ASTVผู้จัดการรายวัน - “ปทีป” ชี้ยิงจรวดอาร์พีจีหมายถล่มกระทรวงกลาโหม ชัด!ตำรวจพบเสื้อยืดสีแดง 2 ตัว ของประธาน อบจ.โคราชซุกรถคนร้าย ศอ.รส.เชื่อบึ้มสร้างสถานการณ์ แม้วเหี้ยม! วิดีโอลิ้งก์สั่งจับหัวหน้าปฏิวัติมาแขวนคอ
วานนี้ (21 มี.ค.) เวลา 10.00 น.ที่ สน.สำราญราษฎร์ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.ได้ประชุมชุดคลี่คลายคดีคนร้ายใช้เครื่องยิงจรวดอาร์พีจียิงใส่กระทรวงกลาโหม ประกอบด้วย พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.สำราญราษฎร์ พ.ต.อ.จำลอง สว่างวงศ์ ผกก.สส.น.6 และ พ.ต.ท.กำธร อุ่ยเจริญ รอง ผกก.กตว.บก.ตปพ.โดยใช้เวลาในการประชุม 2 ชั่วโมง
ภายหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.ปทีป เปิดเผยว่า ก็ได้เรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสรุปเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในแง่ของการดำเนินการหลังเกิดเหตุจนถึงเวลานี้ตอบได้ว่า ตำรวจได้ตีวงแคบเข้ามาพอสมควรแล้วแต่ยังให้ข่าวใดๆ เกี่ยวกับกลุ่มคนร้ายไม่ได้ เนื่องจากอาจไปกระทบกับแนวทางการสืบสวนสอบสวน ส่วนรถยนต์ต้องสงสัยขณะนี้ตรวจสอบแล้วว่า ป้ายทะเบียน ตศ 9818 กทม.นั้นเป็นของปลอม แต่เรากำลังตรวจเช็กเลขเครื่องเพื่อหาตัวเจ้าของรถอยู่ สำหรับของกลางที่ตำรวจยึดได้ภายในรถคือเครื่องยิงจรวด อาร์พีจี 7 พร้อมปลอกกระสุนพีจี 7, ปืนกล 1 กระบอก, ลูกกระสุนปืนขนาด .45 ประมาณ 20 ลูก และระเบิดมือเอ็ม 67 จำนวน 3 ลูก สำหรับกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า คนร้ายน่าจะได้รับบาดเจ็บด้วยนั้น จากการตรวจสอบตามโรงพยาบาลในละแวกใกล้เคียงแล้วไม่พบว่ามีบุคคลต้องสงสัยรายใดเข้าไปรับการรักษาตัว
**ยันพุ่งเป้าถล่มกลาโหม**
พล.ต.อ.ปทีป กล่าวอีกว่า เท่าที่ดูทิศทางการยิงเชื่อว่าคนร้ายพุ่งเป้าไปที่อาคารของกระทรวงกลาโหมอย่างแน่นอน แต่จะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปาระเบิดที่ทำการ ป.ป.ช.จังหวัดนนทบุรี ในเวลาไล่เลี่ยกัน และเหตุการณ์คนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปในกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ก่อนหน้านี้หรือไม่ ยังไม่ทราบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้กำชับมาว่าให้เร่งสืบสวนหาตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว และตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ทำการควบคุมดูแลและติดตามผลความคืบหน้าคดีนี้โดยเฉพาะขอยืนยันว่า ทางตำรวจยังไม่ได้สรุปว่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มคนเสื้อแดงหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยหลังจากนี้ไปคงจะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และเทศกิจมาประจำจุดตรวจให้มากยิ่งขึ้น
“อยากจะฝากไปถึงพี่น้องประชาชนด้วยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังรักษาการณ์ตามจุดตรวจต่างๆ เยอะมากแต่จะให้ครอบคลุมทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร ตลอด 24 ชั่วโมง คงจะเป็นไปไม่ได้ แม้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงลักษณะนี้แต่เราก็ยังไม่ถอยและจะเพิ่มจุดตรวจให้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นหากพบเห็นกลุ่มคนต้องสงสัยว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคง ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด”พล.ต.อ.ปทีป กล่าว
**ตำรวจจำลองยิงอาร์พีจี**
จากนั้น พล.ต.อ.ปทีป พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.ตปพ.ได้ร่วมกันตรวจสอบรถกระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ซึ่งเป็นยานพาหนะที่คนร้ายใช้อีกครั้งหนึ่ง โดย พ.ต.ท.กำธร อุ่ยเจริญ รอง ผกก.กตว.บก.ตปพ.ได้นำเอาเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 7 ซึ่งเป็นของกลางคดีเก่า แต่เป็นชนิดเดียวกันกับที่ยึดได้ภายในรถมาทำการจำลองสถานการณ์ขณะคนร้ายก่อเหตุด้วย
**คาดคนร้ายมีจำนวน 2 คน**
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการจำลองทิศทางการยิงของคนร้าย เชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีจำนวน 2 คน โดยคนขับได้นำรถไปจอดริมฟุตปาธบริเวณด้านข้างร้านชุบพรชัย ในซอยแพร่งภูธร ในลักษณะหันหัวเข้าไปในซอย ก่อนที่คนนั่งข้างกันจะเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินไปที่ท้ายรถห่างจากประตูหน้าซึ่งเปิดค้างเอาไว้พรางตัวเอง ประมาณ 5 เมตร ก่อนนั่งลงกับพื้นแบกเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 7 ประทับบ่ายิงใส่เป้าหมายบริเวณด้านหลังอาคารกระทรวงกลาโหม แต่กระสุนพลาดเป้าไปติดสายไฟฟ้าปากซอยแพร่งภูธร ที่ระโยงระยางกันอยู่จำนวนมาก ส่วนร่องรอยที่กระจกรถคนร้ายแตกนั้นเกิดจากแรงอัดท้ายเครื่องยิงจรวดหลังลั่นไก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายทั้ง 2 รายก็น่าจะได้รับบาดเจ็บด้วย อย่างน้อยคนยิงก็ต้องมีอาการนิ้วมือพุพองอย่างแน่นอน
