ASTVผู้จัดการรายวัน - “อภิสิทธิ์” เตรียมฟ้องหมิ่น “นช.แม้ว.-ไอ้กี้ร์-ไอ้ตู่-สุภรณ์" ฐานปราศรัยบิดเบือนข้อเท็จจริง เชื่อแม้วผู้บงการตัวจริง แนะให้ย้ายเวทีไปสนามหลวง เหตุรบกวนคนกรุง-ขวางงานกาชาด จับพิรุจแม้ววิดีโอลิงค์ ไม่พูดถึงความขัดแย้ง นปช.
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชา ได้วิดีโอลิงค์มาบนเวทีใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ประกอบกับการปราศรัยของแกนนำคนเสื้อแดงหลายคน ที่บิดเบือนข้อเท็จจริง และใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งหากปล่อยให้เหตุการณ์นี้ผ่านไปหลายครั้งโดยไม่ดำเนินการใดๆ จะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า เรื่องดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริง นายกฯจึงมอบหมายให้สำนักงานกฎหมาย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช โดยนายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ที่ปรึกษานายกฯเป็นคนดูแลคดี รวบรวมพยานหลักฐานการพูดปราศรัยและการวิดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่บิดเบือนข้อเท็จจริงในต่างกรรมต่างวาระ
“เช่น การกล่าวหาว่านายกฯเป็นฮิตเล่อร์ โดยยกเหตุการณ์สงกรานต์เลือด การใช้คลิปตัดต่อเสียงนายกฯ ว่าเป็นคนสั่งฆ่าประชาชน ซึ่งเป็นการกล่าวเท็จโดยสิ้นเชิง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณต่างหากที่มีพฤติกรรมเหมือนกับฮิตเล่อร์ ในการฆ่าตัดตอน 2,500 ศพ ที่ปราบปรามการค้ายาเสพติด การฆ่าประชาชนที่มัสยิดกรือเซะ รวมไปถึงข้อกล่าวหาว่า นายกฯแวดล้อมไปด้วยบุคคลสีม่วง ซึ่งไม่เข้าใจว่าหมายถึงใคร ถ้าจะหมายถึงตนเองคงไม่ใช่สีม่วง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณต่างหากที่ใกล้ชิดกับบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสีม่วง ก็อยากถามว่า นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มแดงสยามเป็นสีม่วงหรือไม่ การกล่าวหาว่านายกฯ ไม่มีหิริโอตัปปะ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นมาโดยตลอด โดยเฉพาะการไม่ละอายต่อบาป ไม่ฟังบุคคลอื่นที่มาวิจารณ์ตัวเอง
นอกจากนี้ ยังรวมถึงการฟ้องหมิ่นประมาทของกลุ่มนปช. อย่างน้อย 3 คนที่ใช้คลิปเสียงอันเป็นเท็จ คือ นายจตุพร พรมพันธุ์ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ซึ่งจะได้รวบรวมพยานหลักฐานตั้งแต่วันที่ 14-18 มีนาคม และจะดำเนินคดีทุกคดีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปิดคลิปเสียงครั้งใดจะฟ้องทุกครั้ง ถือว่าเป็นกรรมต่างวาระ และอยากให้สื่อสังเกตการณ์ การตัดต่อคลิปเสียงนายกฯ เป็นการตัดต่อจุดบกพร่องที่จับได้คือ 1. การขึ้นต้นของคลิปเสียงที่บอกว่า “ทุกท่านคงจะได้ฟังและเหตุการณ์” โดยหลังจากนั้นเป็นการตัดต่อ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคำพูดที่เอามาตัดต่อ เป็นเหตุการณ์หลังสงกรานต์เลือด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ว่า นายกฯจะสั่งใช้ความรุนแรงกับม็อบ ซึ่งเป็นข้อเท็จริงที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ดังกล่าว
