ASTVผู้จัดการรายวัน – “ชุมพล” คุยมั่นใจการชุมนุมม็อบแดง ไม่กระทบ สิ้นปีโตตามเป้า 16 ล้านคน ขณะที่ผอ.สำนักงานททท.กรุงปักกิ่ง เผยเตรียมเปิดตัว 3 แคมเปญ เจาะจีนทุกเซกเมนต์ ททท.เข็น 4 สินค้าและบริการท่องเที่ยวอวดสื่อต่างชาติ เกาะเทรนด์ท่องเที่ยวโลก
นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ถึงขณะนี้ยังมั่นใจว่า ในสิ้นปีนี้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยจะเติบโตไปในทิศทางที่ ททท.กำหนดไว้ โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 15.5-16 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ กว่า 5.3 แสนล้านบาท
“การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงครั้งนี้ไม่รุนแรง จึงไม่กระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวของต่างชาติ เราจึงมั่นใจว่าเป้าหมายการทำงานของ ททท.ในปีนี้จะยังคงได้ตามที่ตั้งไว้แน่นอน”
ออก3 แคมเปญกระตุ้นจีนเที่ยวไทย
นายอำนวย เทียมกีรกุล ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. ประจำกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน กล่าวว่า การเดินทางท่องเที่ยวของชาวจีน ขึ้นอยู่กับคำสั่งของรัฐบาล ซึ่งการออกประกาศให้นักท่องเที่ยวชะลอการเดินทางมาไทยในช่วงเวลานี้ เป็นผลจากที่ต้องการรอดูสถานการณ์ในไทยให้แน่ชัด ซึ่งสถานทูตจีนในประเทศไทย จะเป็นหน่วยงานที่สื่อสารไปยังรัฐบาลจีนได้ดีที่สุด
หากมองแล้วว่า การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในประเทศไทยไม่มีความรุนแรง แม้จะยังไม่ได้ข้อยุติรัฐบาลจีนคงตัดสินใจอนุญาติให้คนจีนเดินทางเข้ามาได้ แต่หากสามารถยุติการชุมนุมภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้ จะไม่กระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทาเข้ามาช่วเทศกาลสงกรานต์ แต่ถ้ายืดเยื้อก็คงกระทบบ้าง แต่ก็ยังมีช่วงเทศกาลเมย์เดย์ เดือน พ.ค. ที่เป็นวันหยุดยาวของชาวจีนที่ ททท.จะต้องทำตลาดอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดเตรียมเปิดตัว 3 แคมเปญปูพรมกระตุ้นตลาดจีนครบทุกเซกเมนต์ ได้แก่ 1.ไทยแลนด์ เวลคัน ทรู สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ยังไม่เคยมาประเทศไทย 2.เลิฟ ยู ไทยแลนด์ เจาะตลาดนักท่องเที่ยวที่เคยเดินทางเข้ามาประเทศไทยแล้ว และกลุ่ม FIT และ3. เลิฟ ยู โซ มัช เป้าหมายเจาะตลาดชาวจีนกลุ่มไฮเอนด์
“แคมเปญดังกล่าว และแผนงานด้านโฆษณาทางสถานที่ CCTV ยังคงทำต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีน 1.2 ล้านคนปีนี้ โดยเดือนเมษายน ประเทศจีนจะนำภาพยนตร์ ตู้ ลาล่า ที่ถ่ายทำที่พัทยา ออกฉาย คาดว่าจะกระตุ้นนักท่องเที่ยวได้เช่นกัน”
สถานการณ์ทางการเมืองของไทย มีผลกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียงเล็กน้อย ระหว่างวันที่ 12-14 มี.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นการเดินทางก็เข้าสู่ภาวะปกติ การเดินทางเข้ามาในเดือนต่อไปยังมีต่อเนื่อง หากนักท่องเที่ยวมีความกังวลก็จะเปลี่ยนเดสติเนชั่น ไปจังหวัดอื่นๆ เช่น ภูเก็ต สมุย เชียงใหม่ ททท.ยังทำเสนอเดสติเนชั่นในระดับรองเพิ่มเป็นทางเลือก เช่น ทะเลแถบภาคตะวันออก เกาะช้าง เกาะกูด ส่วนภูมิภาคยุโรปและอเมริกาแทบจะไม่สนใจข่าวสถานการณ์การเมืองของประเทศไทย
จัดแฟมทริปกระตุ้นตลาดรวม