**พบเสื้อแดง อบจ.โคราช ซุกรถ**
สำหรับรถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ทอง คันที่พบในที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า ยังมีอาวุธปืนกลมือ เอ็ม 3 และเครื่องกระสุนปืนขนาดจุด 45 พร้อมใช้งาน จำนวน 20 นัด กล่องกระสุนและกระสุนปืน ขนาดจุด 45 อีก 28 นัด ระเบิดขว้างสังหารชนิดเอ็ม 67 จำนวน 3 ลูก เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี จำนวน 1 กระบอก เสื้อสีแดง 2 ตัว เสื้อยืดคอกลมสีฟ้า ด้านหลังเสื้อสกรีนชื่อ สจ.คณะวัฒน์ อังสนานิวัฒน์ ประธานสภา อบจ.นครราชสีมา จำนวน 1 ตัว ถุงยางอนามัยยี้ห้อดูเร็กซ์ ยังไม่ได้ใช้งาน 1 กล่อง กระดาษเช็ดก้นเด็ก 1 กล่อง น้ำดื่ม 1 ขวด และใบเสร็จรับเงินจากการซื้อสินค้า ภายในห้างสรรพสินค้าแมคโคร สาขาหาดใหญ่ 1 ใบ
ส่วนผลการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในละแวกเกิดเหตุ พบชายต้องสงสัย 2 คน คนแรกสูงประมาณ 175 ซม.ไว้ผมรองทรงสั้น สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงขายาวทรงทหาร ใส่รองเท้าหนังสีดำ ถือหมวกแก๊ป อีกคนเป็นชายสูงประมาณ 175-180 ซม.ไว้ผมรองทรง สวมเสื้อโปโลแขนสั้นลายขวาง สวมหมอกแก๊ปไม่ทราบสี นุ่งกางเกงขายาวทรงทหาร ใส่รองเท้าหนังสีดำ สะพายกระเป๋า 1 ใบ โดยทั้ง 2 ราย เดินออกจากจุดรอดรถในเวลาใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ
**ล่าดีเอ็นเอมือยิงอาร์พีจีใส่กลาโหม
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบเจ้าของ ดีเอ็นเอ คราบเลือดของคนร้ายที่ได้รับบาดเจ็บจากกรณีลอบยิงระเบิดชนิด RPG เข้าใส่กระทรวงกลาโหม ว่าเป็นใครมาจากไหน หรือเป็นกลุ่มใด ซึ่ง เบื้องต้นพบคราบเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ในรถยนต์
ทั้งนี้ รถยนต์ที่เจ้าหน้าที่ยึดไว้ได้ เป็นรถยนต์กระบะไฮลักซ์ วีโก้ (Hilux Vigo) สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ตศ 9818 กทม.ตรวจสอบพบเป็นหมายเลขทะเบียนปลอม ส่วนภายในรถตรวจสอบพบเครื่องยิง PRG จำนวน 1 กระบอก ระเบิดสังหารเอ็ม 67 จำนวน 3 ลูก ระเบิดปืนทอมสัน 1 กระบอก กระสุนปืน 11 ม.ม. 20 นัด
** ศอ.รส.ชี้บึ้มสร้างสถานการณ์
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอ.รส. กล่าวว่า การสร้างสถานการณ์การวางระเบิด อาจจะมีส่วนเชื่อมโยงหรือมีความเกี่ยวข้องกันกับความไม่เป็นเอกภาพของแกนนำกลุ่มเสื้อแดงที่ยังมีความขัดแย้งกันอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ทาง ผอ.ศอ.รส. ได้กำชับให้ผู้บังคับหน่วยที่รับผิดชอบในพื้นที่ ได้กำหนดมาตรการต่างๆ ในการตั้งจุดตรวจสายตรวจให้เข้มข้นขิ้น และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้น และชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบ
"ทาง ศอ.รส.ไม่ได้ฟันธงว่า ผู้ที่สร้างสถานการณ์เป็นฝ่ายใด เพียงแต่กังวล และไม่สบายใจจากภาพที่เกิดขึ้น ซึ่งสื่อมวลชนก็เห็นว่าความไม่เป็นเอกภาพในบรรดาแกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุม เกรงว่าตรงนี้อาจจะมีโอกาส และมีความเป็นไปได้ที่จะมีส่วนที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ ซึ่งเราพยายามเต็มที่ที่จะป้องกันเพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ต้องสืบสวนสอบสวน เพราะในที่เกิดขึ้นพบวัตถุพยานหลายอย่าง ทั้งอุปกรณ์ อาวุธ วัตถุระเบิดที่ยึดได้ และรถยนต์ ทั้งนี้พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. กำลังตรวจสอบเบาะแส เชื่อมโยง" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ออกมาระบุว่า ทหารเป็นผู้สร้างสถานการณ์นั้น ก็เป็นเรื่องของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะชี้แจง แต่เรายืนยันมาตลอดว่า เจ้าหน้าที่รัฐพยายามทำทุกอย่าง เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้น คงเป็นความพยายามสร้างสถานการณ์ในสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ เช่น ป.ป.ช.แห่งใหม่ กระทรวงกลาโหม เป็นต้น
อย่างไรก็ตามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.สอ.รส. ไม่ได้ตำหนิอะไร แต่ก็ได้กำชับให้กองทัพต้องระมัดระวังการดูแลรักษาความปลอดภัยมากขึ้น ในสถานที่ตั้งหน่วยทหาร และสถานที่สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ทั่วกทม. จำนวน 30 แห่ง เช่น กระทรวงต่างๆ ศาลาว่าการ สถานที่ราชการต่างๆ ทั่วกทม.