2.กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้วิดีโอลิงค์มาเมื่อคืนที่เวทีคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นภาพที่ปรากฏชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คือ ผู้จัดการม็อบตัวจริงและบงการแกนนำ ส่วนสามเกลอเป็นแค่หุ่นเชิดและนอมินีให้ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ชื่นชมการดาวกระจายของแกนนำนปช. ที่ไปเทเลือดที่หน้าทำเนียบรัฐบาล และบ้านนายกฯ แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนกำหนด และรับรู้การกระทำครั้งนี้อย่างชัดเจน รวมถึงการจัดเวทีย่อยที่สะพานมัฆวานฯ ว่ามีเยาวชนที่สนใจ และสั่งให้นายวีระ มุสิกพงศ์ ไปนำปราศรัย และพูดในลักษณะว่ามวลชนกลุ่มหนึ่งไม่ได้ทานข้าวหนึ่งถึงสองวัน จึงสั่งให้จัดตั้งโรงครัวให้อยู่ในม็อบ และเมื่อคืนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ขึ้นเวที และเป็นที่ยอมรับว่า ภายใต้การสั่งการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นมาบนเวทีร่วมกับคนสำคัญด้วย
นายเทพไทกล่าวว่า การประกาศของ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าให้คนเสื้อแดงอดทนภายใน 7 วัน ก็จะได้ประชาธิปไตย ตนอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รักษาคำพูด ถ้าหากว่าภายใน 7 วันไม่ประสบความสำเร็จในข้อเรียกร้อง ก็อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีการสั่งการให้สลายการชุมนุม เพราะการชุมนุมที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบให้เดือดร้อน กระทบต่อการลงทุน และกระทบต่อการเดินทางเยือนของราชวงศ์ญี่ปุ่นและผู้นำสหรัฐอเมริกา ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับการชุมนุมของ นปช.ทั้งสิ้น
อยากเรียกร้องไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ และแกนนำทุกคนว่าน่าจะจัดระเบียบการชุมนุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับคน กทม. อยากเสนอว่า น่าจะย้ายเวทีการชุมนุมไปปักหลักที่ท้องสนามหลวง ซึ่งจะไม่รบกวนการจราจรของประชาชน โดยเฉพาะถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นเส้นทางหลักของ กทม.และจะมีการจัดงานกาชาดที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้เห็นว่าสนามหลวงเป็นสถานที่ที่จัดได้ เพราะกลุ่มแดงสยามได้ยกเลิกการชุมนุมไปแล้ว จึงอยากให้ นปช.เห็นแก่ส่วนรวมและคนกทม.ที่จะต้องใช้ชีวิตประจำวันด้วย
สำหรับความขัดแย้งของแกนนำ นปช.ในกลุ่มต่างๆ นั้น เป็นที่น่าสังเกตุ คือ เมื่อคืนแกนนำสามเกลอออกมาปราศรัยบนเวที โจมตี พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง และนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ อย่างรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่ง ถึงแม้จะมีความขัดแย้ง แต่ไม่ควรมีการปราศรัยรุนแรงขนาดนี้
จึงขอตั้งข้อสังเกต เรื่องความขัดแย้ง ดังนี้ คือ 1. เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการแสดง เพื่อตบตาประชาชนหรือไม่ 2. เป็นการแยกบทบาทในการแสดงการเคลื่อนไหวหรือไม่ โดยพยายามที่จะแยกให้เห็นว่า ถ้ามีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ก็ไม่เกี่ยวกับแกนนำ นปช. แต่เป็นการสร้างความรุนแรงโดย แดงฮาร์ดคอร์ ซึ่งพยายามจะโยนความผิดให้คนเหล่านั้น
3. เป็นการชิงแกนนำในหมู่คนเสื้อแดง ที่จะเข้าไปควบคุมมวลชน โดยเฉพาะกระแสข่าวที่ว่า มีท่อน้ำเลี้ยงก๊อก 2 ไหลมาอีกระลอกหนึ่ง เป็นการชิงความเป็นเจ้าของในการใช้จ่ายหรือไม่
นายเทพไทกล่าวว่า วิดีโอลิงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีการพูดถึงความขัดแย้งของกลุ่มคนเหล่านี้เลย ซึ่งถือเป็นความผิดปกติ หรืออาจต้องการใช้คนกลุ่มต่างๆ เพื่อต่างกรรมต่างวาระเพื่อประโยชน์ของตัวเองใช่หรือไม่
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยได้พยายามที่จะปูดว่า มีความขัดแย้งในพรรคประชิปัตย์ เกี่ยวกับข้อเสนอของกลุ่มคนเสื้อแดงในเรื่องการยุบสภา โดยพาดพิงไปยังนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ ว่า นายชวนต้องการยุบสภา แต่คนรอบข้างนายกฯ ไม่เห็นด้วย ก็อยากชี้แจงว่า ในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น และไม่เคยหยิบยกเรื่องการยุบสภามาพูดคุยแม้แต่ครั้งเดียว อำนาจการยุบสภาเป็นเรื่องของนายกฯ และนายกฯ ก็ได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่มีเงื่อนไขใดๆ ที่จะต้องสั่งการตามที่คนเสื้อแดงเรียกร้อง
