาร์พีจี ใส่กระทรวงกลาโหมเมื่อคืนวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่าน ว่าจากการตรวจสอบกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พบว่า ส.ต.ท.บัณฑิต ถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2538 ที่วังน้ำเย็น เรื่องขนไม้เถื่อน และอาวุธสงคราม กระทั่งปี 2544 ถูกไล่ออกจากราชการ ขณะนี้ไม่ใช่ ส.ต.ท.แล้ว เพราะถูกไล่ออกต้องถอดยศเป็น นายบัณฑิต ส่วนอีกคนยังไม่ทราบรายละเอียด หากประชาชนมีเบาะแสแจ้ง 191 หรือ 1555 ได้ตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ยังไม่พบว่า ส.ต.ท.บัณฑิต หนีออกนอกประเทศ ส่วนจะลักลอบแอบหลบหนีไปทางตะเข็บชายแดนหรือไม่ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ทาง บช.น.ได้ส่งภาพถ่ายและหมายจับ ส.ต.ท.บัณฑิต มาให้ สตม.แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบบุคคลเข้าออกประเทศให้มากขึ้นแล้ว
"วิชัย"ยันลูกน้องชื่อ"โก้"ไม่เกี่ยวยิงอาร์พีจี
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 กล่าวถึงข่าวที่ระบุนายตำรวจระดับสารวัตรคนหนึ่งเกี่ยวข้องของกับคดียิงอาร์พีจีกระทรวงกลาโหม ซึ่งเคยเป็นลูกน้องของตนเองมาก่อนชื่อโก้ว่า คนชื่อโก้ที่ตนเองรู้จักตอนนี้เป็นสารวัตรอยู่ใน สตช. มีหน้าที่พิมพ์ลายนิ้วมือ ในกองทะเบียนประวัติอาชญากร ซึ่งขับรถไม่เป็นและไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะก่อการได้ อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่า คนๆนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสืบสวนติดตามตัว นายบัณฑิต สิทธิ์ทุม ผู้ต้องหาตามหมายจับ นั้น ขณะนี้ทีมสืบสวนนครบาลกำลังติดตามตัวอยู่และประสานไปตามแนวตะเข็บชายแดนด้านตะวันออก ฝั่ง จ.สระแก้ว หากพบตัวในพื้นที่ไหนก็ให้จับกุมได้ทันที ซึ่งแนวทางการสืบสวนนั้นเชื่อว่า ผู้ต้องหารายนี้ยังหลบซ่อนอยู่บริเวณตะเข็บชายแดนอย่างแน่นอน
"ไอ้ตู่" อ้างจะยิงวัดพระแก้ว
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ออกหมายจับ นายบัณฑิต ในฐานะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการยิง อาร์พีจี ใส่กระทรวงกลาโหมว่า จากการตรวจสอบเส้นทางของ คนนี้ พบว่าถูกให้ออกจากราชการ เพราะค้าไม่เถื่อนที่ จ.จันทบุรี ก็ไปซุกตัวอยู่กับนักการเมืองใหญ่เสื้อสีน้ำเงิน
ดังนั้นเห็นว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องยากหาก พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.จะดำเนินการ ทั้งนี้ส่วนตัวได้มีการสอบนายทหาร และตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ที่มีความรู้เพื่อให้วิเคราะห์รัศมีการยิง เชื่อว่าเป้าหมายที่แท้จริง คือ พระบรมมหาราชวังหรือวัดพระแก้ว แต่บังเอิญวิบากกรรมที่ยิงไปโดนสายไฟก่อน
"เรื่องนี้ต้องการเล่นเกมใหญ่ เพื่อใส่ร้ายคนเสื้อแดง โดยคิดว่าการยิงระเบิดดังกล่าวจะนำมาสู่ความเปลี่ยนแปลง คนที่เป็นตัวการของเรื่องนี้ เป็นฝีมือของคนในรัฐบาลเท่านั้น พล.ต.ท.สัณฐาน จะต้องหาตัวผู้ดำเนินการให้ได้ ต้องสาวไปให้ถึงแก๊งนักการเมืองใหญ่เสื้อน้ำเงิน" นายจตุพรกล่าว
ชี้ยิง M-79 เชียงใหม่อาจเอี่ยวคนมีสี