**ป.ป.ช.ยังไม่ได้ย้ายสำนักงาน
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 มี.ค. ตนพร้อมด้วยเลขาธิการ ป.ป.ช.ได้เดินทางไปดูที่เกิดเหตุ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งสำนักงานแห่งใหม่นี้ทาง ป.ป.ช. อยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่ก็เสร็จเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้วซึ่งยังไม่ได้มาทำงานที่นี่ เท่าที่ดูความเสียหายก็สามารถซ่อมแซมได้ ไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม สำนักงาน ป.ป.ช. จะย้ายมาทำงานที่สำนักงานใหม่นี้ประมาณเดือน พ.ค. ที่จะถึงนี้
ประธานป.ป.ช.กล่าวว่า กรรมการ ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ยังคงทำงานกันตามปกติ แม้ว่าจะมีความไม่สะดวกบ้างในเรื่องการเดินทางเข้าออกสำนักงานบริเวณถนนพิษณุโลก และในสัปดาห์หน้า ยังคงทำงานตามปกติเช่นเดิม
ส่วนเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่นั้นเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ยังคงปฏิบัติหน้าที่เข้มแข็งเช่นเดิม ส่วนกรรมการทุกคนคงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นไม่ประมาท การเพิ่มเจ้าหน้าที่อารักขากรรมการ ป.ป.ช. นั้นคงต้องแล้วแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารจะพิจารณา ยังไม่ได้มีการร้องขอไปแต่อย่างใด
**ป.ป.ช.ขอตร.-ทหารเพิ่มอารักขา
นายอภินันทน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์คนร้ายปาระเบิดใส่สำนักงาน ป.ป.ช.แห่งใหม่ที่ จ.นนทบุรี ว่า น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ป่วนเมืองมากกว่า แต่ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองหรือไม่ หลังจากนี้ป.ป.ช.จะเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยสำนักงานป.ป.ช. ที่ ถ.พิษณุโลก และที่ จ.นนทบุรี ให้มากขึ้น โดยประสานขอกำลังตำรวจ ทหาร มาช่วยดูแลมากขึ้น
"ที่ผ่านมา สำนักงานป.ป.ช.ได้เตรียมการเฝ้าระวังความปลอดภัยในส่วนของสถานที่ไว้อย่างดีแล้ว แต่ก็ถูกอาศัยจังหวะทีเผลอขึ้นจนได้"
เลขาป.ป.ช.กล่าวว่า ในการประชุม ป.ป.ช. วันที่ 23 มี.ค. นี้ คงมีการหารือถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในสำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช.ได้แสดงความเป็นห่วงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ป.ป.ช. และได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกคนระวังความปลอดภัย แต่คณะกรรมการป.ป.ช.ทุกคนไม่รู้สึกหวั่นไหวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
**ประธาน อบจ.โคราชยังปฏิเสธ**
นายคณะวัฒน์ อังสนานิวัฒน์ ประธานสภาอบจ.นครราชสีมากล่าวถึงกรณีมีผู้พบเสื้อยืดมีชื่อตนเองอยู่ด้านหลังตกอยู่ในรถกระบะคันต้องสงสัยว่าเป็นพาหนะของคนร้ายที่ยิงจรวดอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหมเมื่อคืนนี้ว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดใดๆกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามเสื้อยืดที่ตนแจกให้กับชาวบ้านมีเป็นหมื่นตัว จะไปทราบได้อย่างไรว่าตัวไหนใครใส่ไปที่ไหนและไปอยู่ในรถคันต้องสงสัยได้อย่างไร ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้รู้เห็นด้วย ส่วนตัวไม่ได้เกี่ยวข้องหรือไปยุ่งเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงใดๆทั้งสิ้น เพราะตนไม่ใช่เสื้อแดง
เรื่องนี้ชาวอ.สีคิ้วและชาวโคราชทราบดีว่าตนเป็นคนอย่างไรและไม่ได้ฝักใฝ่กับสีใดทั้งนั้น ทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกกลุ่มไม่ได้เลือกปฏิบัติ เรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมให้มีการตรวจสอบและยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ ไม่ได้มีความหวั่นไหวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงแม้อาจจะมีผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์แล้วโยนความผิดมาให้ก็ตาม
**ตำรวจประเมินม็อบแดงชุมนุม**
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.ประจำ บช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ว่ายังมีการชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนิน โดยผู้ชุมนุมรวมตัวกันหนาแน่นบริเวณเวทีปราศรัยใหญ่สะพานผ่านฟ้าฯ มีจำนวนประมาณ 9,500 คน สำหรับสถานการณ์เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ตำรวจสันติบาลได้ประเมินกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนตัวไปตามที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ว่ามีรถจักรยานยนต์ไม่ต่ำกว่า 25,000 คัน รถยนต์ 2,000 คัน ประชาชนจำนวน 6-7 หมื่น ส่วนคนกลับเข้ามาฟังการปราศรัยจำนวนสูงสุดในเวลา 23.00 น.ประมาณ 53,000 คน และแยกกันกลับในเวลาประมาณเที่ยงคืน เหลือจำนวนเพียงหมื่นกว่าคนจนถึงช่วงเช้า
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์พบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมยังเคลื่อนไหวตลอดเวลา มีผู้หญิงประมาณ 60% ชาย 40% สำหรับช่วงอายุ 30-50 มีจำนวนมากที่สุด 60-70% ผู้สูงอายุเกินกว่า 50 ปี 10-15% เท่ากับวัยหนุ่มสาว 20-30 ปี ส่วนวัยรุ่นที่อายุต่ำกว่า 20 ปีมีเพียง 10% ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นพบว่าคนต่างจังหวัดที่กลับไปเมื่อ 2-3 วันก่อนก็กลับมาร่วมชุมนุมอีก มีหลายส่วนที่อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลที่มาเย็นและกลับช่วงดึก