ส่วนการกล่าวหาว่าคนรอบข้างนายกฯเป็นคนหัวนอกก็ไม่เป็นความจริง ดังนั้นไม่ควรมาสร้างความแตกแยกให้พรรคประชาธิปัตย์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนอยากให้พรรคเพื่อไทยดูแลลูกพรรคให้ดีเสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยุบสภาหรือการลาออกของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่าเป็นเอกภาพหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเสนอองแกนนำ นปช. ที่ออกมาเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยลาออก จากการเป็น ส.ส.ทั้งหมด แต่สุดท้ายก็มาเบี่ยงเบนประเด็นว่าไม่สามารถลาออกได้ เพราะกลัวว่าจะต้องชดเชยค่าใช้จ่ายเลือกตั้งคนละ 10 ล้านบาทซึ่งไม่เป็นความจริง ในกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่มีบัญญัติไว้ ดังนั้นถ้าหากส.ส.พรรคเพื่อไทยจะลาออก ก็ลาออกเพราะความประสงค์ของตัวเอง ถ้าไม่ลาออกอย่าไปโยนความผิดให้รัฐธรรมนูญ
“อยากเรียกร้อง ส.ส.ที่ขึ้นเวทีเสื้อแดง ว่าให้เลือกเอาระหว่างการเมืองในสภาและนอกสภา ถ้าอยากทำการเมืองนอกสภาขอให้ลาออก ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะแกนนำที่มาจากระบบสัดส่วน ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อการเลือกตั้งเลย เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายมานิต จิตต์จันทร์กลับ ก็สามารถลาออกได้ทันที แต่นายจตุพรพยายามออกมาเบี่ยงเบนประเด็นว่า การที่ ส.ส.ทั้งหมดไม่ลาออก เพราะกลัวต้องชดใช้เลือกตั้งซ่อมไม่เป็นความจริง ดังนั้นข้อเรียกร้องนี้มาจาก นปช. นายจตุพรก็ควรทำเป็นตัวอย่างเสียก่อน” นายเทพไทกล่าว.
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชา ได้วิดีโอลิงค์มาบนเวทีใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ประกอบกับการปราศรัยของแกนนำคนเสื้อแดงหลายคน ที่บิดเบือนข้อเท็จจริง และใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งหากปล่อยให้เหตุการณ์นี้ผ่านไปหลายครั้งโดยไม่ดำเนินการใดๆ จะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า เรื่องดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริง นายกฯจึงมอบหมายให้สำนักงานกฎหมาย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช โดยนายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ที่ปรึกษานายกฯเป็นคนดูแลคดี รวบรวมพยานหลักฐานการพูดปราศรัยและการวิดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่บิดเบือนข้อเท็จจริงในต่างกรรมต่างวาระ
“เช่น การกล่าวหาว่านายกฯเป็นฮิตเล่อร์ โดยยกเหตุการณ์สงกรานต์เลือด การใช้คลิปตัดต่อเสียงนายกฯ ว่าเป็นคนสั่งฆ่าประชาชน ซึ่งเป็นการกล่าวเท็จโดยสิ้นเชิง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณต่างหากที่มีพฤติกรรมเหมือนกับฮิตเล่อร์ ในการฆ่าตัดตอน 2,500 ศพ ที่ปราบปรามการค้ายาเสพติด การฆ่าประชาชนที่มัสยิดกรือเซะ รวมไปถึงข้อกล่าวหาว่า นายกฯแวดล้อมไปด้วยบุคคลสีม่วง ซึ่งไม่เข้าใจว่าหมายถึงใคร ถ้าจะหมายถึงตนเองคงไม่ใช่สีม่วง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณต่างหากที่ใกล้ชิดกับบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสีม่วง ก็อยากถามว่า นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มแดงสยามเป็นสีม่วงหรือไม่ การกล่าวหาว่านายกฯ ไม่มีหิริโอตัปปะ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นมาโดยตลอด โดยเฉพาะการไม่ละอายต่อบาป ไม่ฟังบุคคลอื่นที่มาวิจารณ์ตัวเอง