วานนี้(23 มี.ค53) ในงานสัมมนาสินค้าทางการท่องเที่ยว เพื่อสร้างการรับรู้เทรนด์ใหม่ของไทย โดยมีสื่อมวลชนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 250 ราย และสื่อมวลชนต่างประเทศในประเทศไทย รวมถึงผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยว รวม 250 ราย เข้าร่วมรับฟังการสัมมนาภายใต้หัวข้อเรื่อง Thailand:Today’s Trends,Tomorrow’sTourism
นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ททท.ได้นำเสนอ 4 สินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่มีศักยภาพ ตอบสนองทิศทางความต้องการของตลาดนักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันและอนาคต ได้แก่ 1. Healthcare Destination Thailand : Situation and Trends นำเสนอศักยภาพและโอกาสของประเทศที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ชั้นนำของโลก ชู โดยปี2551 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเพื่อใช้บริการด้านสุขภาพมีถึง 1.4 ล้านคน คิดเป็น 10% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด สร้ารายได้กว่า 100 ล้านบาท
2.Community-besed Tourism:Hosts and Guests นำเสนอท่องเที่ยวโดยชุมชนในประเทศไทย 3.Today’s Experience, Tomorrow’s Memories-Lasting Thai Ties นำเสนอท่องเที่ยวในมิติใหม่ รวมถึงการใช้โซเชียลมีเดียในการสื่อสารเชื่อมโยงระหว่างนักเดินทางและแหล่งท่องเที่ยว และ 4.Tourism in Thailand:Beyound Luxury นำเสนอการบริการในระดับพิเศษ ของสปา รีสอร์ทสุดหรู เจาะกลุ่มนักธุรกิจ การท่องเที่ยวเป็นรางวัล ฮันนีมูลทั้ง 4 บริการท่องเที่ยวดังกล่าว ถือเป็นเทรนด์ใหม่ ที่กำลังมาแรงในกระแสการเดินทางท่องเที่ยวแบบรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งไทยมีความพร้อม โดยเริ่มมาตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมาในโครงการ เซเว่น กรีน โปรเจค
นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ถึงขณะนี้ยังมั่นใจว่า ในสิ้นปีนี้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยจะเติบโตไปในทิศทางที่ ททท.กำหนดไว้ โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 15.5-16 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ กว่า 5.3 แสนล้านบาท
“การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงครั้งนี้ไม่รุนแรง จึงไม่กระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวของต่างชาติ เราจึงมั่นใจว่าเป้าหมายการทำงานของ ททท.ในปีนี้จะยังคงได้ตามที่ตั้งไว้แน่นอน”
ออก3 แคมเปญกระตุ้นจีนเที่ยวไทย
นายอำนวย เทียมกีรกุล ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. ประจำกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน กล่าวว่า การเดินทางท่องเที่ยวของชาวจีน ขึ้นอยู่กับคำสั่งของรัฐบาล ซึ่งการออกประกาศให้นักท่องเที่ยวชะลอการเดินทางมาไทยในช่วงเวลานี้ เป็นผลจากที่ต้องการรอดูสถานการณ์ในไทยให้แน่ชัด ซึ่งสถานทูตจีนในประเทศไทย จะเป็นหน่วยงานที่สื่อสารไปยังรัฐบาลจีนได้ดีที่สุด