**เพิ่มจุดตรวจนอกพื้นที่**
สำหรับภารกิจตำรวจ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่ารอง ผบ.ตร.ได้กำชับให้ดำเนินภารกิจต่อไปหากมีการขยายเวลาในการประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคง เพื่อช่วยเหลือกองทัพในการดูแลการชุมนุมต่อไป โดยมีภารกิจ 4 อย่างคือ ดูแลผู้ชุมนุมไม่ให้เกิดความเสียหายเหตุรุนแรง เตรียมรับสถานการณ์ดาวกระจาย เตรียมมาตรการการปิดล้อมสถานที่ และพร้อมรับปัญหาเหตุก่อกวนซึ่งมีแนวโน้มน่าเป็นห่วง ซึ่งหลายจุดในการชุมนุมมีการเปลี่ยนแปลง พร้อมตั้งจุดตรวจสายตรวจนอกพื้นที่ชุมนุมมากขึ้นรวมทั้งตรอก ซอย บนถนนราชดำเนินโดยประสานกำลังกับ สน.พื้นที่
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ทั้งนี้ยังมีหนังสือเตือนเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการดูแลการชุมนุม หากพกอาวุธเข้ามาในพื้นที่แล้วถูกจับกุมดำเนินคดี จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดไม่มีข้อยกเว้น หากเป็นตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ต้องได้แจ้งผู้บังคับบัญชาและได้รับอนุญาตเฉพาะการควบคุมสถานการณ์ก่อนเท่านั้น ส่วนตำรวจที่ไม่อยู่ในพื้นที่ชุมนุมให้ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
**ขอเสื้อแดงใช้พื้นที่จัดงานกาชาด**
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 กล่าวถึงการเจรจากับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในการขอพื้นที่เพื่อจัดงานกาชาดในปลายเดือนนี้ว่า ได้เจรจากับแกนนำเกี่ยวกับขอพื้นที่การชุมนุมบางส่วนจัดงานกาชาดหลายวันแล้วแต่ปรากฎว่ายังไม่มีการเคลื่อนย้าย จึงไปทวงถามอีกครั้งหนึ่งเพราะร้านค้าในงานกาชาดต้องมีการเตรียมตั้งร้านก่อนวันงาน ซึ่งหลังการพูดคุยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็รับปากจะรื้อให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 21 มี.ค.นี้ โดยการเจราจาขอพื้นที่ไม่มีเงื่อนไขอะไร
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ที่จะขอใช้จัดงานกาชาดคือบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า โดยใช้พื้นที่บริเวณตั้งแต่บริเวณถนนอู่ทองในจนถึงบริเวณแยกสวนมิสกวัน โดยจะขอให้ย้ายจุดชุมนุมไปอยู่ถนนลูกหลวง ฝั่งกระทรวงศึกษาธิการ แต่ที่ลำบากคือการรื้อห้องน้ำ แต่ส่วนไหนที่ย้ายได้ร้านค้าก็จะตั้งร้านได้ก่อน ซึ่งการเจรจาก็เป็นไปด้วยดี แกนนำ นปช.ก็ไม่ได้ร้องขออะไร เพียงแค่ขอให้ช่วยรักษาความปลอดภัยให้กลุ่มผู้ชุมนุม
ผู้สื่อข่าวถามว่าเกิดเหตุรุนแรงหลายจุด พื้นที่ บก.น.1 มีสถานที่สำคัญหลายแห่งต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยหรือไม่ ผบก.น.1 กล่าวว่า เราได้เสริมมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยก่อนหน้านี้มาเป็นเดือนแล้ว โดยให้ชุดเคลื่อนที่เร็ว ปะฉะดะ ของ บก.น.1 ออกตรวจทุกคืน รวมทั้งสายสืบนอกเครื่องแบบจำนวน 80 นายออกตรวจตราหาข่าวตลอด เพราะเป็นห่วงสถานการณ์ไม่อยากให้เกิดเหตุรุนแรง
***แม้วสั่งจับหัวหน้าปฏิวัติมาแขวนคอ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วีดีโอลิงก์มายังเวทีเสื้อแดง กล่าวตอนหนึ่งว่า 2-3 วันนี้ เขาจะจับแกนนำ เราจะปล่อยให้จับหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ไปอยู่ในค่ายทหารติดนิสัยเผด็จการจากทหารมาเยอะ ที่บอกให้ตนรับกติกากฎหมายก่อนนั้น ต้องถามว่า กติกาที่ว่า เหตุใดเมื่อยุบสภา ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ลงเลือกตั้ง ทำไมประกาศบอยคอตการเลือกตั้ง และให้ทหารมาปฏิวัติ จนได้ประโยชน์จากมทหาร มาตั้งรัฐบาลชัดเจนมาก ถือว่ามาชื่นชมกติกาคณะปฏิวัติ เป็นพวกเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง อาศัยประชาธิปไตยโก้ๆ แล้วมาอาศัยเผด็จการเต็มที่
“จะทำอย่างไรดี หากมีการปฏิวัติอีก ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้ามีอีกก็ให้จับหัวหน้าปฏิวัติมาแขวนคอ ขอให้ผมเป็นเหยื่อคนสุดท้าย เพราะผมเป็นสัญลักษณ์ที่ถูกทำลายโดยอำมาตย์ เพราะผมเพียงต้องการให้ประชาชนไม่ยากจนเท่านั้น” อดีตนายกฯกล่าวและว่า ที่ผ่านมาเป็นการแย่งชิงโอกาสทางทรัพยากรและอำนาจ เพราะมีคนกลุ่มหนึ่ง พอใจสถานภาพตัวเองในปัจจุบัน ลืมคืดถึงลูกหลาในอนาคต ทำให้อำมาตย์ ได้ประโยชน์จากการผ่านกระบวนการปฏิวัติ และการเมืองที่มีรัฐบาลเสียงอ่อนแอ จนมีการต่อรอง ในวันจันทร์นี้ (22 มี.ค.) คนเสื้อแดงจะต้องออกมาเยอะๆ คนต่างจังหวัด และคนกทม. ต้องมาให้มาก 2-3 คืนนี้ให้คนเสื้อแดงไปตั้งจานดาวเทียม ตามศาลากลาง จะได้ร่วมคุ้มครองคนที่ราชดำเนินไปด้วย เราต้องกระจาย กำลังไปทั่วประเทศ ไม่เช่นนั้นจะถูกปิดประตูตีแมว เป็นแผนทำลายคนเสื้อแดง
“รัฐบาลใช้สื่อรัฐ โฆษณามอมเมาว่า ยอดคนเสื้อแดงมากันนิดเดียว มาเกะกะ ระรานคนกทม. พวกอำมาตย์ ก็ไม่รู้ ไปสั่งการผิดๆไป ผมว่าเขาจะเสียใจทีหลัง เขาก็บอกว่า พี่น้องถูกจ้างมา เป็นว่ามาดูถูกศักดิ์ศรี ไม่ยอมรับคนเสื้อแดงเป็นคนไทยหรือไง ความจริงคนเสื้อแดง ก็มีจิตสำนึกต่อบ้านเมือง นึกถึงคนในอนาคต”
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า จะมีการมาขนคนกลับบ้านและจับแกนนำ ขอบอกว่า บ้านเมืองไม่มีทางสงบ ไหนนายอภิสิทธิ์ในสมัยเป็นฝ่ายค้านบอกว่า ที่ต่างประเทศเขาต่อสู้เรื่องเอฟทีเอ คนมาไม่กี่คนเขาก็ต้องฟัง แต่พวกเราไม่ใช่คนไทยหรือยังไง นายอภิสิทธิ์ ลืมไปแล้ว ที่พูดว่าคนเดียวก็ต้องฟัง อย่างนี้ยุบสภาดีกว่า ลาออกไม่ได้แล้ว.