นอกจากนี้ ยังรวมถึงการฟ้องหมิ่นประมาทของกลุ่มนปช. อย่างน้อย 3 คนที่ใช้คลิปเสียงอันเป็นเท็จ คือ นายจตุพร พรมพันธุ์ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ซึ่งจะได้รวบรวมพยานหลักฐานตั้งแต่วันที่ 14-18 มีนาคม และจะดำเนินคดีทุกคดีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปิดคลิปเสียงครั้งใดจะฟ้องทุกครั้ง ถือว่าเป็นกรรมต่างวาระ และอยากให้สื่อสังเกตการณ์ การตัดต่อคลิปเสียงนายกฯ เป็นการตัดต่อจุดบกพร่องที่จับได้คือ 1. การขึ้นต้นของคลิปเสียงที่บอกว่า “ทุกท่านคงจะได้ฟังและเหตุการณ์” โดยหลังจากนั้นเป็นการตัดต่อ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคำพูดที่เอามาตัดต่อ เป็นเหตุการณ์หลังสงกรานต์เลือด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ว่า นายกฯจะสั่งใช้ความรุนแรงกับม็อบ ซึ่งเป็นข้อเท็จริงที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ดังกล่าว
2.กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้วิดีโอลิงค์มาเมื่อคืนที่เวทีคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นภาพที่ปรากฏชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คือ ผู้จัดการม็อบตัวจริงและบงการแกนนำ ส่วนสามเกลอเป็นแค่หุ่นเชิดและนอมินีให้ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ชื่นชมการดาวกระจายของแกนนำนปช. ที่ไปเทเลือดที่หน้าทำเนียบรัฐบาล และบ้านนายกฯ แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนกำหนด และรับรู้การกระทำครั้งนี้อย่างชัดเจน รวมถึงการจัดเวทีย่อยที่สะพานมัฆวานฯ ว่ามีเยาวชนที่สนใจ และสั่งให้นายวีระ มุสิกพงศ์ ไปนำปราศรัย และพูดในลักษณะว่ามวลชนกลุ่มหนึ่งไม่ได้ทานข้าวหนึ่งถึงสองวัน จึงสั่งให้จัดตั้งโรงครัวให้อยู่ในม็อบ และเมื่อคืนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ขึ้นเวที และเป็นที่ยอมรับว่า ภายใต้การสั่งการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นมาบนเวทีร่วมกับคนสำคัญด้วย
นายเทพไทกล่าวว่า การประกาศของ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าให้คนเสื้อแดงอดทนภายใน 7 วัน ก็จะได้ประชาธิปไตย ตนอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รักษาคำพูด ถ้าหากว่าภายใน 7 วันไม่ประสบความสำเร็จในข้อเรียกร้อง ก็อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีการสั่งการให้สลายการชุมนุม เพราะการชุมนุมที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบให้เดือดร้อน กระทบต่อการลงทุน และกระทบต่อการเดินทางเยือนของราชวงศ์ญี่ปุ่นและผู้นำสหรัฐอเมริกา ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับการชุมนุมของ นปช.ทั้งสิ้น
อยากเรียกร้องไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ และแกนนำทุกคนว่าน่าจะจัดระเบียบการชุมนุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับคน กทม. อยากเสนอว่า น่าจะย้ายเวทีการชุมนุมไปปักหลักที่ท้องสนามหลวง ซึ่งจะไม่รบกวนการจราจรของประชาชน โดยเฉพาะถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นเส้นทางหลักของ กทม.และจะมีการจัดงานกาชาดที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้เห็นว่าสนามหลวงเป็นสถานที่ที่จัดได้ เพราะกลุ่มแดงสยามได้ยกเลิกการชุมนุมไปแล้ว จึงอยากให้ นปช.เห็นแก่ส่วนรวมและคนกทม.ที่จะต้องใช้ชีวิตประจำวันด้วย