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงใหม่กรณีเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมาพบหัวกระสุน M-79 ตกอยู่บริเวณห้างเซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซ่า สี่แยกสนามบิน ในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยหัวกระสุน M-79 ดังกล่าวไม่ทำงาน และเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการเก็บกู้ได้นั้น แหล่งข่าวสายทหารในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า หัวกระสุน M-79 ดังกล่าวเป็นหัวกระสุนที่ใช้ซ้อมกันในหน่วยงานทหาร โดยเป็นหัวกระสุนที่หมดอายุแล้ว จึงมีโอกาสสูงที่กระสุนจะด้านมากกว่าจะทำงาน ทั้งนี้ คาดว่าลูกกระสุนดังกล่าวน่าจะถูกยิงมาตั้งแต่คืนวันวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่เพิ่งมาพบลูกกระสุนตกอยู่ในวันรุ่งขึ้นเชื่อว่าผู้ที่ก่อเหตุตั้งใจจะสร้างสถานการณ์
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่าจากการตรวจสอบหัวกระสุน M-79 ดังกล่าวของตำรวจวิทยาการตำรวจภูธรภาค 5 ทราบผลอย่างไม่เป็นทางการว่า หัวกระสุนดังกล่าวเป็นหัวกระสุนจริงที่พร้อมทำงาน เพียงแต่วงรอบไม่ถึงจุดที่จะทำให้เกิดการระเบิด สันนิษฐานว่า น่าจะถูกยิงมาจากบนสะพานข้ามแยกสนามบินตั้งแต่คืนก่อนที่จะมาพบหัวกระสุนตกอยู่
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำการตรวจสอบภาพากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บริเวณสี่แยกสนามบินและของห้างเซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซ่า เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับหัวกระสุนดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วย
"ผบก.เชียงใหม่"ระบุมือที่ยิง M-79
พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการก่อเหตุของมือที่สามเพื่อหวังสร้างสถานการณ์ โดยน่าจะถูกยิงมาจากบนสะพานข้ามแยกสนามบิน ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้เกิดเหตุประทัดยักษ์ระเบิดหน้าธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด สาขาประตูช้างเผือก และเหตุปาระเบิดใส่บริษัทของนายคะแนน สุภา พ่อตาของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย
ทั้งนี้ เวลานี้ได้มีการสั่งการกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เพิ่มความเข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่แล้ว โดยเฉพาะตามสถานที่ราชการสำคัญๆ เช่น ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ศาล เป็นต้น ได้มีการจัดวางกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยและเพิ่มถี่ในการออกตรวจ เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสก่อเหตุความวุ่นวายสร้างสถานการณ์
ขณะเดียวกันผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในเวลานี้มีรายงานทางการข่าวว่ามีกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้ามาในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำการติดตามจับตาอย่างใกล้ชิดแล้ว
ระเบิดป่วนนนทบุรีเพิ่มอีก 2 จุด
พันตำรวจโท พรชัย ศรีมุล พนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ รับแจ้งเหตุระเบิดเมื่อเวลา 21.00 น. จึงรุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที ที่กรมบังคับคดี ริมสะพานคลองชักพระ พบที่รั้วด้านหน้า พื้นปูนซีเมนต์เป็นหลุมกว้าง 10 ซม. ลึก 10 ซม. ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นคาดว่าเป็นระเบิดชนิด M 67 แบบกว้าง คล้ายกับระเบิดที่เกิดขึ้นที่แขวงการทางธนบุรีก่อนหน้านี้ และไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์ ขณะที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลาประมาณ 19.15 น. เกิดเหตุระเบิดขึ้นบริเวณศาลาควบคุมหม้อแปลงไฟฟ้า สวนสาธารณเทศบาลจังหวัดนนทบุรีโดยแรงระเบิดทำให้ฝ้าเพดานได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
