ASTV ผู้จัดการรายวัน – ตลาดหุ้นไทยทะยานพุ่งขึ้นอีก 15 จุด ปิดที่ 774.59 จุด เมินม็อบแดงไพร่ป่วนรอบกรุง ต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 2.7 พันล้านบาท ชี้ภาพรวมเม็ดเงินไหลเข้าจนดันดัชนีดีดตัวสูงกว่าตลาดอื่นๆในภูมิภาค โบรกฯมองเทรนด์ยังเป็นขาขึ้นในระยะยาว แต่เตือนต้องจับตาดูทิศทางเม็ดเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่อาคารตลาดหุ้นไร้วี่แววม็อบถ่อยมาป่วน ตามที่ขู่ไว้
ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (19มี.ค.)ปิดที่ระดับ 774.59 จุด เพิ่มขึ้น 15.57 จุด หรือ 2.05% สูงสุดในรอบ 21เดือน มูลค่าการซื้อขาย 33,988.78 ล้านบาท โดยเม็ดเงินจากนอกประเทศยังไหลเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งนักลงทุนคลายความกังวลจากปัจจัยการเมือง ระหว่างปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 776.42 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 762.79 จุด
ขณะที่การซื้อขายแยกตามประเภทนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิอีก 2,742.02 จุด ตามมาด้วยบัญชีบริษัทหลักทรัพย์(บล.) 158.26 ล้านบาท และสถาบันซื้อสุทธิ 77.66 ล้านบาท โดยนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิเพียงฝ่ายเดียว 2,977.95 ล้านบาท
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ TCAP มูลค่าการซื้อขาย 2,460.79 ล้านบาท ปิดที่ 24.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,885.54 ล้านบาท ปิดที่ 96.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.75 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,749.96 ล้านบาท ปิดที่ 251.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,673.94 ล้านบาท ปิดที่ 93.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.25 บาท และ CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,560.26 ล้านบาท ปิดที่ 14.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้น ในทิศทางที่ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในแถบภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะบวกเล็กน้อย เนื่องจาก Fund Flow ไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง และปัจจัยการเมืองซึ่งเป็นปัจจัยหลักตอนนี้เริ่มบรรเทาไปแล้ว ทำให้ดัชนีตลาดขึ้นมาแรงกว่าตลาดอื่นในภูมิภาค นอกจากนี้ ตัวเลขการส่งออกของไทยล่าสุดก็ออกมาดี ถือว่าแข็งแกร่งมาก และอัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในทิศทางที่จะปรับตัวขึ้นได้อีก โดยภาพรวมวานนี้กลุ่มแบงก์ดูดีมาก และวานนี้หุ้นในกลุ่มแบงก์ก็ขึ้นนำตลาดฯด้วย
"เท่าที่ดูการเทรดหุ้นเป็นลักษณะของการสลับกลุ่มเล่นไป-มา ตรงนี้ทำให้บอกได้เลยว่าการขยับตัวขึ้นของตลาดฯ สามารถเป็นไปได้ในระยะยาว ดูจากที่เล่นกลุ่มพลังงาน แล้วย้ายไปเล่นกลุ่มแบงก์ แล้วย้ายออกจากแบงก์ ไปเล่นกลุ่มอื่น และวานนี้ก็กลับมาเล่นแบงก์อีก ต่อไปอาจจะไปเล่นพลังงานอีกก็ได้ ซึ่งหากเป็นลักษณะนี้ หุ้นจะไปได้ดี ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี"นายมงคล กล่าว
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า (22 – 26 มี.ค.) ตลาดฯยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อไปได้ แต่ควรจะเกาะติดแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติประกอบด้วย พร้อมให้แนวรับ 770,760 จุด แนวต้าน 780, 800 จุด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชียพลัส กล่าวว่า การซื้อขายในตลาดหุ้นไทยในวานนี้ที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 15 จุด เนื่องจากยังคงได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินลงทุนต่างชาติ ที่ไหลเข้ามาซื้อสิทธิในหุ้นไทยต่อเนื่อง และเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจในเอเชียที่ฟื้นตัวเร็วกว่า ภูมิภาคอื่น จึงทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุน
ส่วนทิศทางตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้า คาดว่ายังคงขึ้นอยู่กับกระแสเงินลงทุนต่างชาติ และความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ในวานนี้ไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดง เดินทางมายังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามที่ได้ประกาศไว้ ขณะที่การดูแลรักษาความปลอดภัยของอาคารที่ตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงเฝ้าสังเกตการณ์อย่างต่อเนื่อง
โดย นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า วานนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เตรียมความพร้อมในการดูแลระบบงานต่างๆ และการดูแลความปลอดภัยของอาคาร โดยได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดในการตรวจและเฝ้าระวังรถที่เข้า-ออกภายในอาคาร ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถดูแลสถานการณ์หากกลุ่มคนเสื้อแดงที่ประกาศจะมาทวงคำตอบได้