วานนี้ (21 มี.ค.) เวลา 10.00 น.ที่ สน.สำราญราษฎร์ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.ได้ประชุมชุดคลี่คลายคดีคนร้ายใช้เครื่องยิงจรวดอาร์พีจียิงใส่กระทรวงกลาโหม ประกอบด้วย พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.สำราญราษฎร์ พ.ต.อ.จำลอง สว่างวงศ์ ผกก.สส.น.6 และ พ.ต.ท.กำธร อุ่ยเจริญ รอง ผกก.กตว.บก.ตปพ.โดยใช้เวลาในการประชุม 2 ชั่วโมง
ภายหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.ปทีป เปิดเผยว่า ก็ได้เรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสรุปเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในแง่ของการดำเนินการหลังเกิดเหตุจนถึงเวลานี้ตอบได้ว่า ตำรวจได้ตีวงแคบเข้ามาพอสมควรแล้วแต่ยังให้ข่าวใดๆ เกี่ยวกับกลุ่มคนร้ายไม่ได้ เนื่องจากอาจไปกระทบกับแนวทางการสืบสวนสอบสวน ส่วนรถยนต์ต้องสงสัยขณะนี้ตรวจสอบแล้วว่า ป้ายทะเบียน ตศ 9818 กทม.นั้นเป็นของปลอม แต่เรากำลังตรวจเช็กเลขเครื่องเพื่อหาตัวเจ้าของรถอยู่ สำหรับของกลางที่ตำรวจยึดได้ภายในรถคือเครื่องยิงจรวด อาร์พีจี 7 พร้อมปลอกกระสุนพีจี 7, ปืนกล 1 กระบอก, ลูกกระสุนปืนขนาด .45 ประมาณ 20 ลูก และระเบิดมือเอ็ม 67 จำนวน 3 ลูก สำหรับกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า คนร้ายน่าจะได้รับบาดเจ็บด้วยนั้น จากการตรวจสอบตามโรงพยาบาลในละแวกใกล้เคียงแล้วไม่พบว่ามีบุคคลต้องสงสัยรายใดเข้าไปรับการรักษาตัว
**ยันพุ่งเป้าถล่มกลาโหม**
พล.ต.อ.ปทีป กล่าวอีกว่า เท่าที่ดูทิศทางการยิงเชื่อว่าคนร้ายพุ่งเป้าไปที่อาคารของกระทรวงกลาโหมอย่างแน่นอน แต่จะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปาระเบิดที่ทำการ ป.ป.ช.จังหวัดนนทบุรี ในเวลาไล่เลี่ยกัน และเหตุการณ์คนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปในกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ก่อนหน้านี้หรือไม่ ยังไม่ทราบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้กำชับมาว่าให้เร่งสืบสวนหาตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว และตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ทำการควบคุมดูแลและติดตามผลความคืบหน้าคดีนี้โดยเฉพาะขอยืนยันว่า ทางตำรวจยังไม่ได้สรุปว่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มคนเสื้อแดงหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยหลังจากนี้ไปคงจะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และเทศกิจมาประจำจุดตรวจให้มากยิ่งขึ้น
“อยากจะฝากไปถึงพี่น้องประชาชนด้วยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังรักษาการณ์ตามจุดตรวจต่างๆ เยอะมากแต่จะให้ครอบคลุมทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร ตลอด 24 ชั่วโมง คงจะเป็นไปไม่ได้ แม้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงลักษณะนี้แต่เราก็ยังไม่ถอยและจะเพิ่มจุดตรวจให้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นหากพบเห็นกลุ่มคนต้องสงสัยว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคง ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด”พล.ต.อ.ปทีป กล่าว
**ตำรวจจำลองยิงอาร์พีจี**
จากนั้น พล.ต.อ.ปทีป พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.ตปพ.ได้ร่วมกันตรวจสอบรถกระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ซึ่งเป็นยานพาหนะที่คนร้ายใช้อีกครั้งหนึ่ง โดย พ.ต.ท.กำธร อุ่ยเจริญ รอง ผกก.กตว.บก.ตปพ.ได้นำเอาเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 7 ซึ่งเป็นของกลางคดีเก่า แต่เป็นชนิดเดียวกันกับที่ยึดได้ภายในรถมาทำการจำลองสถานการณ์ขณะคนร้ายก่อเหตุด้วย
**คาดคนร้ายมีจำนวน 2 คน**
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการจำลองทิศทางการยิงของคนร้าย เชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีจำนวน 2 คน โดยคนขับได้นำรถไปจอดริมฟุตปาธบริเวณด้านข้างร้านชุบพรชัย ในซอยแพร่งภูธร ในลักษณะหันหัวเข้าไปในซอย ก่อนที่คนนั่งข้างกันจะเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินไปที่ท้ายรถห่างจากประตูหน้าซึ่งเปิดค้างเอาไว้พรางตัวเอง ประมาณ 5 เมตร ก่อนนั่งลงกับพื้นแบกเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 7 ประทับบ่ายิงใส่เป้าหมายบริเวณด้านหลังอาคารกระทรวงกลาโหม แต่กระสุนพลาดเป้าไปติดสายไฟฟ้าปากซอยแพร่งภูธร ที่ระโยงระยางกันอยู่จำนวนมาก ส่วนร่องรอยที่กระจกรถคนร้ายแตกนั้นเกิดจากแรงอัดท้ายเครื่องยิงจรวดหลังลั่นไก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายทั้ง 2 รายก็น่าจะได้รับบาดเจ็บด้วย อย่างน้อยคนยิงก็ต้องมีอาการนิ้วมือพุพองอย่างแน่นอน
