“ปทีป” เผยคนร้ายยิงจรวดอาร์พีจีเข้าใส่อาคารกระทรวงกลาโหม แต่หัวจรวดติดสายไฟฟ้าอย่างปาฏิหาริย์ คาดคนร้ายมีสองคนและได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุ จนท.ตรวจเช็กไปยัง รพ.ใกล้เคียง แต่ไม่พบเบาะแสคนร้าย พร้อมเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยทั่ว กทม.และยังไม่ฟันธงฝีมือแนวร่วมเสื้อแดงหรือไม่
วันนี้ (21 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ สน.สำราญราษฎร์ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.ได้เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดีคนร้ายใช้เครื่องยิงจรวดอาร์พีจียิงใส่กระทรวงกลาโหม ประกอบด้วย พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.สำราญราษฎร์ พ.ต.อ.จำลอง สว่างวงศ์ ผกก.สส.น.6 และ พ.ต.ท.กำธร อุ่ยเจริญ รอง ผกก.กตว.บก.ตปพ.โดยใช้เวลาในการประชุม 2 ชั่วโมง
ภายหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.ปทีป เปิดเผยว่า วันนี้ก็ได้เรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสรุปเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในแง่ของการดำเนินการหลังเกิดแหตุจนถึงเวลานี้ตอบได้ว่า ตำรวจได้ตีวงแคบเข้ามาพอสมควรแล้วแต่ยังให้ข่าวใดๆ เกี่ยวกับกลุ่มคนร้ายไม่ได้ เนื่องจากอาจไปกระทบกับแนวทางการสืบสวนสอบสวน ส่วนรถยนต์ต้องสงสัยขณะนี้ตรวจสอบแล้วว่า ป้ายทะเบียน ตศ 9818 กทม.นั้นเป็นของปลอม แต่เรากำลังตรวจเช็กเลขเครื่องเพื่อหาตัวเจ้าของรถอยู่ สำหรับของกลางที่ตำรวจยึดได้ภายในรถคือเครื่องยิงจรวด อาร์พีจี 7 พร้อมปลอกกระสุนพีจี 7, ปืนกล 1 กระบอก, ลูกกระสุนปืนขนาด .45 ประมาณ 20 ลูก และระเบิดมือเอ็ม 67 จำนวน 3 ลูก สำหรับกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า คนร้ายน่าจะได้รับบาดเจ็บด้วยนั้น จากการตรวจสอบตามโรงพยาบาลในละแวกใกล้เคียงแล้วไม่พบว่ามีบุคคลต้องสงสัยรายใดเข้าไปรับการรักษาตัว
พล.ต.อ.ปทีป กล่าวอีกว่า เท่าที่ดูทิศทางการยิงเชื่อว่าคนร้ายพุ่งเป้าไปที่อาคารของกระทรวงกลาโหมอย่างแน่นอน แต่จะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปาระเบิดที่ทำการ ป.ป.ช.จังหวัดนนทบุรี ในเวลาไล่เลี่ยกัน และเหตุการณ์คนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปในกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็ก รักษาพระองค์ก่อนหน้านี้หรือไม่ ยังไม่ทราบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้กำชับมาว่าให้เร่งสืบสวนหาตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว และตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ทำการควบคุมดูแลและติดตามผลความคืบหน้าคดีนี้โดยเฉพาะขอยืนยันว่า ทางตำรวจยังไม่ได้สรุปว่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มคนเสื้อแดงหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยหลังจากคืนนี้ไปคงจะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และเทศกิจมาประจำจุดตรวจให้มากยิ่งขึ้น
“อยากจะฝากไปถึงพี่น้องประชาชนด้วยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังรักษาการณ์ตามจุดตรวจต่างๆ เยอะมากแต่จะให้ครอบคลุมทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร ตลอด 24 ชั่วโมง คงจะเป็นไปไม่ได้ แม้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงลักษณะนี้แต่เราก็ยังไม่ถอยและจะเพิ่มจุดตรวจให้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นหากพบเห็นกลุ่มคนต้องสงสัยว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคง ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด” พล.ต.อ.ปทีป กล่าว
จากนั้น พล.ต.อ.ปทีป พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.ตปพ.ได้ร่วมกันตรวจสอบรถกระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ซึ่งเป็นยานพาหนะที่คนร้ายใช้อีกครั้งหนึ่ง โดย พ.ต.ท.กำธร อุ่ยเจริญ รอง ผกก.กตว.บก.ตปพ.ได้นำเอาเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 7 ซึ่งเป็นของกลางคดีเก่า แต่เป็นชนิดเดียวกันกับที่ยึดได้ภายในรถเมื่อคืนนี้มาทำการจำลองสถานการณ์ขณะคนร้ายก่อเหตุด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการจำลองทิศทางการยิงของคนร้าย เชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีจำนวน 2 คน โดยคนขับได้นำรถไปจอดริมฟุตปาธบริเวณด้านข้างร้านชุบพรชัย ในซอยแพร่งภูธร ในลักษณะหันหัวเข้าไปในซอย ก่อนที่คนนั่งข้างกันจะเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินไปที่ท้ายรถห่างจากประตูหน้าซึ่งเปิดค้างเอาไว้พรางตัวเอง ประมาณ 5 เมตร ก่อนนั่งลงกับพื้นแบกเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 7 ประทับบ่ายิงใส่เป้าหมายบริเวณด้านหลังอาคารกระทรวงกลาโหม แต่กระสุนพลาดเป้าไปติดสายไฟฟ้าปากซอยแพร่งภูธร ที่ระโยงระยางกันอยู่จำนวนมาก ส่วนร่องรอยที่กระจกรถคนร้ายแตกนั้นเกิดจากแรงอัดท้ายเครื่องยิงจรวดหลังลั่นไก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายทั้ง 2 รายก็น่าจะได้รับบาดเจ็บด้วย อย่างน้อยคนยิงก็ต้องมีอาการนิ้วมือพุพองอย่างแน่นอน