วานนี้(24 มี.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.บช.น.ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัว ส.ต.ท.บัณฑิต สิทธิ์ทุม อายุ 43 ปี ผู้ต้องหา ยิงระเบิดอาร์พีจี ใส่กระทรวงกลาโหมเมื่อคืนวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่าน ว่าจากการตรวจสอบกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พบว่า ส.ต.ท.บัณฑิต ถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2538 ที่วังน้ำเย็น เรื่องขนไม้เถื่อน และอาวุธสงคราม กระทั่งปี 2544 ถูกไล่ออกจากราชการ ขณะนี้ไม่ใช่ ส.ต.ท.แล้ว เพราะถูกไล่ออกต้องถอดยศเป็น นายบัณฑิต ส่วนอีกคนยังไม่ทราบรายละเอียด หากประชาชนมีเบาะแสแจ้ง 191 หรือ 1555 ได้ตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ยังไม่พบว่า ส.ต.ท.บัณฑิต หนีออกนอกประเทศ ส่วนจะลักลอบแอบหลบหนีไปทางตะเข็บชายแดนหรือไม่ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ทาง บช.น.ได้ส่งภาพถ่ายและหมายจับ ส.ต.ท.บัณฑิต มาให้ สตม.แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบบุคคลเข้าออกประเทศให้มากขึ้นแล้ว
"วิชัย"ยันลูกน้องชื่อ"โก้"ไม่เกี่ยวยิงอาร์พีจี
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 กล่าวถึงข่าวที่ระบุนายตำรวจระดับสารวัตรคนหนึ่งเกี่ยวข้องของกับคดียิงอาร์พีจีกระทรวงกลาโหม ซึ่งเคยเป็นลูกน้องของตนเองมาก่อนชื่อโก้ว่า คนชื่อโก้ที่ตนเองรู้จักตอนนี้เป็นสารวัตรอยู่ใน สตช. มีหน้าที่พิมพ์ลายนิ้วมือ ในกองทะเบียนประวัติอาชญากร ซึ่งขับรถไม่เป็นและไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะก่อการได้ อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่า คนๆนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสืบสวนติดตามตัว นายบัณฑิต สิทธิ์ทุม ผู้ต้องหาตามหมายจับ นั้น ขณะนี้ทีมสืบสวนนครบาลกำลังติดตามตัวอยู่และประสานไปตามแนวตะเข็บชายแดนด้านตะวันออก ฝั่ง จ.สระแก้ว หากพบตัวในพื้นที่ไหนก็ให้จับกุมได้ทันที ซึ่งแนวทางการสืบสวนนั้นเชื่อว่า ผู้ต้องหารายนี้ยังหลบซ่อนอยู่บริเวณตะเข็บชายแดนอย่างแน่นอน
"ไอ้ตู่" อ้างจะยิงวัดพระแก้ว
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ออกหมายจับ นายบัณฑิต ในฐานะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการยิง อาร์พีจี ใส่กระทรวงกลาโหมว่า จากการตรวจสอบเส้นทางของ คนนี้ พบว่าถูกให้ออกจากราชการ เพราะค้าไม่เถื่อนที่ จ.จันทบุรี ก็ไปซุกตัวอยู่กับนักการเมืองใหญ่เสื้อสีน้ำเงิน
ดังนั้นเห็นว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องยากหาก พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.จะดำเนินการ ทั้งนี้ส่วนตัวได้มีการสอบนายทหาร และตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ที่มีความรู้เพื่อให้วิเคราะห์รัศมีการยิง เชื่อว่าเป้าหมายที่แท้จริง คือ พระบรมมหาราชวังหรือวัดพระแก้ว แต่บังเอิญวิบากกรรมที่ยิงไปโดนสายไฟก่อน
"เรื่องนี้ต้องการเล่นเกมใหญ่ เพื่อใส่ร้ายคนเสื้อแดง โดยคิดว่าการยิงระเบิดดังกล่าวจะนำมาสู่ความเปลี่ยนแปลง คนที่เป็นตัวการของเรื่องนี้ เป็นฝีมือของคนในรัฐบาลเท่านั้น พล.ต.ท.สัณฐาน จะต้องหาตัวผู้ดำเนินการให้ได้ ต้องสาวไปให้ถึงแก๊งนักการเมืองใหญ่เสื้อน้ำเงิน" นายจตุพรกล่าว
ชี้ยิง M-79 เชียงใหม่อาจเอี่ยวคนมีสี