**พบเสื้อแดง อบจ.โคราช ซุกรถ**
สำหรับรถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ทอง คันที่พบในที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า ยังมีอาวุธปืนกลมือ เอ็ม 3 และเครื่องกระสุนปืนขนาดจุด 45 พร้อมใช้งาน จำนวน 20 นัด กล่องกระสุนและกระสุนปืน ขนาดจุด 45 อีก 28 นัด ระเบิดขว้างสังหารชนิดเอ็ม 67 จำนวน 3 ลูก เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี จำนวน 1 กระบอก เสื้อสีแดง 2 ตัว เสื้อยืดคอกลมสีฟ้า ด้านหลังเสื้อสกรีนชื่อ สจ.คณะวัฒน์ อังสนานิวัฒน์ ประธานสภา อบจ.นครราชสีมา จำนวน 1 ตัว ถุงยางอนามัยยี้ห้อดูเร็กซ์ ยังไม่ได้ใช้งาน 1 กล่อง กระดาษเช็ดก้นเด็ก 1 กล่อง น้ำดื่ม 1 ขวด และใบเสร็จรับเงินจากการซื้อสินค้า ภายในห้างสรรพสินค้าแมคโคร สาขาหาดใหญ่ 1 ใบ
ส่วนผลการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในละแวกเกิดเหตุ พบชายต้องสงสัย 2 คน คนแรกสูงประมาณ 175 ซม.ไว้ผมรองทรงสั้น สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงขายาวทรงทหาร ใส่รองเท้าหนังสีดำ ถือหมวกแก๊ป อีกคนเป็นชายสูงประมาณ 175-180 ซม.ไว้ผมรองทรง สวมเสื้อโปโลแขนสั้นลายขวาง สวมหมอกแก๊ปไม่ทราบสี นุ่งกางเกงขายาวทรงทหาร ใส่รองเท้าหนังสีดำ สะพายกระเป๋า 1 ใบ โดยทั้ง 2 ราย เดินออกจากจุดรอดรถในเวลาใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ
**ล่าดีเอ็นเอมือยิงอาร์พีจีใส่กลาโหม
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบเจ้าของ ดีเอ็นเอ คราบเลือดของคนร้ายที่ได้รับบาดเจ็บจากกรณีลอบยิงระเบิดชนิด RPG เข้าใส่กระทรวงกลาโหม ว่าเป็นใครมาจากไหน หรือเป็นกลุ่มใด ซึ่ง เบื้องต้นพบคราบเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ในรถยนต์
ทั้งนี้ รถยนต์ที่เจ้าหน้าที่ยึดไว้ได้ เป็นรถยนต์กระบะไฮลักซ์ วีโก้ (Hilux Vigo) สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ตศ 9818 กทม.ตรวจสอบพบเป็นหมายเลขทะเบียนปลอม ส่วนภายในรถตรวจสอบพบเครื่องยิง PRG จำนวน 1 กระบอก ระเบิดสังหารเอ็ม 67 จำนวน 3 ลูก ระเบิดปืนทอมสัน 1 กระบอก กระสุนปืน 11 ม.ม. 20 นัด
** ศอ.รส.ชี้บึ้มสร้างสถานการณ์
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอ.รส. กล่าวว่า การสร้างสถานการณ์การวางระเบิด อาจจะมีส่วนเชื่อมโยงหรือมีความเกี่ยวข้องกันกับความไม่เป็นเอกภาพของแกนนำกลุ่มเสื้อแดงที่ยังมีความขัดแย้งกันอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ทาง ผอ.ศอ.รส. ได้กำชับให้ผู้บังคับหน่วยที่รับผิดชอบในพื้นที่ ได้กำหนดมาตรการต่างๆ ในการตั้งจุดตรวจสายตรวจให้เข้มข้นขิ้น และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้น และชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบ
"ทาง ศอ.รส.ไม่ได้ฟันธงว่า ผู้ที่สร้างสถานการณ์เป็นฝ่ายใด เพียงแต่กังวล และไม่สบายใจจากภาพที่เกิดขึ้น ซึ่งสื่อมวลชนก็เห็นว่าความไม่เป็นเอกภาพในบรรดาแกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุม เกรงว่าตรงนี้อาจจะมีโอกาส และมีความเป็นไปได้ที่จะมีส่วนที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ ซึ่งเราพยายามเต็มที่ที่จะป้องกันเพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ต้องสืบสวนสอบสวน เพราะในที่เกิดขึ้นพบวัตถุพยานหลายอย่าง ทั้งอุปกรณ์ อาวุธ วัตถุระเบิดที่ยึดได้ และรถยนต์ ทั้งนี้พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. กำลังตรวจสอบเบาะแส เชื่อมโยง" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ออกมาระบุว่า ทหารเป็นผู้สร้างสถานการณ์นั้น ก็เป็นเรื่องของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะชี้แจง แต่เรายืนยันมาตลอดว่า เจ้าหน้าที่รัฐพยายามทำทุกอย่าง เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้น คงเป็นความพยายามสร้างสถานการณ์ในสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ เช่น ป.ป.ช.แห่งใหม่ กระทรวงกลาโหม เป็นต้น
อย่างไรก็ตามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.สอ.รส. ไม่ได้ตำหนิอะไร แต่ก็ได้กำชับให้กองทัพต้องระมัดระวังการดูแลรักษาความปลอดภัยมากขึ้น ในสถานที่ตั้งหน่วยทหาร และสถานที่สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ทั่วกทม. จำนวน 30 แห่ง เช่น กระทรวงต่างๆ ศาลาว่าการ สถานที่ราชการต่างๆ ทั่วกทม.