อีกทั้ง กล่าวย้ำวล่า การที่ราคาดัชนีหลักทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ ได้มีการชี้แจงไปแล้วว่าเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติทีไหลเข้ามาลงทุนในเอเชีย และการปรับขึ้นของตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน รวมถึงพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ปรับตัวดีขึ้น
ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (19มี.ค.)ปิดที่ระดับ 774.59 จุด เพิ่มขึ้น 15.57 จุด หรือ 2.05% สูงสุดในรอบ 21เดือน มูลค่าการซื้อขาย 33,988.78 ล้านบาท โดยเม็ดเงินจากนอกประเทศยังไหลเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งนักลงทุนคลายความกังวลจากปัจจัยการเมือง ระหว่างปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 776.42 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 762.79 จุด
ขณะที่การซื้อขายแยกตามประเภทนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิอีก 2,742.02 จุด ตามมาด้วยบัญชีบริษัทหลักทรัพย์(บล.) 158.26 ล้านบาท และสถาบันซื้อสุทธิ 77.66 ล้านบาท โดยนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิเพียงฝ่ายเดียว 2,977.95 ล้านบาท
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ TCAP มูลค่าการซื้อขาย 2,460.79 ล้านบาท ปิดที่ 24.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,885.54 ล้านบาท ปิดที่ 96.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.75 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,749.96 ล้านบาท ปิดที่ 251.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,673.94 ล้านบาท ปิดที่ 93.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.25 บาท และ CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,560.26 ล้านบาท ปิดที่ 14.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้น ในทิศทางที่ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในแถบภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะบวกเล็กน้อย เนื่องจาก Fund Flow ไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง และปัจจัยการเมืองซึ่งเป็นปัจจัยหลักตอนนี้เริ่มบรรเทาไปแล้ว ทำให้ดัชนีตลาดขึ้นมาแรงกว่าตลาดอื่นในภูมิภาค นอกจากนี้ ตัวเลขการส่งออกของไทยล่าสุดก็ออกมาดี ถือว่าแข็งแกร่งมาก และอัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในทิศทางที่จะปรับตัวขึ้นได้อีก โดยภาพรวมวานนี้กลุ่มแบงก์ดูดีมาก และวานนี้หุ้นในกลุ่มแบงก์ก็ขึ้นนำตลาดฯด้วย
"เท่าที่ดูการเทรดหุ้นเป็นลักษณะของการสลับกลุ่มเล่นไป-มา ตรงนี้ทำให้บอกได้เลยว่าการขยับตัวขึ้นของตลาดฯ สามารถเป็นไปได้ในระยะยาว ดูจากที่เล่นกลุ่มพลังงาน แล้วย้ายไปเล่นกลุ่มแบงก์ แล้วย้ายออกจากแบงก์ ไปเล่นกลุ่มอื่น และวานนี้ก็กลับมาเล่นแบงก์อีก ต่อไปอาจจะไปเล่นพลังงานอีกก็ได้ ซึ่งหากเป็นลักษณะนี้ หุ้นจะไปได้ดี ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี"นายมงคล กล่าว
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า (22 – 26 มี.ค.) ตลาดฯยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อไปได้ แต่ควรจะเกาะติดแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติประกอบด้วย พร้อมให้แนวรับ 770,760 จุด แนวต้าน 780, 800 จุด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชียพลัส กล่าวว่า การซื้อขายในตลาดหุ้นไทยในวานนี้ที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 15 จุด เนื่องจากยังคงได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินลงทุนต่างชาติ ที่ไหลเข้ามาซื้อสิทธิในหุ้นไทยต่อเนื่อง และเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจในเอเชียที่ฟื้นตัวเร็วกว่า ภูมิภาคอื่น จึงทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุน
ส่วนทิศทางตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้า คาดว่ายังคงขึ้นอยู่กับกระแสเงินลงทุนต่างชาติ และความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ในวานนี้ไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดง เดินทางมายังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามที่ได้ประกาศไว้ ขณะที่การดูแลรักษาความปลอดภัยของอาคารที่ตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงเฝ้าสังเกตการณ์อย่างต่อเนื่อง
โดย นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า วานนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เตรียมความพร้อมในการดูแลระบบงานต่างๆ และการดูแลความปลอดภัยของอาคาร โดยได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดในการตรวจและเฝ้าระวังรถที่เข้า-ออกภายในอาคาร ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถดูแลสถานการณ์หากกลุ่มคนเสื้อแดงที่ประกาศจะมาทวงคำตอบได้
อีกทั้ง กล่าวย้ำวล่า การที่ราคาดัชนีหลักทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ ได้มีการชี้แจงไปแล้วว่าเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติทีไหลเข้ามาลงทุนในเอเชีย และการปรับขึ้นของตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน รวมถึงพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ปรับตัวดีขึ้น