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงใหม่กรณีเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมาพบหัวกระสุน M-79 ตกอยู่บริเวณห้างเซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซ่า สี่แยกสนามบิน ในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยหัวกระสุน M-79 ดังกล่าวไม่ทำงาน และเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการเก็บกู้ได้นั้น แหล่งข่าวสายทหารในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า หัวกระสุน M-79 ดังกล่าวเป็นหัวกระสุนที่ใช้ซ้อมกันในหน่วยงานทหาร โดยเป็นหัวกระสุนที่หมดอายุแล้ว จึงมีโอกาสสูงที่กระสุนจะด้านมากกว่าจะทำงาน ทั้งนี้ คาดว่าลูกกระสุนดังกล่าวน่าจะถูกยิงมาตั้งแต่คืนวันวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่เพิ่งมาพบลูกกระสุนตกอยู่ในวันรุ่งขึ้นเชื่อว่าผู้ที่ก่อเหตุตั้งใจจะสร้างสถานการณ์
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่าจากการตรวจสอบหัวกระสุน M-79 ดังกล่าวของตำรวจวิทยาการตำรวจภูธรภาค 5 ทราบผลอย่างไม่เป็นทางการว่า หัวกระสุนดังกล่าวเป็นหัวกระสุนจริงที่พร้อมทำงาน เพียงแต่วงรอบไม่ถึงจุดที่จะทำให้เกิดการระเบิด สันนิษฐานว่า น่าจะถูกยิงมาจากบนสะพานข้ามแยกสนามบินตั้งแต่คืนก่อนที่จะมาพบหัวกระสุนตกอยู่
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำการตรวจสอบภาพากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บริเวณสี่แยกสนามบินและของห้างเซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซ่า เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับหัวกระสุนดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วย
"ผบก.เชียงใหม่"ระบุมือที่ยิง M-79
พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการก่อเหตุของมือที่สามเพื่อหวังสร้างสถานการณ์ โดยน่าจะถูกยิงมาจากบนสะพานข้ามแยกสนามบิน ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้เกิดเหตุประทัดยักษ์ระเบิดหน้าธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด สาขาประตูช้างเผือก และเหตุปาระเบิดใส่บริษัทของนายคะแนน สุภา พ่อตาของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย
ทั้งนี้ เวลานี้ได้มีการสั่งการกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เพิ่มความเข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่แล้ว โดยเฉพาะตามสถานที่ราชการสำคัญๆ เช่น ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ศาล เป็นต้น ได้มีการจัดวางกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยและเพิ่มถี่ในการออกตรวจ เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสก่อเหตุความวุ่นวายสร้างสถานการณ์
ขณะเดียวกันผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในเวลานี้มีรายงานทางการข่าวว่ามีกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้ามาในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำการติดตามจับตาอย่างใกล้ชิดแล้ว
ระเบิดป่วนนนทบุรีเพิ่มอีก 2 จุด
พันตำรวจโท พรชัย ศรีมุล พนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ รับแจ้งเหตุระเบิดเมื่อเวลา 21.00 น. จึงรุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที ที่กรมบังคับคดี ริมสะพานคลองชักพระ พบที่รั้วด้านหน้า พื้นปูนซีเมนต์เป็นหลุมกว้าง 10 ซม. ลึก 10 ซม. ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นคาดว่าเป็นระเบิดชนิด M 67 แบบกว้าง คล้ายกับระเบิดที่เกิดขึ้นที่แขวงการทางธนบุรีก่อนหน้านี้ และไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์ ขณะที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลาประมาณ 19.15 น. เกิดเหตุระเบิดขึ้นบริเวณศาลาควบคุมหม้อแปลงไฟฟ้า สวนสาธารณเทศบาลจังหวัดนนทบุรีโดยแรงระเบิดทำให้ฝ้าเพดานได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