**ป.ป.ช.ยังไม่ได้ย้ายสำนักงาน
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 มี.ค. ตนพร้อมด้วยเลขาธิการ ป.ป.ช.ได้เดินทางไปดูที่เกิดเหตุ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งสำนักงานแห่งใหม่นี้ทาง ป.ป.ช. อยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่ก็เสร็จเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้วซึ่งยังไม่ได้มาทำงานที่นี่ เท่าที่ดูความเสียหายก็สามารถซ่อมแซมได้ ไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม สำนักงาน ป.ป.ช. จะย้ายมาทำงานที่สำนักงานใหม่นี้ประมาณเดือน พ.ค. ที่จะถึงนี้
ประธานป.ป.ช.กล่าวว่า กรรมการ ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ยังคงทำงานกันตามปกติ แม้ว่าจะมีความไม่สะดวกบ้างในเรื่องการเดินทางเข้าออกสำนักงานบริเวณถนนพิษณุโลก และในสัปดาห์หน้า ยังคงทำงานตามปกติเช่นเดิม
ส่วนเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่นั้นเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ยังคงปฏิบัติหน้าที่เข้มแข็งเช่นเดิม ส่วนกรรมการทุกคนคงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นไม่ประมาท การเพิ่มเจ้าหน้าที่อารักขากรรมการ ป.ป.ช. นั้นคงต้องแล้วแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารจะพิจารณา ยังไม่ได้มีการร้องขอไปแต่อย่างใด
**ป.ป.ช.ขอตร.-ทหารเพิ่มอารักขา
นายอภินันทน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์คนร้ายปาระเบิดใส่สำนักงาน ป.ป.ช.แห่งใหม่ที่ จ.นนทบุรี ว่า น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ป่วนเมืองมากกว่า แต่ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองหรือไม่ หลังจากนี้ป.ป.ช.จะเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยสำนักงานป.ป.ช. ที่ ถ.พิษณุโลก และที่ จ.นนทบุรี ให้มากขึ้น โดยประสานขอกำลังตำรวจ ทหาร มาช่วยดูแลมากขึ้น
"ที่ผ่านมา สำนักงานป.ป.ช.ได้เตรียมการเฝ้าระวังความปลอดภัยในส่วนของสถานที่ไว้อย่างดีแล้ว แต่ก็ถูกอาศัยจังหวะทีเผลอขึ้นจนได้"
เลขาป.ป.ช.กล่าวว่า ในการประชุม ป.ป.ช. วันที่ 23 มี.ค. นี้ คงมีการหารือถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในสำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช.ได้แสดงความเป็นห่วงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ป.ป.ช. และได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกคนระวังความปลอดภัย แต่คณะกรรมการป.ป.ช.ทุกคนไม่รู้สึกหวั่นไหวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
**ประธาน อบจ.โคราชยังปฏิเสธ**
นายคณะวัฒน์ อังสนานิวัฒน์ ประธานสภาอบจ.นครราชสีมากล่าวถึงกรณีมีผู้พบเสื้อยืดมีชื่อตนเองอยู่ด้านหลังตกอยู่ในรถกระบะคันต้องสงสัยว่าเป็นพาหนะของคนร้ายที่ยิงจรวดอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหมเมื่อคืนนี้ว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดใดๆกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามเสื้อยืดที่ตนแจกให้กับชาวบ้านมีเป็นหมื่นตัว จะไปทราบได้อย่างไรว่าตัวไหนใครใส่ไปที่ไหนและไปอยู่ในรถคันต้องสงสัยได้อย่างไร ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้รู้เห็นด้วย ส่วนตัวไม่ได้เกี่ยวข้องหรือไปยุ่งเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงใดๆทั้งสิ้น เพราะตนไม่ใช่เสื้อแดง
เรื่องนี้ชาวอ.สีคิ้วและชาวโคราชทราบดีว่าตนเป็นคนอย่างไรและไม่ได้ฝักใฝ่กับสีใดทั้งนั้น ทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกกลุ่มไม่ได้เลือกปฏิบัติ เรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมให้มีการตรวจสอบและยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ ไม่ได้มีความหวั่นไหวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงแม้อาจจะมีผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์แล้วโยนความผิดมาให้ก็ตาม
**ตำรวจประเมินม็อบแดงชุมนุม**
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.ประจำ บช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ว่ายังมีการชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนิน โดยผู้ชุมนุมรวมตัวกันหนาแน่นบริเวณเวทีปราศรัยใหญ่สะพานผ่านฟ้าฯ มีจำนวนประมาณ 9,500 คน สำหรับสถานการณ์เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ตำรวจสันติบาลได้ประเมินกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนตัวไปตามที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ว่ามีรถจักรยานยนต์ไม่ต่ำกว่า 25,000 คัน รถยนต์ 2,000 คัน ประชาชนจำนวน 6-7 หมื่น ส่วนคนกลับเข้ามาฟังการปราศรัยจำนวนสูงสุดในเวลา 23.00 น.ประมาณ 53,000 คน และแยกกันกลับในเวลาประมาณเที่ยงคืน เหลือจำนวนเพียงหมื่นกว่าคนจนถึงช่วงเช้า
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์พบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมยังเคลื่อนไหวตลอดเวลา มีผู้หญิงประมาณ 60% ชาย 40% สำหรับช่วงอายุ 30-50 มีจำนวนมากที่สุด 60-70% ผู้สูงอายุเกินกว่า 50 ปี 10-15% เท่ากับวัยหนุ่มสาว 20-30 ปี ส่วนวัยรุ่นที่อายุต่ำกว่า 20 ปีมีเพียง 10% ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นพบว่าคนต่างจังหวัดที่กลับไปเมื่อ 2-3 วันก่อนก็กลับมาร่วมชุมนุมอีก มีหลายส่วนที่อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลที่มาเย็นและกลับช่วงดึก