หากมองแล้วว่า การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในประเทศไทยไม่มีความรุนแรง แม้จะยังไม่ได้ข้อยุติรัฐบาลจีนคงตัดสินใจอนุญาติให้คนจีนเดินทางเข้ามาได้ แต่หากสามารถยุติการชุมนุมภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้ จะไม่กระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทาเข้ามาช่วเทศกาลสงกรานต์ แต่ถ้ายืดเยื้อก็คงกระทบบ้าง แต่ก็ยังมีช่วงเทศกาลเมย์เดย์ เดือน พ.ค. ที่เป็นวันหยุดยาวของชาวจีนที่ ททท.จะต้องทำตลาดอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดเตรียมเปิดตัว 3 แคมเปญปูพรมกระตุ้นตลาดจีนครบทุกเซกเมนต์ ได้แก่ 1.ไทยแลนด์ เวลคัน ทรู สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ยังไม่เคยมาประเทศไทย 2.เลิฟ ยู ไทยแลนด์ เจาะตลาดนักท่องเที่ยวที่เคยเดินทางเข้ามาประเทศไทยแล้ว และกลุ่ม FIT และ3. เลิฟ ยู โซ มัช เป้าหมายเจาะตลาดชาวจีนกลุ่มไฮเอนด์
“แคมเปญดังกล่าว และแผนงานด้านโฆษณาทางสถานที่ CCTV ยังคงทำต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีน 1.2 ล้านคนปีนี้ โดยเดือนเมษายน ประเทศจีนจะนำภาพยนตร์ ตู้ ลาล่า ที่ถ่ายทำที่พัทยา ออกฉาย คาดว่าจะกระตุ้นนักท่องเที่ยวได้เช่นกัน”
สถานการณ์ทางการเมืองของไทย มีผลกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียงเล็กน้อย ระหว่างวันที่ 12-14 มี.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นการเดินทางก็เข้าสู่ภาวะปกติ การเดินทางเข้ามาในเดือนต่อไปยังมีต่อเนื่อง หากนักท่องเที่ยวมีความกังวลก็จะเปลี่ยนเดสติเนชั่น ไปจังหวัดอื่นๆ เช่น ภูเก็ต สมุย เชียงใหม่ ททท.ยังทำเสนอเดสติเนชั่นในระดับรองเพิ่มเป็นทางเลือก เช่น ทะเลแถบภาคตะวันออก เกาะช้าง เกาะกูด ส่วนภูมิภาคยุโรปและอเมริกาแทบจะไม่สนใจข่าวสถานการณ์การเมืองของประเทศไทย
จัดแฟมทริปกระตุ้นตลาดรวม
วานนี้(23 มี.ค53) ในงานสัมมนาสินค้าทางการท่องเที่ยว เพื่อสร้างการรับรู้เทรนด์ใหม่ของไทย โดยมีสื่อมวลชนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 250 ราย และสื่อมวลชนต่างประเทศในประเทศไทย รวมถึงผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยว รวม 250 ราย เข้าร่วมรับฟังการสัมมนาภายใต้หัวข้อเรื่อง Thailand:Today’s Trends,Tomorrow’sTourism
นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ททท.ได้นำเสนอ 4 สินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่มีศักยภาพ ตอบสนองทิศทางความต้องการของตลาดนักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันและอนาคต ได้แก่ 1. Healthcare Destination Thailand : Situation and Trends นำเสนอศักยภาพและโอกาสของประเทศที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ชั้นนำของโลก ชู โดยปี2551 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเพื่อใช้บริการด้านสุขภาพมีถึง 1.4 ล้านคน คิดเป็น 10% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด สร้ารายได้กว่า 100 ล้านบาท
2.Community-besed Tourism:Hosts and Guests นำเสนอท่องเที่ยวโดยชุมชนในประเทศไทย 3.Today’s Experience, Tomorrow’s Memories-Lasting Thai Ties นำเสนอท่องเที่ยวในมิติใหม่ รวมถึงการใช้โซเชียลมีเดียในการสื่อสารเชื่อมโยงระหว่างนักเดินทางและแหล่งท่องเที่ยว และ 4.Tourism in Thailand:Beyound Luxury นำเสนอการบริการในระดับพิเศษ ของสปา รีสอร์ทสุดหรู เจาะกลุ่มนักธุรกิจ การท่องเที่ยวเป็นรางวัล ฮันนีมูลทั้ง 4 บริการท่องเที่ยวดังกล่าว ถือเป็นเทรนด์ใหม่ ที่กำลังมาแรงในกระแสการเดินทางท่องเที่ยวแบบรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งไทยมีความพร้อม โดยเริ่มมาตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมาในโครงการ เซเว่น กรีน โปรเจค