สำหรับความขัดแย้งของแกนนำ นปช.ในกลุ่มต่างๆ นั้น เป็นที่น่าสังเกตุ คือ เมื่อคืนแกนนำสามเกลอออกมาปราศรัยบนเวที โจมตี พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง และนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ อย่างรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่ง ถึงแม้จะมีความขัดแย้ง แต่ไม่ควรมีการปราศรัยรุนแรงขนาดนี้
จึงขอตั้งข้อสังเกต เรื่องความขัดแย้ง ดังนี้ คือ 1. เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการแสดง เพื่อตบตาประชาชนหรือไม่ 2. เป็นการแยกบทบาทในการแสดงการเคลื่อนไหวหรือไม่ โดยพยายามที่จะแยกให้เห็นว่า ถ้ามีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ก็ไม่เกี่ยวกับแกนนำ นปช. แต่เป็นการสร้างความรุนแรงโดย แดงฮาร์ดคอร์ ซึ่งพยายามจะโยนความผิดให้คนเหล่านั้น
3. เป็นการชิงแกนนำในหมู่คนเสื้อแดง ที่จะเข้าไปควบคุมมวลชน โดยเฉพาะกระแสข่าวที่ว่า มีท่อน้ำเลี้ยงก๊อก 2 ไหลมาอีกระลอกหนึ่ง เป็นการชิงความเป็นเจ้าของในการใช้จ่ายหรือไม่
นายเทพไทกล่าวว่า วิดีโอลิงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีการพูดถึงความขัดแย้งของกลุ่มคนเหล่านี้เลย ซึ่งถือเป็นความผิดปกติ หรืออาจต้องการใช้คนกลุ่มต่างๆ เพื่อต่างกรรมต่างวาระเพื่อประโยชน์ของตัวเองใช่หรือไม่
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยได้พยายามที่จะปูดว่า มีความขัดแย้งในพรรคประชิปัตย์ เกี่ยวกับข้อเสนอของกลุ่มคนเสื้อแดงในเรื่องการยุบสภา โดยพาดพิงไปยังนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ ว่า นายชวนต้องการยุบสภา แต่คนรอบข้างนายกฯ ไม่เห็นด้วย ก็อยากชี้แจงว่า ในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น และไม่เคยหยิบยกเรื่องการยุบสภามาพูดคุยแม้แต่ครั้งเดียว อำนาจการยุบสภาเป็นเรื่องของนายกฯ และนายกฯ ก็ได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่มีเงื่อนไขใดๆ ที่จะต้องสั่งการตามที่คนเสื้อแดงเรียกร้อง
ส่วนการกล่าวหาว่าคนรอบข้างนายกฯเป็นคนหัวนอกก็ไม่เป็นความจริง ดังนั้นไม่ควรมาสร้างความแตกแยกให้พรรคประชาธิปัตย์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนอยากให้พรรคเพื่อไทยดูแลลูกพรรคให้ดีเสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยุบสภาหรือการลาออกของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่าเป็นเอกภาพหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเสนอองแกนนำ นปช. ที่ออกมาเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยลาออก จากการเป็น ส.ส.ทั้งหมด แต่สุดท้ายก็มาเบี่ยงเบนประเด็นว่าไม่สามารถลาออกได้ เพราะกลัวว่าจะต้องชดเชยค่าใช้จ่ายเลือกตั้งคนละ 10 ล้านบาทซึ่งไม่เป็นความจริง ในกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่มีบัญญัติไว้ ดังนั้นถ้าหากส.ส.พรรคเพื่อไทยจะลาออก ก็ลาออกเพราะความประสงค์ของตัวเอง ถ้าไม่ลาออกอย่าไปโยนความผิดให้รัฐธรรมนูญ
“อยากเรียกร้อง ส.ส.ที่ขึ้นเวทีเสื้อแดง ว่าให้เลือกเอาระหว่างการเมืองในสภาและนอกสภา ถ้าอยากทำการเมืองนอกสภาขอให้ลาออก ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะแกนนำที่มาจากระบบสัดส่วน ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อการเลือกตั้งเลย เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายมานิต จิตต์จันทร์กลับ ก็สามารถลาออกได้ทันที แต่นายจตุพรพยายามออกมาเบี่ยงเบนประเด็นว่า การที่ ส.ส.ทั้งหมดไม่ลาออก เพราะกลัวต้องชดใช้เลือกตั้งซ่อมไม่เป็นความจริง ดังนั้นข้อเรียกร้องนี้มาจาก นปช. นายจตุพรก็ควรทำเป็นตัวอย่างเสียก่อน” นายเทพไทกล่าว.