**เพิ่มจุดตรวจนอกพื้นที่**
สำหรับภารกิจตำรวจ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่ารอง ผบ.ตร.ได้กำชับให้ดำเนินภารกิจต่อไปหากมีการขยายเวลาในการประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคง เพื่อช่วยเหลือกองทัพในการดูแลการชุมนุมต่อไป โดยมีภารกิจ 4 อย่างคือ ดูแลผู้ชุมนุมไม่ให้เกิดความเสียหายเหตุรุนแรง เตรียมรับสถานการณ์ดาวกระจาย เตรียมมาตรการการปิดล้อมสถานที่ และพร้อมรับปัญหาเหตุก่อกวนซึ่งมีแนวโน้มน่าเป็นห่วง ซึ่งหลายจุดในการชุมนุมมีการเปลี่ยนแปลง พร้อมตั้งจุดตรวจสายตรวจนอกพื้นที่ชุมนุมมากขึ้นรวมทั้งตรอก ซอย บนถนนราชดำเนินโดยประสานกำลังกับ สน.พื้นที่
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ทั้งนี้ยังมีหนังสือเตือนเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการดูแลการชุมนุม หากพกอาวุธเข้ามาในพื้นที่แล้วถูกจับกุมดำเนินคดี จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดไม่มีข้อยกเว้น หากเป็นตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ต้องได้แจ้งผู้บังคับบัญชาและได้รับอนุญาตเฉพาะการควบคุมสถานการณ์ก่อนเท่านั้น ส่วนตำรวจที่ไม่อยู่ในพื้นที่ชุมนุมให้ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
**ขอเสื้อแดงใช้พื้นที่จัดงานกาชาด**
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 กล่าวถึงการเจรจากับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในการขอพื้นที่เพื่อจัดงานกาชาดในปลายเดือนนี้ว่า ได้เจรจากับแกนนำเกี่ยวกับขอพื้นที่การชุมนุมบางส่วนจัดงานกาชาดหลายวันแล้วแต่ปรากฎว่ายังไม่มีการเคลื่อนย้าย จึงไปทวงถามอีกครั้งหนึ่งเพราะร้านค้าในงานกาชาดต้องมีการเตรียมตั้งร้านก่อนวันงาน ซึ่งหลังการพูดคุยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็รับปากจะรื้อให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 21 มี.ค.นี้ โดยการเจราจาขอพื้นที่ไม่มีเงื่อนไขอะไร
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ที่จะขอใช้จัดงานกาชาดคือบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า โดยใช้พื้นที่บริเวณตั้งแต่บริเวณถนนอู่ทองในจนถึงบริเวณแยกสวนมิสกวัน โดยจะขอให้ย้ายจุดชุมนุมไปอยู่ถนนลูกหลวง ฝั่งกระทรวงศึกษาธิการ แต่ที่ลำบากคือการรื้อห้องน้ำ แต่ส่วนไหนที่ย้ายได้ร้านค้าก็จะตั้งร้านได้ก่อน ซึ่งการเจรจาก็เป็นไปด้วยดี แกนนำ นปช.ก็ไม่ได้ร้องขออะไร เพียงแค่ขอให้ช่วยรักษาความปลอดภัยให้กลุ่มผู้ชุมนุม
ผู้สื่อข่าวถามว่าเกิดเหตุรุนแรงหลายจุด พื้นที่ บก.น.1 มีสถานที่สำคัญหลายแห่งต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยหรือไม่ ผบก.น.1 กล่าวว่า เราได้เสริมมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยก่อนหน้านี้มาเป็นเดือนแล้ว โดยให้ชุดเคลื่อนที่เร็ว ปะฉะดะ ของ บก.น.1 ออกตรวจทุกคืน รวมทั้งสายสืบนอกเครื่องแบบจำนวน 80 นายออกตรวจตราหาข่าวตลอด เพราะเป็นห่วงสถานการณ์ไม่อยากให้เกิดเหตุรุนแรง
***แม้วสั่งจับหัวหน้าปฏิวัติมาแขวนคอ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วีดีโอลิงก์มายังเวทีเสื้อแดง กล่าวตอนหนึ่งว่า 2-3 วันนี้ เขาจะจับแกนนำ เราจะปล่อยให้จับหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ไปอยู่ในค่ายทหารติดนิสัยเผด็จการจากทหารมาเยอะ ที่บอกให้ตนรับกติกากฎหมายก่อนนั้น ต้องถามว่า กติกาที่ว่า เหตุใดเมื่อยุบสภา ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ลงเลือกตั้ง ทำไมประกาศบอยคอตการเลือกตั้ง และให้ทหารมาปฏิวัติ จนได้ประโยชน์จากมทหาร มาตั้งรัฐบาลชัดเจนมาก ถือว่ามาชื่นชมกติกาคณะปฏิวัติ เป็นพวกเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง อาศัยประชาธิปไตยโก้ๆ แล้วมาอาศัยเผด็จการเต็มที่
“จะทำอย่างไรดี หากมีการปฏิวัติอีก ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้ามีอีกก็ให้จับหัวหน้าปฏิวัติมาแขวนคอ ขอให้ผมเป็นเหยื่อคนสุดท้าย เพราะผมเป็นสัญลักษณ์ที่ถูกทำลายโดยอำมาตย์ เพราะผมเพียงต้องการให้ประชาชนไม่ยากจนเท่านั้น” อดีตนายกฯกล่าวและว่า ที่ผ่านมาเป็นการแย่งชิงโอกาสทางทรัพยากรและอำนาจ เพราะมีคนกลุ่มหนึ่ง พอใจสถานภาพตัวเองในปัจจุบัน ลืมคืดถึงลูกหลาในอนาคต ทำให้อำมาตย์ ได้ประโยชน์จากการผ่านกระบวนการปฏิวัติ และการเมืองที่มีรัฐบาลเสียงอ่อนแอ จนมีการต่อรอง ในวันจันทร์นี้ (22 มี.ค.) คนเสื้อแดงจะต้องออกมาเยอะๆ คนต่างจังหวัด และคนกทม. ต้องมาให้มาก 2-3 คืนนี้ให้คนเสื้อแดงไปตั้งจานดาวเทียม ตามศาลากลาง จะได้ร่วมคุ้มครองคนที่ราชดำเนินไปด้วย เราต้องกระจาย กำลังไปทั่วประเทศ ไม่เช่นนั้นจะถูกปิดประตูตีแมว เป็นแผนทำลายคนเสื้อแดง
“รัฐบาลใช้สื่อรัฐ โฆษณามอมเมาว่า ยอดคนเสื้อแดงมากันนิดเดียว มาเกะกะ ระรานคนกทม. พวกอำมาตย์ ก็ไม่รู้ ไปสั่งการผิดๆไป ผมว่าเขาจะเสียใจทีหลัง เขาก็บอกว่า พี่น้องถูกจ้างมา เป็นว่ามาดูถูกศักดิ์ศรี ไม่ยอมรับคนเสื้อแดงเป็นคนไทยหรือไง ความจริงคนเสื้อแดง ก็มีจิตสำนึกต่อบ้านเมือง นึกถึงคนในอนาคต”
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า จะมีการมาขนคนกลับบ้านและจับแกนนำ ขอบอกว่า บ้านเมืองไม่มีทางสงบ ไหนนายอภิสิทธิ์ในสมัยเป็นฝ่ายค้านบอกว่า ที่ต่างประเทศเขาต่อสู้เรื่องเอฟทีเอ คนมาไม่กี่คนเขาก็ต้องฟัง แต่พวกเราไม่ใช่คนไทยหรือยังไง นายอภิสิทธิ์ ลืมไปแล้ว ที่พูดว่าคนเดียวก็ต้องฟัง อย่างนี้ยุบสภาดีกว่า ลาออกไม่ได้แล้ว.